harmonics คืออะไร

2

พระบรมราโชวาท

...ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม วางตนให้ดีเพื่อเป็นแบบอย่าง ให้สมเกียรติที่เป็นบัณฑิต และพยายามบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อเป็นกำลังแก่ชาติบ้านเมือง

เป็นทางส่งเสริมเกียรติคุณของตนเองและของสถานศึกษาอันมีเกียรติของท่าน...

(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 24 มิถุนาย 2496

3

สายใจแถลง

ค ณ ะ ผู้ จั ด ท ำ ประธาน ผู้ว่าการ คณะที่ปรึกษา รองผู้ว่าการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขตทุกเขต บรรณาธิการ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ผู้ช่วยบรรณาธิการ ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ กองบรรณาธิการ ผู้อำนวยการกองทุกกอง ผู้จัดทำ กองประชาสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ออกแบบและพิมพ์ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน)

ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว แม้เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ทั้งตรุษจีนหรือ

วาเลนไทน์ที่ช่วยให้เราได้สดใสกันอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันหัวใจของคนไทยทุกดวงก็ยังไม่คลายความเศร้า

อาลยัจากการเสดจ็สูส่วรรคาลยัของสมเดจ็พระพีน่างเธอ เจา้ฟา้กลัยานวิฒันา กรมหลวงนราธวิาสราชนครนิทร ์

ผูท้รงมคีณุปูการตอ่แผน่ดนิไทยและคนไทย เพือ่เปน็การเทดิพระเกยีรตแิละนอ้มรำลกึถงึพระองคท์า่นดว้ยจติ

จงรักภักด ี วารสารสายใจไฟฟ้าขอนำเสนอบทความอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทรง

ชบุชวีติใหก้บัคนไทยผูย้ากไรท้ัว่ประเทศมาบนัทกึไว้ในโอกาสนี้

ขณะเดียวกัน วารสารสายใจไฟฟ้ามีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้ผู้อ่านได้เพลิดเพลินจากความรู้ที ่

มาพร้อมกับความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นคอลัมน์ไฟฟ้าสู่สังคมที่นำเสนอชีวิตผู้คนในหมู่บ้านถ้ำรงค ์ อำเภอ

บ้านลาด จังหวัดเพชรบุร ี ที่ยังคงอนุรักษ์วิธ ี “ปีนตาล” และผลิตน้ำตาลโตนดให้คนอื่นๆ ได้มาศึกษาหา

ความรูจ้ากวถิขีองพวกเขา รวมถงึพาไปทอ่งเทีย่วอทุยานแหง่ชาตภิจูองนายอย จงัหวดัอบุลราชธาน ีผนืปา่

แหง่ภาคอสีานทีอ่าบอิม่ไปดว้ยความบรสิทุธิ ์ และสาระอกีมากมาย เรยีกวา่อา่นวารสารสายใจไฟฟา้เลม่เดยีว

ชว่ยขยายมมุมองเมอืงไทยและรูจ้กัการไฟฟา้สว่นภมูภิาคไปในคราวเดยีวกนั

เช่นเคยนะคะ หากผู้อ่านต้องการเสนอแนะความคิดเห็นตลอดจนสาระต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อ

การทำงานของเรา สามารถเขา้ถงึคณะผูจ้ดัทำไดอ้ยา่งสะดวกรวดเรว็ผา่นเวบ็ไซต ์www.saijaifaifamag.com

หรอืโทรสารหมายเลข 0-2590-5215 ก็ไดเ้ชน่กนัคะ่ และขอขอบคณุทกุทา่นที่ใหค้วามสนใจแวะเขา้มาเยีย่ม

เว็บไซต์ของเราและฝากข้อคิดเห็นไว ้ซึ่งคณะผู้จัดทำจะนำมาปรับใช้ในการดำเนินงานเพื่อให้วารสารสายใจ

ไฟฟา้เปน็ทีถ่กูอกถกูใจยิง่ๆ ขึน้ไปคะ่

(นางวินิตา ปาณิกบุตร) บรรณาธิการ

4

2551

บทความเฉลิมพระเกียรติ 5 สถิต ณ ดวงใจ

ใต้ฟ้าเดียวกัน 12

โลกหมุนไป 19 บทความพิเศษ 20 CEO กับงาน PR มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

มุมความปลอดภัย 24 ถุงมือป้องกันไฟฟ้า

ไฟฟ้าน่ารู้ 26 Harmonics คืออะไร

ไฟฟ้าสู่สังคม 28 หมู่บ้านตาลโตนด รักษ์ภูมิปัญญาคนปีนตาล

เที่ยวทั่วไทย 32 ที่นี่...ดอยภูนายอย

สาระเพื่อชีวิต 36 พ่อแม่คุณภาพ

มรดกไทย 38 ฮูปแต้มวัดไชยศรี

สุข...สุขภาพ 40 โรคภูมิแพ้อาหาร โรคของคนยุคปี 200

สารพันบันเทิง 42 รู้คิดรู้ ใช้ 44 7 วิธีดีๆ ปรับตัวรับเศรษฐกิจปีชวด

แวะชิมริมทาง 46 ร้านใบทรัพย์...บางปะอิน

PEA for Kids 48

สายใจไฟฟ้า เป็นวารสารรายเดือน จัดทำขึ ้นเพื ่อพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสื่อกลาง เชื่อมสัมพันธ์และความเข้าใจอันดี ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พนักงานและหน่วยงานต่างๆ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมข่าวสาร เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมต่างๆ รวมถึงบ ท ค ว า ม ท ี ่ ใ ห ้ ค ว า ม รู ้ ค ว า มเพลิดเพลิน ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน

บทความต่างๆ ที ่พิมพ์ในวารสารสายใจไฟฟ้าทุกฉบับ ล้วนเป็นข้อเขียนโดยทัศนะอิสระของผู ้เข ียนแต่ละท่าน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยเสมอไป

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 200 ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจ ั กร กรุ ง เทพฯ 10900 โทรศัพท์ 0-2589-0100-1 โทรสาร 0-2589-4850-1 http://www.pea.co.th

กุมภาพันธ์ 2551

20

28

38

24

32

48

กุมภาพันธ์

5

“ในครอบครัวเรา ความรับผิดชอบเป็นของที่ ไม่ต้องต้องคิด เป็นธรรมชาติ สิ่งที่สอนกันอันดับแรกคือ เราทำอะไรให้เมืองไทย”

พระดำรัสตอนหนึ่งของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระโสทรเชษฐภคินีแห่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แม้ในวันนี้พระองค์ผู้ทรงเป็นพระ

โสทรเชษฐภคินีจะเสด็จสู่สวรรคาลัยด้วยพระชนมายุ 84 พรรษา แต่พระปณิธานอันแน่วแน่ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อส่วนรวมมาโดยตลอดนั้น

กลับเป็นเหมือนรากแก้วที่หยั่งลึกลงในจิตใจของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าให้เดินตามและสานต่อพระปณิธานอันมีประเทศชาติเป็นหลักใหญ่

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แห่งราชสกุลมหิดล ทรงเป็นพระเชษฐภคินีของพระมหากษัตริย์สอง

รัชกาล คือรัชกาลที่ 8 และรัชกาลปัจจุบัน พระองค์ประสูติ ณ ประเทศอังกฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2466

พระนาม “หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา”

สถิต ณ ดวงใจ

5

6

ปฐมวยัแหง่สมเดจ็พระเจา้พีน่างเธอฯ กรมหลวงนราธวิาสราชนครนิทร ์พระองคท์รงพระปรชีา

ดา้นการศกึษาและฉายแววความเปน็อจัฉรยิะดา้นวชิาการมาตัง้แตท่รงพระเยาว ์ดงัทีเ่คยมพีระดำรสัวา่

“...เพราะว่าฉันชอบการสอนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ๆ สอนหมด ชอบสอนหนังสือเด็ก ๆ มาก เลยคิดว่า ยังไง ๆ ฉันต้องเป็นครูแน่”

และดว้ยพระอจัฉรยิปรชีาสามารถในวชิาทีท่รงเลา่เรยีนมาหลากหลายสาขาทัง้ดา้นวทิยาศาสตร์

สาขาวิชาเคมี และสาขาวิชาวรรณคดี ปรัชญาและจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศ

สวิสเซอร์แลนด์ เมื่อครั้งเสด็จนิวัตประเทศไทยในพุทธศักราช 2493 พระองค์ได้ทรงนำความรู้และ

ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมาตลอดพระชนม์ชีพ มาพัฒนาประเทศไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านการ

แพทย์ และด้านการสังคมสงเคราะห์

พระราชกิจด้านการศึกษา

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเริ่มปฏิบัติพระราชกิจแรกใน

เมืองไทยด้วยการเป็นอาจารย์พิเศษคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกันนั้น

พระองค์ยังเสด็จไปเป็นองค์บรรยายพิเศษในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยไม่ทรงเลือกว่าจะเป็น

มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด อีกทั้งความสนพระทัยของพระองค์มิได้จำกัดอยู่แค่วงการ

อุดมศึกษา แวดวงศิลปศาสตร์หรือวรรณกรรมเพียงเท่านั้น หากทรงตระหนักดีว่าการเสริมสร้างการ

ศึกษาแก่เด็กเล็กและเยาวชนคือพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประเทศ

ชาติ ดังนั้นขณะที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์โดยเสด็จสมเด็จ

พระศรีนครินทราบรมราชชนนีในถิ่นทุรกันดารและชายแดน พระองค์จะทรงบันทึกข้อมูล ปัญหา

รวมทั้งทรงพระกรุณาวิเคราะห์ปัญหาที่ทรงพบเพื่อนำไปทดลองและปรับปรุงแก้ไขระบบการศึกษาให้

ดีขึ้น

ในด้านการศึกษาของเด็กเล็ก พระองค์ทรงสร้างสื่อการเรียนให้แก่เด็กเล็กในโรงเรียน

ชายแดนที่มิได้มีโอกาสเรียนชั้นอนุบาล เพื่อให้สามารถอ่านเขียนทันเด็กที่เรียนล่วงหน้าไปก่อน

เกณฑ์ ทรงจัดตั้งโครงการสอนหนังสือแก่เด็กเล็กในขั้นเตรียมความพร้อมทั่วประเทศ โดยทรงมี

พระดำรัสตอนหนึ่งแนะนำว่า

“เด็กในต่างจังหวัดไม่ ได้เรียนชั้นอนุบาล เมื่อเข้า ป.1 ใหม่ ๆ หัดอ่านเสียเวลามาก ไม่เหมือนนักเรียนในกรุงเทพฯ แต่ปลายปีต้องจบเล่มเท่ากัน”

ส่วนในกรุงเทพฯ ทรงให้ความอนุเคราะห์เด็กเล็กในชุมชนแออัดต่าง ๆ ทั้งยังทรงจัดตั้ง

กองทุนนมและอาหารเสริมช่วยเด็กยากไร้ให้ได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างครบถ้วน

ความรอบรู้ด้านวิชาการและการอุทิศพระองค์เพื่อการศึกษาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ

กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้ง

ทรงได้รับการเทิดทูนพระเกียรติจากรัฐบาลและองค์กรต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ รัฐบาลฝรั่งเศส

และองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)

6

7

พระราชกิจด้านสังคมสงเคราะห์และสาธารณสุข

ตลอดพระชนมาย ุ84 พรรษา สมเดจ็พระเจา้พีน่างเธอฯ กรมหลวงนราธวิาสราชนครนิทร ์ทรงสนพระทยัในสวสัดภิาพ

ของพสกนิกรเป็นอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ครั้งที่พระองค์โดยเสด็จพระบรมราชชนนีในการเยี่ยมและสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในถิ่น

ทุรกันดาร ไม่เพียงเท่านั้น พระองค์ทรงมีความสนพระทัยในปัญหาสุขภาพของชุมชนแออัด เป็นต้นว่าชุมชนแออัดคลองเตย

ชุมชนแออัดวัดพญายัง และชุมชนกองขยะอ่อนนุช โดยทุกครั้งที่เสด็จไปเยี่ยมทรงทักทายและไต่ถามความทุกข์ร้อนของคนใน

ชุมชนอย่างไม่ถือพระองค์เอง ทรงเล่นกับเด็กด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา ดังรับสั่งที่ว่า

“ต้องไปถึงที่ จึงจะรู้ว่าชาวบ้านและเด็กเหล่านี้ลำบากแค่ ไหน ก็ดีใจที่มีโอกาสเห็นด้วยตนเอง ทั้งที่คลองเตย อ่อนนุช และหนองแขม”

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงใส่พระทัยในปัญหาสุขภาพพลานามัย ยาเสพติดและโรคเอดส์ ดังที่พระองค์ทรงรับมูลนิธิ

ช่วยการสาธารณสุขชุมชน (มสช.) ไว้ในพระอุปถัมภ์ ด้วยทรงเห็นว่ามูลนิธิฯ มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและดูแลด้าน

สุขภาพของประชาชนในแหล่งเสื่อมโทรม

ในงานด้านสังคมสงเคราะห์นั้นทรงมีพระทัยของนักสังคมสงเคราะห์อย่างเต็มเปี่ยม แม้ทรงลำบากหรือต้องเสด็จไปใน

พื้นที่ทุรกันดารแค่ไหนก็ไม่ทรงย่อท้อ ดังเหตุการณ์ในการเสด็จเยี่ยมชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทรงพระดำเนินไปบนทาง

ที่ปูด้วยไม้เก่า ปรากฏว่ามีไม้กระดานแผ่นหนึ่งผุหักลงทำให้พระบาททะลุลงไป และไม้ครูดพระชงฆ์เป็นแผลอักเสบนานกว่า

เดือน แต่พระองค์กลับมีรับสั่งเพียงว่า “...ไม่เป็นไร จะได้ไม่ลืมการเยี่ยมครั้งนี้...”

พระราชกิจด้านการแพทย์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ได้โดยเสด็จสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ใน

กิจการของมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี (พอ.สว.) มาโดยตลอด ตั้งแต่ครั้งยังเป็นหน่วยแพทย์

พอ.สว. จนมาเป็นมูลนิธิ พอ.สว. ที่ปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือ รักษาพยาบาลประชาชนและเจ้าหน้าที่ในถิ่นทุรกันดารและตาม

ชายแดนโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา รวมทั้งไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยทุกครั้งที่พระองค์เสด็จเยี่ยมการปฏิบัติงานในภูมิภาค ทรง

ซักถามการปฏิบัติงานของแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่อย่างเอาพระทัยใส่ พระองค์ทรงเสด็จนำหน่วยแพทย์เข้าไปตรวจ

7

8

เสมือนหนึ่งแสงเดือนเลื่อนดับลับจากนภา ล้านหยดน้ำตาท่วมทาทั่วไทย สิ้นสมเด็จพระพี่นางฯ ท่ามกลางอาลัย แผ่นดินโหยไห้ ผืนฟ้าจาบัลย์ จรดทิศเขตแคว้นแดนเหนือใต้ พึ่งใบบุญญา พระกรุณาธิคุณอนันต์ ทุกรอยพระบาทยาตรา มุ่งหน้าบุกบั่น ทรงเป็นมิ่งขวัญศูนย์รวมจิตใจ สิ้นแล้วเจ้าฟ้านักวิชาการ สิ้นแล้วอาจารย์ผู้ ใส่พระทัย ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย หาก สถิต ณ ดวงใจ ตราบนานเท่านาน

เสมือนหนึ่งแสงเดือนเลื่อนดับลับจากนภา ร้อยพวงมาลาถวายองค์ท่าน เหล่าไทยต่างพร้อมบูชา พระปณิธาน จะน้อมสืบสานถึงวันสิ้นลม

รักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบนเขาสูงหรือกลางทะเล และหากทรงพบผู้ป่วยที่เจ็บไข้เกินกำลังแพทย์อาสาจะ

บำบัดก็จะโปรดเกล้าฯ ให้ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองและทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์อีกจำนวนมาก

นอกจากทรงดูแลมูลนิธิ พอ.สว. แล้ว ยังมีมูลนิธิกองทุนอีกกว่า 30 รายการ ที่พระองค์ทรงมีภาระในการบริหาร

พร้อมด้วยองค์กรที่ทรงก่อตั้งด้วยพระองค์เองอีก 63 มูลนิธิ อาทิ มูลนิธิโรคไต มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ มูลนิธิขาเทียม มูลนิธิ

สงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา เป็นต้น

ในฐานะพระโสทรเชษฐภคินีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระทัยปฏิบัติบำเพ็ญเสริมพระเกียรติยศแห่ง

สมเด็จพระอนุชาธิราชด้วยความรักและเชิดชูพระเกียรติคุณแด่ราชวงศ์จักรีให้สง่างาม พระราชกิจทั้งปวงดังที่กล่าวมาโดย

สังเขปล้วนเป็นคุณอเนกอนันต์ต่อประเทศไทยและชาวไทยอย่างไพศาล ดังที่กล่าวขานถึงพระองค์ว่า ทรงประดุจ “แสงแห่ง

รุ้งงาม” และแม้วันนี้พระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่แสงแห่งรุ้งงามที่พระองค์ทรงถักทอไว้ด้วยพระทัยที่แน่วแน่ จะยังคงสถิต

อยู่ในดวงใจของพสกนิกรชาวไทย ตราบนานเท่านาน...

8

9

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแม่ใจ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตร เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแม่ ใจของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามโครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา - สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายอดิศร เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค คณะผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและนางเบญจมาส เกียรติโชควิวัฒน์ ประธานคณะแม่บ้านและครอบครัวการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับเสด็จฯ ณ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551

รายงานพิเศษ

9

10

รู้จัก “เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแม่ ใจ” เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแม่ใจมีลักษณะเป็นฝายน้ำล้น (Run-off River) ขนาดเล็ก เพื่อผันน้ำเข้าท่อส่งน้ำที่วางไว้ตามความ

ลาดชันของพื้นที่ โดยอาศัยปริมาณน้ำและความสูงของระดับน้ำทำให้เกิดแรงดันของน้ำเข้าไปหมุนเครื่องกังหันน้ำกำเนิด

ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งเข้าระบบจำหน่ายที่เชื่อมโยงไปยังระบบจำหน่ายของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนน้ำที่ผ่าน

ออกมาหลังจากหมุนเครื่องกังหันน้ำกำเนิดไฟฟ้าแล้วจะถูกระบายออกกลับสู่ลำน้ำเดิม เพื่อใช้ในการเกษตรกรรมและการ

บริโภค โดยยังคงรักษาคุณภาพน้ำไว้เช่นเดิม ตัวเขื่อนแม่ใจสร้างขวางลำน้ำแม่ใจที่บ้านโป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง

จังหวัดเชียงใหม่

ตามที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร ี ได้พระราชทานพระราชานุมัติให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา

ดำเนนิงานโครงการความรว่มมอืระหวา่งมลูนธิชิยัพฒันา - สาธารณรฐัประชาชนจนี เปน็โครงการความรว่มมอืทางด้านวิชาการ

ในการวางแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนพื้นที่ของโครงการฯ โดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมด้านต่างๆ ที่จะดำเนิน

งานในโครงการฯ ซึ่งมีลักษณะงานที่เกี่ยวข้องกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคือการจัดหาแหล่งน้ำมาเสริมในอ่างเก็บน้ำของ

โครงการในฤดูแล้ง

โครงการได้พิจารณานำน้ำจากลำน้ำแม่ใจ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มาดำเนินการโครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาด

เล็กตั้งแต่ปี 2524 โดยได้รับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลราชอาณาจักร นอร์เวย์ ในรูปของผู้เชี่ยวชาญทุนฝึกอบรม

เครื่องกังหันน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ณ โรงจักรพลังน้ำแม่ใจ และได้สร้างฝายน้ำล้นขวางลำน้ำแม่ใจ ณ

โป่งน้ำร้อน ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้สถานีโครงการหลวงอ่างขางและหมู่บ้านบริวาร

รวม 19 กลุ่ม

10

11

โรงจักรพลังน้ำแม่ใจเริ่มเดินเครื่องกำเนิดจ่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2528 ใช้เงิน

ลงทุนรวม 79 ล้านบาท แยกเป็นงบประมาณของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 44 ล้านบาท และเงินช่วย

เหลือจากรัฐบาลราชอาณาจักรนอร์เวย์ 35 ล้านบาท มีหน่วยผลิตโดยเฉลี่ยโดยประมาณ 2 ล้านหน่วย

ต่อปี คิดเป็นค่ากระแสไฟฟ้าประมาณ 6 ล้านบาทต่อปี ฝายน้ำล้นเป็นชนิดคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 38

เมตร ท่อผันน้ำชนิดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 เมตร ยาว 880 เมตร ใช้กังหันน้ำชนิดฟรานซีส ขนาด

กำลังผลิต 875 กิโลวัตต์ ความเร็วรอบ 750 รอบต่อนาที จำนวน 1 ชุด เครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาด

1,040 KVA. จำนวน 1 เครื่อง

การเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและการบริหารจัดการน้ำ ในเวลา 1 ปี จะเดินเครื่องเป็นระยะเวลา 9

เดือน ได้แก่ เดือนมกราคม และตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี คิดเป็นชั่วโมงเฉลี่ย

ประมาณ 5,000 ชั่วโมง ส่วนเดือนที่เหลือ ได้แก่ เดือนกุมภาพันธ์ มีนาคมและเมษายน เป็นช่วง

ปล่อยน้ำให้เกษตรกรได้เพาะปลูกเพื่อทำการเกษตร

ประโยชน์ที่ได้รับจากโรงจักรพลังน้ำแม่ใจก็คือ ราษฎรในพื้นที่ได้มีไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจำวัน

ทั้งด้านแสงสว่าง การรับรู้ข่าวสารต่างๆ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้ราษฎรมีไฟฟ้าใช้ในการ

ประกอบอาชีพ เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมครัวเรือน

11

12

ใต้ฟ้าเดียวกัน

กฟภ. รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตขนาดเล็กมาก การไฟฟา้สว่นภมูภิาค (กฟภ.) โดยนายอดศิร เกยีรตโิชคววิฒัน ์ผูว้า่การ และนายทิศพล นคร

ศรี ประธานกรรมการบริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด ร่วมแถลงข่าวและลงนามในสัญญาซื้อ

ขายไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2551

ตามนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าส่วน

ภูมิภาคจึงได้เปิดรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนรายละ

ไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ และหากยื่นขอจำหน่ายไฟฟ้าภายในปี 2551 จะได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า

(Adder) สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์จะได้ส่วนเพิ่มหน่วยละ 8 บาท เป็นระยะเวลา 7 ปี ปัจจุบันมีผู้

สนใจเข้าร่วมโครงการ VSPP ที่ซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 32 ราย ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว 60 ราย ตอบ

รับซื้อไฟฟ้าแล้ว 45 ราย และอยู่ในระหว่างการพิจารณา 63 ราย รวมทั้งหมด 200 ราย โดยราคา

รับซื้อไฟฟ้า VSPP เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.8 บาท / หน่วย บวก Ft (ปัจจุบันประมาณ 0.6 บาท/

หน่วย)

บริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด ได้ยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

ตามระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) โดยใช้แผงโซลาร์เซลล์ผลิต

ไฟฟ้า จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการจังหวัดอุดรธานี ปริมาณ 1.69 MW โครงการจังหวัดอ่างทอง

ปริมาณ 1.20 MW และโครงการเพชรบุรี ปริมาณ 1.60 MW โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ดำเนินการ

ศึกษาผลกระทบการเชื่อมโยงของโรงงานไฟฟ้าทั้ง 3 โครงการ ซึ่งเสนอเข้ามาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

เรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดให้มีพิธีลงนามในวันดังกล่าว

โครงการ VSPP เป็นโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตขนาดเล็กที่ช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิง

พาณิชย์นับหมื่นล้านบาทต่อปี ลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการส่งเสริม เพิ่มรายได้ให้

กับเกษตรกรในการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตพลังงาน ลดปัญหาภาวะโลกและ

ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานหมุนเวียนของประเทศอีกด้วย

12

แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบอนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน 7 คน ได้แก่ นายชวลิต เรือง

วิเศษ อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กำกับสาขาพลังงานด้านไฟฟ้า นายนภดล มัณฑะจิตร อดีตอธิบดีกรมเชื้อเพลิง

กำกับสาขาพลังงานด้านก๊าซธรรมชาติ นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีต

ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง กำกับสาขาวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ นางพัลภา เรืองรอง ผู้อำนวยการสำนักพัฒนา

รัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ กำกับสาขาเศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์บริหารจัดการหรือการจัดการ

ด้านพลังงาน นายจงเจตน์ บุญเกิด รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ธนาคารพัฒนารัฐวิสาหกิจขนาดกลาง

และขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กำกับสาขาการเงินและการบัญชี นายทักษิณ ลิ่มสุวรรณ อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่าย

ผลิตแห่งประเทศไทย กำกับสาขานิติศาสตร์ และนายศุภชัย ตั้งใจตรง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำกับสาขาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานชุดนี้เป็นชุดแรกที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน มีภาระหน้าที่คือการ

ให้ใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงาน ส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและป้องกันการใช้อำนาจผูกขาด มีอำนาจสั่ง

การให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานหยุดหรือปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมที่เป็นการจำกัดหรือกีดกันการแข่งขัน

รวมไปถึงให้ปรับปรุงเงื่อนไข พักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต แก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่าย

พลังงานทั้งสายส่งไฟฟ้าและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ที่สำคัญก็คือทำหน้าที่คุ้มครองผู้ใช้พลังงานให้ได้ใช้ในราคาที่เป็นธรรม

กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวนอัตราค่าบริการของกิจการพลังงานแต่ละประเภทภายใต้นโยบายและแนวทางของรัฐ รวมทั้ง

สามารถทบทวนอัตราค่าบริการได้ หากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคมหรือเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป

13

PEA Service Fair บริการธุรกิจวิศวกรรมครบวงจร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคเหนือ) จังหวัดเชียงใหม่ จัดโครงการ PEA Service Fair 2007 งานบริการธุรกิจ

วิศวกรรมครบวงจรสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ ณ นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยมีนายอดิศร

เกียรติโชควิวัฒน์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ ผู้ร่วมงาน อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายก

เทศมนตร ีประธานหอการคา้ ผู้ประกอบการภาคธรุกจิอตุสาหกรรมในเขตพืน้ทีจ่งัหวดัเชยีงใหมแ่ละลำพนู หนว่ยงานภาครัฐ /

เอกชน สื่อมวลชน รวมทั้งนักเรียน นักศึกษาจากสถานศึกษาต่าง ๆ ร่วมชมนิทรรศการ ซึ่งนำเสนอเกี่ยวกับการดูแลรักษา

ระบบไฟฟ้าที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจและอุตสาหกรรมแบบครบวงจร

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีความตั้งใจที่จะรับทราบถึงปัญหาและความต้องการของผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม

ทั้งจากการเข้าเยี่ยมเยียนผู้ใช้ไฟฟ้าที่สถานประกอบการหรือการจัดกิจกรรมร่วมกันในโอกาสต่างๆ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า

ช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคใต้) จังหวัดยะลา

โดยนายบพิตร ร้อยกรอง ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขต คณะ

ผู้บริหารและพนักงาน มอบถุงยังชีพให้กับราษฎรที่ประสบ

อุทกภัยน้ำท่วมในเขตพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอแว้ง

อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส จำนวน 400 ชุด รวมเป็นเงิน

140,000.- บาท

14

มอบอาคารอเนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสปีมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม

2550 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้จัดทำโครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก โครง

หลังคาเหล็ก สำหรับใช้ประโยชน์ในการจัดประชุมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ

• นายอดิศร เกียรติโชติวิวัฒน ์ ผู้ว่าการการ

ไฟฟา้สว่นภมูภิาค เปน็ประธานพธิเีปดิและสง่

มอบอาคารอเนกประสงค ์ ให้แก่โรงเรียนบ้าน

หนองเกดิ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน

• นายอดิศร เกียรติโชติวิวัฒน ์ ผู้ว่าการการ

ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นประธานพิธีเปิดและ

ส่งมอบอาคารอเนกประสงค ์ ให้แก่โรงเรียน

บา้นหนองบางกก จงัหวดัสมุทรสงคราม

• นายอภริกัษ ์ เหลอืงธวุปราณตี ผูอ้ำนวยการ การไฟฟา้สว่นภมูภิาค

เขต 1 (ภาคใต้) จังหวัดเพชรบุร ี เป็นประธานพิธีเปิดและส่งมอบ

อาคารอเนกประสงค ์ ให้แก่โรงเรียนวัดเขาไก่แจ ้ อำเภอจอมบึง

จงัหวดัราชบรุี

• นายพชิยั พชัรพจนาภรณ ์ผูอ้ำนวยการฝา่ย

บรกิาร การไฟฟา้สว่นภมูภิาค เขต 1 (ภาค

ใต)้ จงัหวดัเพชรบรีุ เปน็ประธานพธิเีปดิและ

ส่งมอบอาคารอเนกประสงค ์ ให้แก่โรงเรียน

บา้นนา อำเภอกะเปอร์ จงัหวดัระนอง

15

• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอธัญบุรี นายสนิท ขันดี ผู้ช่วยผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอธัญบุรีเป็นประธาน

การจัดประชุมผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในพื้นที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

เยี่ยมเยือนสร้างสัมพันธ์ผู้ ใช้ ไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการจัดประชุมและเยี่ยมเยือนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งภาครัฐและ

เอกชน อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี เพื่อแนะนำบริการ ให้ความรู้ด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าในสถาน

ประกอบการอย่างประหยัด ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน

แนวทางการพัฒนางานด้านบริการ การนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้งานเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า

พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะที่ทางบริษัทต้องการให้ปรับปรุงแก้ไข อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพงาน

บริการ ในโอกาสเดียวกัน ได้รับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะนำของผู้ใช้ไฟฟ้าเพื่อนำมาปรับปรุงงาน

บริการให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด

• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) จังหวัดนครปฐม นายพจน์ กิตติจูงจิต ผู้อำนวยการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

เขต 3 (ภาคกลาง) จังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาและเสวนาพิเศษ เรื่องการดำเนินธุรกิจใน

สภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคต ร่วมกับจังหวัดสมุทรสาคร อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร และสภาอุตสาหกรรม

จังหวัดสมุทรสาคร ณ โรงแรมเซ็ลทรัลเพลส อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

16

• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแก่งคอย นายมนูศักดิ์

จันทรสมศักดิ์ ผู้จัดการ นายสุชัย สุนทรนนท์ ผู้ช่วย

ผูจ้ดัการ และทมีงานวศิวกรรม กองบรกิารวศิวกรรม

เยี่ยมเยือนบริษัท อาหารสยาม จำกัด และบริษัท

เอส ซี ไอ แพลนเซอร์วิสเซส จำกัด

• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอุดรธานีจัดประชุมผู้ ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่

ประจำปี 2550 เพื่อสร้างความสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับการให้บริการ

Key Account Manager ณ ห้องประชุมการไฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัด

อุดรธานี

• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเมืองพัทยาจัดสัมมนาผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจอุตสาหกรรมประจำปี 2550 ครั้งที่ 2 เพื่อแลกเปลี่ยน

ข้อมูลระหว่างผู้ใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แนะนำแผนงานและนโยบายด้านงานบริการ พร้อมรับฟังปัญหา

อุปสรรคเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า ณ โรงแรมซิกม่ารีสอร์ทคลับ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

เยี่ยมเยือนสร้างสัมพันธ์ผู้ ใช้ ไฟฟ้า

17

มอบหลอดประหยัดพลังงาน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดสิงห์บุรี โดยนายสุรินทร์ ผลนารักษ์ ผู้จัดการ พร้อมพนักงานในสังกัด มอบหลอดไฟฟ้า

ประหยัดพลังงาน และดำเนินการปรับปรุงคุณภาพแสงสว่างภายใน จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการใช้ไฟฟ้าและการประหยัด

พลังงาน ให้แก่โรงเรียนวัดประโชติการาม ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ตามโครงการ “80 โรงเรียน 80

ชุมชน ร่วมใจประหยัดไฟถวายองค์ราชัน” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาส

พระชนมพรรษาครบรอบ 80 พรรษา

โครงการอิ่มท้องน้องเป็นสุข การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 3 (ภาคเหนือ) จ.ลพบุรี การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพขรบูรณ์ ผู้บริหาร พนักงานพร้อม

คณะแม่บ้านและครอบครัวพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคเหนือ) จังหวัดลพบุรี จัดงานวันเด็กและมอบทุนอาหาร

กลางวัน จำนวน 5,000.- บาท พร้อมมอบอุปกรณ์การเรียน อุปกรณ์กีฬาและเสื้อยืดสีชมพูตามโครงการ “อิ่มท้องน้องเป็นสุข”

ให้แก่นักเรียนโรงเรียนบ้านพนานิคม (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสงเคราะห์ 2) ตำบลบ้านโตก อำเภอเมือง และโรงเรียนบ้านศาลา

ลาย ตำบลศาลาลาย อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์

18

บรรยายให้ความรู้พร้อมอบทุน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอชะอำ โดยนายอำพล ธรรมโชติ ผู้

จัดการและพนักงานจัดบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าอย่าง

ปลอดภัยและถูกวิธี พร้อมมอบทุนอาหารกลางวันให้แก่นักเรียน

โรงเรียนบ้านสระพระ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อส่งเสริม

โภชนาการและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กนักเรียนที่ขาดแคลน

อาหารกลางวัน

โครงการจังหวัดเคลื่อนที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอหัวหินร่วมกับหน่วยงานบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟ

อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านไฟฟ้าแก่ประชาชนใน

พื้นที่

19

โลกหมุนไป เรื่อง / ภาพ... Mr.gadget

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คจากไม้ ไผ่ เพื่อสิ่งแวดล้อม

รู้หรือไม่ว่าต้นไม้สามารถนำมาใช้ผลิตคอมพิวเตอร์ได้

นับตั้งแต่สมัยสตีฟ จอบส์ กับสตีฟ วอซเนียค ผลิต “แอปเปิ้ล 1” คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยุค

แรกๆ เมื่อปี พ.ศ. 2519 พวกเขาใช้กล่องไม้ธรรมดาๆ นี่แหละสำหรับใส่แผงวงจร แต่ต่อมาบริษัท

คอมพิวเตอร์แอปเปิ้ลและผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายอื่น จึงค่อยพัฒนามาใช้กรอบโลหะหรือพลาสติกสร้าง

คอมพิวเตอร์รุ่นที่ทันสมัยขึ้น

และความคิดนี้ได้ถูกนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากเกิดภาวะขยะไอทีล้นโลก เนื่องจากไม่สามารถ

กำจัดทิ้งได้ ด้วยความคิดของบริษัทอะซุสคอมพิวเตอร์ของไต้หวัน เกิดไอเดียดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมโลกจึงหันมาสร้าง

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โดยใช้กรอบทำด้วยวัสดุจากธรรมชาตินั่นคือ ไม้ไผ่ นั่นเอง โดยตั้งชื่อว่า “อะซุส อีโค บุ๊ค”

ส่วนสาเหตุที่เลือกใช้ไม้ไผ่ก็เป็นเพราะว่าไต้หวันมีไม้ไผ่มากมาย แถมยังเป็นไม้ที่ยืดหยุ่นดี คงทนและปลูกโตเร็ว ไม่

เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมเหมือนกับพวกไม้อัดที่ทำจากไม้ต่างๆ ถึงยังต้องใช้กาวและใช้อัดซ้อนกันหลายชั้นเพื่อความแข็งแรง

ทำให้ต้องใช้สารพิษอยู่บ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของวิศวกรว่า ไม้ไผ่นั้นเหมาะที่จะนำมาใช้ทำคอมพิวเตอร์

ขนาดเล็กขนาดวางบนตักได้หรือไม่

อังกฤษตั้งเป้า ปี พ.ศ. 2563 ทุกบ้านใช้ ไฟฟ้าจากพลังงานลม

รัฐบาลผู้ดีประกาศสู้โลกร้อนด้วยการหันมาใช้พลังงานสะอาด ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก วางแผนแปลงลมทะเลเป็น

กระแสไฟฟ้าป้อนบ้านเรือนประชาชนทั่วประเทศทุกหลังคาเรือนภายในปี พ.ศ. 2563

นกัวทิยาศาสตรท์ัว่โลกเหน็ตรงกนัวา่วธิลีดโลกรอ้นที่ไดผ้ลมากทีส่ดุคอื ลดการปลอ่ยกา๊ซคารบ์อนไดออกไซด์

รัฐบาลอังกฤษจึงสนองตอบด้วยการให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนจากลมทะเลที่มีอยู่รอบประเทศ

ขณะนี้ประเทศอังกฤษมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้แล้วทั่วประเทศคิดเป็น 2% ซึ่งรวมทั้งพลังงานลม

ขนาดต่ำกว่า 0.5 จิกะวัตต์ด้วย อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลประสงค์จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมให้ได้ 8

จิกะวัตต์ ในปี 2557 และเพิ่มเป็น 33 จิกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งต้องใช้กังหันลมมากถึง 7,000 ตัว และต้องติด

ตั้งตลอดแนวชายฝั่งราว 1.5 กิโลเมตรต่อกังหัน 2 ตัว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียน

ของสหภาพยุโรปให้ได้ 20% ในปี พ.ศ. 2563

นี่แหละอาศัยสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้ต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

Mac Book Air บาง 0.16 นิ้ว!!!

แอปเปิ้ลเขย่าตลาดไอทีอีกครั้ง ด้วยแมคอินทอชขนาดพกพาบางเฉียบไม่ถึง 1 นิ้ว “Mac Book Air” ในงานประชุม

ประจำปีของแอปเปิล MacWorld Conference & Expo ที่ซานฟรานซิสโก

Mac Book Air ถูกการันตีว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพาที่บางที่สุดในโลกด้วยความบางเพียง 0.16 นิ้ว หรือประมาณ 0.40

เซนติเมตร น้ำหนัก 3 ปอนด์ ซึ่งตลาดไอที ณ เวลานี้มีโน้ตบุ๊กบางที่สุดอยู่ที่ 0.8 นิ้ว (2 ซม.) เท่านั้น นับเป็นความสำเร็จครั้ง

ใหม่

โดย Mac Book Air มีน้ำหนัก 3 ปอนด์ ฮาร์ดไดร์ฟ 80 GB อายุการใช้งานแบตเตอรี่ 5 ชั่วโมง สนนราคา 1,799

ดอลลาร์ น่าเสียดายที่ Mac Book Air ไม่มีไดร์ฟอ่านแผ่นซีดีและดีวีดี ทำให้ผู้ซื้อต้องซื้อไดร์ฟเพิ่มต่างหากอีก 99 เหรียญ ซึ่ง

คุณสมบัติบางส่วนของ Mac Book Air ได้รับแนวคิดมาจากไอพ็อดและไอโฟน เช่น การเป็นแหล่งเก็บข้อมูลพกพาซึ่งนิยม

มากในไอพ็อด และการจำลองแผงปุ่มกดระบบสัมผัสในไอโฟน จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่า Mac Book Air จะไปได้ดีในตลาด

คอมพิวเตอร์บางพิเศษสำหรับพกพา

20

บทความพิเศษ เรื่อง ...พจน์ ใจชาญสุขกิจ นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย

การที่ได้ทำความรู้จักความสัมพันธ์ทั้ง CEO PR & Image

ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงถึงกันแล้ว สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันต่อไปคือ

ในกระบวนการทำงานนั้น มีวิธีการทำงานร่วมกันและเสริมสร้างภาพ

ลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรได้

จากกระบวนการบริหารนั้นพบว่า CEO กับงาน PR นั้น อาจ

จำแนกตามคุณลักษณะได้หลายแบบ ดังนี้

1. CEO เข้าใจงาน PR ดี

ทำให้ PR ทำงานด้วยไม่ยากนักเพราะ CEO เองก็มีความเข้าใจ

ในงานของ PR อยู่แล้ว แต่คงเหนื่อยเพราะผู้บริหารแบบนี้จะมีจะมีเป้า

หมาย และใช้ PR มาเป็นเครื่องมือทางการบริหาร รู้ว่า PR ต้องการ

อะไร จะต้อง PR อย่างไรให้เป็นข่าว PR อย่างไรเป็นการสร้างความ

สัมพันธ์กับสาธารณชน สื่อมวลชน ลูกค้า พนักงาน รู้ว่าควรพูด

คิด เขียน หรือปฏิบัติอย่างไร ถ้าทำไม่ได้จะขอความเห็นและให้การ

สนับสนุน เพื่อให้ PR ทำงานสำเร็จ ดังนั้น PR จึงต้องวิ่งตาม (ความคิด)

นายให้ทัน

CEO กับงาน PR มีกระบวนการ ทำงานร่วมกัน อย่างไร?

21

2. CEO ไม่เขัาใจงาน PR

CEO แบบนี้ PR ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ภาพ

ออกมาดูดี พยายามอธิบายทำความเข้าใจถึงประโยชน์ที่

CEO ขององค์กรจะได้รับ ถ้า CEO ยอมรับฟังก็ถือว่าโชคดี

การทำงานของ PR จะง่ายขึ้นตามมา ยอมรับฟังข้อจำกัด

บางประการ เช่น การรอสื่อ การที่ต้องเสียเวลาบ้าง การให้

เวลากับการสร้างบุคลิก PR ต้องคอยหมั่นชี้แจง สร้าง

บรรยากาศติดตา และวัดผลสิ่งที่เกิดขึ้น และมีการปรับปรุง

อยู่ตลอดเวลา

3. CEO ที่ไม่เข้าใจและไม่ชอบงาน PR

เป็น CEO ที่ทำให้ PR ทำงานหนัก และปวดหัว

พอประมาณ เพราะจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับ PR เท่าที่

ควร เวลาที่มีปัญหาแทนที่จะร่วมมือแก้ไขกลับซ้ำเติม PR

เองก็ต้องคอยแก้ไขสถานการณ์ทั้งกับสื่อ กับพนักงาน

แม้แต่ในเหตุการณ์ต่างๆ การที่จะได้รับการสนับสนุนใดๆ

ไม่ว่าจะเป็นอัตรากำลัง งบประมาณ นโยบาย ก็จะยากสัก

หน่อย เมื่อ CEO ไม่เห็นความสำคัญก็ต้องยากเป็นธรรมดา

ยิ่งกว่านั้นอาจมองเห็น PR เป็นเรื่องไร้สาระน่ารำคาญ และ

ทำให้เสียเวลามากขึ้นไปอีก รวมถึงการเป็นที่รองรับความ

ล้มเหลวของงานทั้งปวงว่าเกิดจาก PR ก็เป็นได้

ในยุคปัจจุบัน องค์กรต่างๆ แต่ละแห่งก็มีวิธีการ

บริหารที่แตกต่างกันบางแห่งมีหน่วยงานประชาสัมพันธ์

ขนาดใหญ่ มีหน้าที่ผลิตงาน ผลิตสื่อ ทั้งกระบวนการ

(IN House) บางแห่งมีขนาดกะทัดรัดเลือกที่จะทำเองบาง

ส่วน บางส่วนใช้การว่าจ้างจากภายนอก (Outsource) ใน

ขณะที่บางแห่งเลือกที่จะใช้การว่าจ้าง PR Agency เป็น

ผู้ดำเนินงานทั้งกระบวนการให้กับองค์กรเลย

ไม่ว่า CEO จะเป็นแบบใด องค์กรจะมีหน่วยงาน

ประชาสัมพันธ์เป็นลักษณะใดก็ตาม CEO กับ PR จะต้อง

ทำงานไปด้วยกัน เรียนรู้ซึ่งกันและกันมีเวลาที่จะหารือ

กำหนดภาพลักษณ์ นโยบาย กลยุทธ์ ตลอดจนวิธีหรือ

แนวทางปฏิบัติร่วมกัน ถ้าสามารถทำแบบนี้ได้ แนวโน้มก็จะ

สดใส

ที่กล่าวเช่นนั้น เพราะว่า CEO เองก็ต้องยอมรับถึง

ความชำนาญในวิชาชีพของ PR ไม่ต่างกับวิชาชีพอื่นๆ

ในขณะที่ วิ ศ วกร เป็ นผู้ ที่ อ อกแบบและสร้ า งอาคาร

นักเศรษฐศาสตร์เป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูล และคาดการณ์พร้อม

ทั้งพิจารณาแนวโน้มทางการเงิน PR เองก็เป็นผู้คำนวณ

สำหรับการก่อสร้างภาพลักษณ์ในทิศทางที่องค์การต้องการ

ภายใต้การออบแบบ (Design) การใช้เครื่องมือ (Tools)

ทางการสื่อสารที่เหมาะสม

ความเข้าใจที่ยังคลาดเคลื่อนอยู่มากเกี่ยวกับสถานะ

ของ PR ในปัจจุบัน ว่าเป็นเพียงผู้ที่คอยที่จะเผยแพร่ข่าว

เท่านั้น ในขณะที่ PR ควรเป็นผู้ที่วางแผนและปฏิบัติงาน

ด้านสื่อสารทุกส่วนขององค์กร ดังนั้นในการปฏิบัติงานให้มี

ประสิทธิภาพ PR จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มแรกนับ

จากการวางบทบาท (Position) การวิเคราะห์สถานะของ

ภาพลักษณ์เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หรือสถานการณ์ นั่นคือการ

ร่วมวางรากฐานร่วมกันตั้งแต่ต้นท่อไม่ใช่พบกันที่ปลายท่อ

เพราะเมื่อถึงจุดนั้นแล้ว ความจำกัดของช่วงเวลา ราย

ละเอียดของข้อมูล และเงื่อนไขต่างๆ จะเป็นตัวกำหนดให้

ประเด็นเหล่านั้นขาดความสมบูรณ์ สูญเสียโอกาสในการ PR

ที่ดี และขาดการวางกลยุทธ์ร่วมกันตั้งแต่แรกเริ่ม

CEO กับ PR จึงควรกำหนด ยุทธศาสตร์ด้านการสื่อสาร เพื่อสร้างภาพลักษณ์ด้วยกัน

ตกลงและเข้าใจบทบาท กันเสียก่อนตั้งแต่แรก

เมื่อมีกระบวนการบริหารที่ได้ทำร่วมกันแล้ว ทาง

ด้าน PR ก็มีหน้าที่ต่อ CEO เช่นกัน

คำถามจึงมีอยู่ว่า บทบาทหน้าที่ของ PR ต่อ CEO

และฝ่ายจัดการขององค์กรจะเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถกล่าว

โดยสรุปดังนี้

1. ให้คำปรึกษาและแนะนำด้านภาพลักษณ์

ในที่นี้ครอบคลุมความหมายของการสร้างภาพ

ลักษณ์ทั้งแก่องค์กร ตัว CEO เอง ตลอดจนสินค้า บริการ

PR มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการแนะนำให้ความเห็น

แก่ CEO และฝ่ายจัดการขององค์กรในนโยบายที่เกี่ยวข้อง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการสร้างความสัมพันธ์กับ

ลูกค้าพันธมิตรทางธุรกิจ ประชาชนตลอดจนสาธารณชนใน

ด้านการยอมรับ การสร้างความเชื่อถือศรัทธาที่มีต่ององค์กร

CEO สนิคา้หรอืบรกิาร นบัตัง้แตก่ารกำหนดรปูแบบ วธิกีาร

การประกาศ การให้ข่าว การกำหนดตำแหน่งสถานะของ

องค์กรที่จะปรากฎเมื่อเกี่ยวกับสินค้า บริการในกลุ่มเดียวกัน

การปรากฎตัวของ CEO การแต่งกายที่เหมาะสม การเลือก

ปรากฎตัว การสร้างความโดดเด่น การสื่อสารที่สร้างความ

22

ประทับใจ จนกระทั่งถึงกระบวนการตัดสินใจใช้สินค้าหรือ

บริการเพราะไม่ใช่เพียงหน้าที่ของหน่วยงานด้านการตลาดที่

ดูแลด้านการขายหรือให้บริการ แต่ควรที่จะพิจารณาถึงภาพ

รวมที่จะกระทบต่อองค์กรควบคู่ไปด้วย

2. หน้าที่ในการเป็นผู้ติดต่อประสานงานด้านการสื่อสารขององค์กร

การประสานงานและการติดต่อกับบุคคลหรือองค์กร

นั้น นับว่ามีบทบาทอย่างยิ่งสำหรับ PR เพราะจำเป็นต้องใช้

ผู้ที่มีศิลปะของการสื่อสาร สื่อความ และสื่อความหมาย

เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ การติดต่อไม่ใช่เพียงแค่พบปะพูด

คุยให้งานสำเร็จลุล่วงได้ ซึ่งไม่เพียงพอ แต่ควรเป็นการสร้าง

ความประทับใจให้แก่ผู้มาติดต่อด้วย ซึ่งงานเหล่านี้ถือเป็น

หัวใจสำคัญของ PR เพราะมีหน้าที่ในการสร้างสัมพันธภาพ

ก่อให้เกิดความระลึกนึกถึง และความผูกพันในระยะยาว

3. การประเมิน วิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การสื่อสาร

เนื่องจากสถานการณ์มีการเปลี่ยแปลงอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น การสื่อสารจึงต้องมีการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงไป

ตามสถานการณ์ด้วย ดังนั้น กลยุทธ์การสื่อสารจึงมิใช่สิ่งที่

กำหนดไว้ตายตัว แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

4. การมีส่วนร่วมในการกำหนดแผนและการดำเนินการด้านภาพลักษณ์

การสื่อสารเพื่อให้ CEO มีภาพที่ดีทุกด้าน มีหลัก

การบริหารงานสื่อสารที่เหมาะสมกับสถานกรณ์ ใช้ความคิด

ริเริ่มสร้างสรรค์ มีส่วนร่วมในการทำงานกับผู้อื่น มีวิสัยทัศน์

มองการณ์ไกลอย่างมั่นคงและรอบคอบ เพื่อสร้างภาพ

ลักษณ์ที่ดีแก้ไขภาพลักษณ์ที่ไม่ดี แก้ไขสภาวะวิกฤตทั้งกับ

องค์กรและ CEO

5. การสื่อสารมวลชน

ในการประชาสัมพัน์มีส่วนเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับ

งานสื่อสารมวลชนอยู่ในตัวแล้ว แต่จะทำอย่างไรที่จะกำหนด

กลยุทธ์ให้กับ CEO ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกันและให้ CEO

ได้รับรู้ถึงความสำคัญของงานสื่อสารมวลชน เข้าใจถึง

ลักษณะเฉพาะสำหรับประสานงาน รู้จักการประชาสัมพันธ์

ผ่านสื่อมวลชนในรูปแบบที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ต้อง

ประชาสัมพันธ์ ณ ช่วงเวลานั้น และไม่เพียงแต่จะสร้าง

ความประทับใจ ต้องทำให้สื่อมวลชนพอใจ เข้าใจและชื่นชม

ให้กับ CEO ด้วย

6. การปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง

นอกเหนือจากการปฏิบัติงานที่ทำหน้าที่อยู่ เป็น

ประจำในการประชาสัมพันธ์ ให้กับองค์กรด้วยแล้ว PR

จำเป็นต้องปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์อื่นด้วย เช่น การจัด

กจิกรรมเผยแพร ่กจิกรรมสือ่มวลชน กจิกรรมประชาสมัพนัธ์

ในรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งการจัดทำเอกสารเพื่อให้สื่อมวลชน

ได้นำไปเผยแพร่ โดยได้มีการจัดทำเอกสารเพื่อให้สื่อมวลชน

ได้มีการเผยแพร่ไปอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมในการ

อธิบาย ชี้แจง สร้างความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

การสร้าง Brand Image การกำหนด Theme ในการ

ประชาสัมพันธ์ขององค์กร CEO สินค้า บริการ การเป็น

นายประตูของข่าวสาร (Gatekeeper) การทำหน้าที่การจัด

เรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร การกำหนดเส้น

ทางหลักในการสื่อสาร (Central Route) การบริหารประเด็น

ข่าวสาร (Issue Management) สำรวจทัศนคติของแต่ละ

กลุ่มรวมถึงสาธารณชน เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและทำให้ดี

ขึ้น เป็นต้น

การประชาสัมพันธ์จึงมิใช่เพียงการทำหน้าที่เชื่อม

และสัมพันธ์ต่อสื่อมวลชนเพียงเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ร่วมกัน

ประสานความร่วมมือ การเป็นผู้ชี้แจงเตรียมความพร้อมให้

กบั CEO การใหค้ำปรึกษาหารือ การเขา้ไปมีส่วนรว่มระหวา่ง

การประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กร และการวิเคราะห์จากข้อมูล

ข่าวสารของ CEO ที่ได้ออกสู่สาธารณชน รวมทั้งการนำมา

ประเมินผล ซึ่งล้วนเป็นภารกิจในการประชาสัมพันธ์ร่วมรับ

ผิดชอบในการสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรร่วมกับ CEO

นี่คือความรับผิดชอบในหน้าที่การประชาสัมพันธ์เพื่อ

สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร

CEO และ PR จะเดินไปด้วยกันอย่างไร?

สื่อสารในทิศทางเดียวกัน สร้างเสริมกันอย่าง

กลมกลืนและแนบเนียน

ในการสื่อสารนี้ หมายรวมถึงการสื่อสารทั้งภายใน

และภายนอกองค์กร การสื่อสารไม่ใช่แค่การบอกกล่าว

เท่านั้น ยังสามารถสะท้อนบุคลิกภาพขององค์กรได้เป็น

อย่างดี ให้ปรากฎออกมาว่าองค์กรนั้นๆ มีวิสัยทัศน์

มีภารกิจและเป้าประสงค์ในทิศทางใด รวมถึงการเลือก

สื่อหรือช่องทางในการสื่อสารที่เหมาะสมกับสถานการณ์

สิ่งแวดล้อมและปัจจับที่เกี่ยวข้องต่างๆ ที่จะทำให้การสื่อสาร

นั้นสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด

การจะสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนมุมมองต่อ

การประชาสัมพันธ์เสียใหม่สำหรับคนทั่วๆไป โดยเฉพาะ

CEO ที่จะต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองต่อ

23

ลักษณ์ (Image Plan) ที่ทำร่วมกัน ทั้ง CEO PR และ

หน่วยงานสำคัญที่ เกี่ยวข้อง ในด้าน PR เองก็ต้อง

วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง พร้อมทั้งนำเสนอแนวทาง

ดำเนินงานที่เหมาะสมให้ได้เช่นกัน จึงจะเป็นการทำงานใน

ลักษณะของการประสานข้อมูลที่มีผลต่อการบริหารของ

องค์กรได้

“Two heads are better than one”

การทำงานเป็นทีม การไปด้วยกันทั้งทีม การแลก

เปลี่ยนความคิดเห็น การยอมรับซึ่งกันและกัน การฟังมาก

ขึ้นจากผู้ปฏิบัติงานในองค์กรที่ระดับต่างกัน การให้ความ

สำคัญกับทุกส่วนงานขององค์กร ว่ามีความสำคัญด้วยกัน

ทั้งหมดเปรียบได้กับการเดินเครื่องจักรในโรงงาน (องค์กร)

หากขาดตัวใดตัวหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะเป็นอุปกรณ์เพียงขนาด

เล็ก (บุคลากร) ของเครื่องจักรก็ตาม ก็อาจสร้างปัญหาให้

ผลผลิต (สินค้า/บริการ) ไม่สามารถผลิตออกมาอย่างมี

ประสิทธิผลและประสิทธิภาพได้

การที่ CEO จำเป็นต้องทำงานสัมพันธ์กับ PR

อย่างใกล้ชิด เพราะผู้บริหารควรใช้ความสามารถในการ

สื่อสารมาเป็นกลยุทธ์ในการสร้าง Image ให้เกิดประโยชน์

สูงสุด การให้ความสำคัญกับ PR ในบทบาทของผู้บริหาร

การสื่อสารขององค์กรเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้ เพราะผู้ที่เป็น

หน้าเป็นตา เป็นสื่อบุคคลที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้แทนให้

กับองค์กรคือ CEO แต่ผู้ที่จะทำให้ CEO เป็นที่ยอมรับ

รู้จักในวงกว้างนั่นคือ PR ที่มีภารกิจในการสนับสนุนทำ

หน้าที่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ให้กับทั้ง CEO ขององค์กร ผู้ร่วมงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า

สาธารณชน และนั่นคือ การสร้างภาพลักษณ์ นั่นเอง

CEO และ PR จึงมิใช่การแยกภารกิจหน้าที่ให้

ออกจากกัน เดินไปคนละเส้นทาง แล้วค่อยมาบรรจบที่

ปลายทาง แตเ่ปน็การเดนิทางอยา่งคูข่นานพรอ้มชว่ยเหลอื

กันได้ตลอดระหว่างทาง หากผู้นำต้องการความช่วยเหลือ

และเกิดปัญหา PR จะเป็นผู้ที่สามารถเข้าไปแก้ไขได้อย่าง

ทันท่วงที

CEO ไม่ควรเดินทางโดยปราศจาก คู่มือในการเดินทางที่ชื่อว่า PR

ที่มา : จดหมายข่าว สป.มท. ฉบับเดือนเมษายน 2550

ปลายท่อขององค์กร มาเป็นการมองตั้งแต่ต้นท่อของ

องค์กรและมองไปพร้อมกัน คือ จูงมือกันเดินไปจนกระทั่ง

สุดปลายทาง

ทำใมต้องจูงมือกันเดิน?

CEO มีภารกิจในการบริหารนโยบายในองค์รวม

ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรหรือในระดับอื่นๆ รอง

ลงมา ในขณะที่การประชาสัมพันธ์เป็นการทำงานด้าน

สื่อสารองค์กร บอกกล่าว ชี้แจง เผยแพร่ให้ทราบ ป้องกัน

แก้ไขความเข้าใจผิดที่มีต่อองค์กร เป็นผู้คอยสร้างและ

รักษาภาพลักษณ์ขององค์กร การวางแผน การรับรู้ข้อมูล

การสื่อสารด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง การรักษาบรรยากาศ

แห่งความสัมพันธ์ของทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องและการประเมิน

ผล นั่นคือ การทำงานในขั้นตอนต่างๆ PR จึงไม่ต่างกับ

การเป็นแพทย์ ทหาร วิศวกร ศิลปินและยามรักษาการใน

เวลาเดียวกัน

แล้ว CEO ใช้บริการจาก PR

ได้อย่างถูกต้องหรือยัง? ส่วนใหญ่ตอบได้เลยว่า

ยังไม่สมบูรณ์ เพราะอะไร?

เพราะ CEO มักมีทัศนคติหรือมุมมองงาน

ประชาสัมพันธ์เป็นเพียงฝ่ายที่คอยติดต่อประสานงานกับ

นักข่าวการจัดเตรียมการแถลงข่าว การถ่ายภาพ การเผย

แพร่เอกสารขององค์กรนั่นคือการทำหน้าที่ทางด้านการ

สื่อสารให้กับองค์กรแต่ CEO กลับมองข้ามภาระของงาน

ประชาสัมพันธ์ที่แท้จริงว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อ

การพัฒนาศักยภาพขององค์กรให้เดินไปด้วยดียิ่งขึ้น

เปรียบเทียบได้กับการเดินเครื่องเพียงเครื่องจักรตัวใหญ่ๆ

(คณะผู้บริหาร) เท่านั้น แทนที่จะทำให้ขับเคลื่อนไปทั้ง

โรงงานการผลิต (องค์กร) และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

(สินค้า/บริการ)

นั่นคือ CEO ต้องใช้วิสัยทัศน์ผู้นำ (Visionary

Leadership) และกระจายวิสัยทัศน์ไปยังหน่วยงานและ

บุคคลต่างๆ พร้อมกับการนำประเด็นหลักของการสื่อสาร

ร่วมกับข้อมูลข่าวสารที่มีการปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลง

อยู่ตลอดเวลา ซึ่ง CEO ควรยอมรับฟังข้อเท็จจริงกับ

ปัญหาที่ เกิดขึ้นกับองค์กร ด้วยการกำหนดแผนภาพ

24

มุมความปลอดภัย เรียบเรียง... กรวิชญ์ เส้นแก้วใส กองมาตรฐานความปลอดภัย

ถุงมือยาง (Rubber Glove) เป็นอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่มีความสำคัญ

สำหรับผู้ใช้งานด้านต่างๆ อาทิ ผู้ทำงานเกี่ยวกับวัตถุหรือสารที่มีอันตราย งานกู้ภัยใช้

เพื่อป้องกันการสัมผัสถูกวัตถุหรือสารพิษที่เป็นอันตรายต่อผิวหนัง หรือป้องกันการ

สัมผัสโดนความร้อนที่ไม่สูงมากนัก ในวงการแพทย์ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้มีหน้าที่

ปฏิบัติงานเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าแรงสูง ใช้เพื่อป้องกันกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างกาย

(ไฟฟ้าดูด) ตลอดจนการใช้งานทั่วไป เป็นต้น

การผลิตถุงมือยาง ถุงมือยางที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานต้องมีกรรมวิธีการผลิตที่ได้มาตรฐานซึ่ง

ปัจจุบันถุงมือยางที่ใช้กันแพร่หลายในโลกมี 2 วิธีหลัก ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียต่างกัน

สรุปได้ ดังนี้

วิธีการผลิตแบบ Latex การผลิตแบบ Latex ถุงมือจะผลิตจากน้ำยางธรรมชาติโดยตรงโดยการนำแบบ

มือจำลองไปจุ่มในน้ำยางธรรมชาติ (Water-Based) ที่ได้จากต้นยางพาราและนำไป

อบแห้งกรรมวิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับที่ใช้ในการผลิตถุงมือล้างจาน ถุงมือที่ใช้ในการแพทย์

ถุงยางอนามัยและลูกโป่งสวรรค์

ข้อดีของการผลิตแบบ Latex คือขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยากซับซ้อน ทำให้ง่าย

ต่อการผลิตและสามารถผลิตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วยต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ

ส่วนข้อเสียของการผลิตด้วยวิธีนี้คือเนื้อยางที่อบแห้งแล้วจะมีช่องอากาศแทรกอยู่ใน

เนื้อยาง ซึ่งเกิดจากโมเลกุลของน้ำซึ่งระเหยตัวไปในขณะที่อบแห้ง ทำให้เนื้อยางมี

ถุงมือยางป้องกันไฟฟ้า

ความทนทานต่อแรงดึงแรงฉีกแรงตัด ฯลฯ ค่อนข้างต่ำ รวมถึงการซึม

ผ่านของน้ำและความชื้นเข้าในช่องอากาศดังกล่าวเกิดได้ง่ายกว่าทำให้

ผลิตภัณฑ์ยางที่ผลิตด้วยวิธีนี้มีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างสั้น

วิธีการผลิตแบบ Cement Dip การผลิตแบบ Cement Dip จะมีการอบยางธรรมชาติให้แห้งและ

แข็งก่อนจากนั้นจะถูกหลอมละลายด้วยสารละลาย Solvents ให้อ่อนตัว

แล้วจึงถูกนำไปขึ้นรูปและอบแห้งต่อไป

ข้อดีของการผลิตแบบ Cement Dip คือเนื้อยางเมื่ออบแห้งแล้ว

จะเชื่อมติดกันแน่นโดยไม่มีรูพรุนหรือช่องอากาศภายในเนื้อยาง ทำให้

เนื้อยางมีความทนทานสูงมากต่อแรงดึง แรงฉีก แรงตัด ฯลฯ รวมทั้งมี

ความต้านทานสูงต่อการซึมผ่านของน้ำและความชื้นในขณะใช้งาน ซึ่ง

ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

25

ข้อเสียของการผลิตด้วยวิธีนี้คือมีขั้นตอนการผลิตที่ยุ่งยากและซับซ้อนกว่าวิธี

Latex ทำให้มีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่าและใช้เวลาในการผลิตที่นานกว่า

ถุงมือยางป้องกันไฟฟ้า ในการปฏิบัติงานของพนักงาน hotline และพนักงานช่างที่มีหน้าที่ปฏิบัติงาน

เกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูงการปลดสับ switch แรงสูง เช่น dropout fuse cut out,

air break switch, circuit breaker, การวัด load แรง

สูง การปลดสับ switch ตัดตอนต่างๆ ในสถานี

เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้า (sub station) การปฏิบัติงาน

บนรถกระเช้า (hotline operation) เช่น การตัดต่อ

สายไฟฟ้าแรงสูง การเปลี่ยนแก้ไขอุปกรณ์ต่างๆ ใน

ระบบจำหน่ายหรือในสถานีไฟฟ้า ซึ่งอาจมีโอกาส

สัมผัสกระแสไฟฟ้าแรงสูงซึ่งทำให้เกิดอันตรายถึงแก่

ชีวิตได้ การสวมใส่ถุงมือยางในขณะปฏิบัติหน้าที่

เป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างเคร่งครัดไม่สามารถละเลย

ได้

ถุงมือยางสำหรับป้องกันกระแสไฟฟ้าแบ่ง

ออกเป็น 5 ระดับคุณภาพ ดังนี้

ระดับ แรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง แรงดันไฟฟ้าสูงสุดที่

คุณภาพ (AC) ที่ทดสอบ ที่ทดสอบ ให้ใช้งานได้

(Voltage rms.) (Voltage avg.) (Ac rmsb.)

0 5,000 20,000 1,000

1 10,000 40,000 7,500

2 20,000 50,000 17,000

3 30,000 60,000 26,500

4 40,000 70,000 36,000

ถุงมือยางจำเป็นต้องใช้คู่กับถุงมือหนังเสมอ โดยนำถุงมือหนังมาสวมทับถุงมือยางป้องกันไฟฟ้า ถุงมือหนังจะทำ

หน้าที่ป้องกันไม่ให้ถุงมือยางถูกขีดข่ว นเพราะถ้าเกิดรอยรั่ว ถุงมือนั้นจะไม่สามารถทนทานต่อแรงดันไฟฟ้าตามมาตรฐาน

ฉะนั้นก่อนจะนำถุงมือยางป้องกันไฟฟ้าไปใช้งานต้องทดสอบรอยรั่วทุกครั้งถ้าพบว่ารั่วต้องทำให้ถุงมือนั้นไม่สามารถใช้งานได้

อีกต่อไป

มาตรฐานอ้างอิงที่ ใช้กับถุงมือยางป้องกันไฟฟ้า มาตรฐานอ้างอิงที่ใช้กับถุงมือยางป้องกันไฟฟ้าที่ใช้กันแพร่หลายในโลก คือมาตรฐาน ASTM D120 ซึ่งเป็นมาตรฐาน

ของประเทศสหรัฐอเมริกา และมาตรฐาน IEC 60903 ซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศกลุ่มยุโรป

26

ไฟฟ้าน่ารู้ เรื่อง... กองวิจัย

Harmonics คือคลื่นความถี่ที่มีค่าเป็นจำนวนเท่าของคลื่นความถี่มูลฐาน (Fundamental

Frequency) สำหรับในระบบไฟฟ้าที่มีความถี่มูลฐานเท่ากับ 50 Hz. ค่าฮาร์มอนิกก็จะมีค่าเท่ากับ N เท่า

ของ 50 Hz. เช่น ที่ฮาร์มอนิกลำดับที่ 2 จะมีความถี่เท่ากับ 2x50 = 100 Hz. ที่ฮาร์มอนิกลำดับที่ 3 จะ

มีความถี่เท่ากับ 3x50 = 150 Hz. เป็นต้น

ดังนั้นหากเมื่อนำเอาคลื่นฮาร์มอนิกในลำดับต่างๆ มารวมกับคลื่นความถี่มูลฐานซึ่งเป็นรูปคลื่น

Sine Wave ทาง Vector แล้วก็จะมีผลทำให้คลื่นผลลัพธ์ที่ได้มีความผิดเพี้ยน (Waveform Distortion)

ไม่เป็นรูปคลื่น Sine Wave

Harmonics ในระบบไฟฟ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร

เนื่องจากในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เป็น Non-Linear Load ซึ่งมีแหล่งกำเนิดไฟฟ้าเป็นแบบ Switching

Power Supply เช่น เครื่องเชื่อมไฟฟ้า เตาหลอมไฟฟ้า หลอดฟลูออเรสเซ่นที่ใช้อิเลคทรอนิกส์บาลาส์ท

อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ มอเตอร์กับความเร็วรอบ อุปกรณ์ Rectifier ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะมีการแปลงไฟ

จากไฟฟ้ากระแสสลับไปเป็นไฟฟ้ากระแสตรง โดยใช้อุปกรณ์ประเภท Power Electronic ในการตัดต่อ

วงจรไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและหลายครั้งในหนึ่งรูปคลื่นแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับโดยอุปกรณ์ไฟฟ้าดังกล่าว

จะมีรูปคลื่นกระแสไม่เป็นเชิงเส้นกับรูปคลื่นแรงดันไฟฟ้ามูลฐาน

Harmonics

แรงดัน

กระแส

ภาพแสดงคลื่นกระแสไฟฟ้าที่ไม่เป็นเชิงเส้นกับคลื่นแรงดันไฟฟ้าที่ป้อนให้

คืออะไร?

จึงทำให้เกิดรูปคลื่นแรงดันไฟฟ้าที่จุดต่อเชื่อม (Point Common of

Coupling) มีความผิดเพี้ยน (Waveform Distortion) ไม่เป็นรูปคลื่น Sine

Wave และเมื่อทำการแตกรูปคลื่นที่ผิดเพี้ยนนั้นออกเป็น Spectrum ที่ความถี่

ต่างๆ ก็จะพบว่าคลื่นที่ได้จะมีค่าความถี่เป็นจำนวน N เท่าของคลื่นความถี่

มูลฐาน หรือที่เรียกว่า Harmonics Order ต่างๆ นั่นเอง สำหรับมาตรฐานและ

วธิกีารประเมนิ Harmonics สามารถหารายละเอยีดเพิม่เตมิไดท้ี ่www.pea.or.th

27

ค่า Power Factor ต่ำกว่า 0.85 มีผลอย่างไรบ้าง?

เมื่อระบบของลูกค้ามีค่า Power Factor (PF.) ต่ำ จะมีผลทำให้ความสามารถในการจ่ายไฟ (Capacity) ของ

หม้อแปลงมีค่าลดลง ดังนั้นสำหรับลูกค้าที่มีหม้อแปลงซึ่งจ่ายไฟฟ้าให้กับภาระไฟฟ้าที่ไกล้เต็มพิกัดแล้ว ไม่สามารถจ่ายไฟให้

กับภาระไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ แม้ว่าค่ากำลังไฟฟ้า (Power; kW.) ที่ใช้อยู่ในขณะนั้นจะยังไม่เต็มพิกัดก็ตาม

สำหรบัในลกูคา้ทีม่สีายไฟทีม่คีวามยาว กจ็ะทำใหม้กีระแสไฟฟา้ไหลในสายไฟมคีา่สงู นัน่หมายความวา่เกดิหนว่ยสญูเสยี

(Losses) เกิดขึ้นตามขนาดของกระแสยกกำลังสอง นอกจากนั้นการไฟฟ้ายังเรียกเก็บค่า Reactive Power (kVAR Charge)

ในส่วนที่ต่ำกว่า 0.85 ด้วย

ดังนั้น ลูกค้าจึงควรปรับปรุงแก้ไขค่า Power Factor (PF.) ให้มีค่าสูงกว่าหรือเท่ากับ 0.85 โดยการติดตั้ง Capacitor

Bank เพิ่มเข้าไปในระบบ โดยปกติการไฟฟ้าจะกำหนดให้ลูกค้าติดตั้ง Capacitor Bank มีขนาดไม่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 30%

ของขนาดหม้อแปลงไฟฟ้า ทั้งนี้การกำหนดขนาดของ Capacitor Bank ที่เหมาะสมนั้นอาจพิจารณาจากลักษณะของภาระ

ไฟฟ้าที่ใช้อยู่ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ถ้าภาระส่วนใหญ่เป็น Inductive Load เช่น Induction Motor ก็อาจจำเป็นต้องติดตั้ง

Capacitor Bank มากขึ้น หรือถ้าเป็น Resistive Load เช่น เครื่องทำความร้อนก็อาจพิจารณาติดตั้ง Capacitor Bank ลดลง

ได้เช่นกัน ทั้งนี้ การไฟฟ้าได้พิจารณาของความเหมาะสมขนาดที่ควรติดตั้งแล้วคือ 30% ของขนาดพิกัดหม้อแปลง

Capacitor Bank ที่ติดตั้งเพื่อแก้ ไขค่า Power Factor ควรเป็นแบบใด?

Capacitor Bank ที่เหมาะสมสำหรับในการนำมาใช้ปรับปรุงแก้ไขค่า Power Factor (PF.) นั้น ควรเป็นแบบ

Switching Capacitor ซึ่งสามารถควบคุมขนาดของ Capicitor Bank ที่เหมาะสมกับสภาพภาระไฟฟ้าหรือค่า Power Factor

ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่เนื่องจากระบบ Switching Capacitor มีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้น การพิจารณาเลือกว่าจะติดตั้งแบบ

Fixed Capacitor หรือแบบ Switching Capacitor จึงควรพิจารณาจากขนาดของโหลดที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละชั่วโมงว่ามีมาก

น้อยเพียงใด ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงน้อยก็ควรติดตั้งเป็นแบบผสม (Mixed System) คือมีบางส่วนที่เป็นแบบ Fixed

Capacitor และบางส่วนเป็นแบบ Switching Capacitor ทั้งนี้เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งด้วย นอกจาก

นั้นแล้วการติดตั้ง Capacitor Bank เพื่อปรับปรุงแก้ไขค่า Power Factor (PF.) นั้นอาจมีผลกระทบในด้านอื่นเกิดขึ้นได้ เช่น

สภาวะ Resonance มีผลทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดได้ ดังนั้นการติดตั้ง Capacitor Bank จึงควรมีการศึกษาถึงผลกระทบ

ดังกล่าวด้วย

Fixed Capacitor Bank มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?

ข้อดี

- การติดตั้งง่ายและราคาประหยัด

ข้อเสีย

- ในช่วงเวลาที่ใช้ภาระไฟฟ้าน้อย เช่น ในระหว่าช่วงเวลา 22.00-05.30 น. จะทำให้มีพลังงาน Reactive Power

ไหลย้อนเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าหรือเกิดหน่วยสูญเสียขึ้นโดยไม่ได้ใช้งาน

- โดยปกติการเกิด Resonance มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก แต่อย่างไรก็ดี หากมีโอกาสเกิดภาวะ Resonance กับ

บางความถี่ มีผลทำให้เกิดการชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ไฟฟ้าเนื่องจากเกิดแรงดันไฟฟ้าสูงเกินขึ้นหรือเกิดมี

กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ Capacitor Bank เป็นจำนวนมากพอที่ทำให้ Capacitor Bank ชำรุดเสียหายได้

28

ไฟฟ้าสู่สังคม เรื่อง / ภาพ... บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ

พูดถึงน้ำตาลจากตาลโตนดแล้วก็คงต้องยกตำแหน่งเมือง

แห่งต้นตาลให้แก่ “เพชรบุรี” แหล่งรวมน้ำตาลชั้นดีและขนม

หวานเลื่องชื่อ ดังที่ปรากฏอยู่ในถ้อยวาทีของสุนทรภู่กวีเอกแห่ง

กรุงรัตนโกสินทร์ ที่ว่าไว้ว่า “..ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี

เหมือนจะชี้ไปไม่พ้นแต่ต้นตาล..”

จากคำเล่าลือถึงรสชาติความหวานมาตั้งแต่อดีตจน

ปัจจุบันนี่เองที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาแถบนี้เป็นต้องถามหา

น้ำตาลสด น้ำตาลปึก ขนมตาล และขนมหวานทั้งหลาย ซึ่ง

กิจการเกี่ยวกับน้ำตาลนี้ดูเผินๆ เหมือนจะเป็นอุตสาหกรรมในครัว

เรือนที่หล่อเลี้ยงประชาชนชาวเพชรบุรีเป็นส่วนใหญ่ แต่เชื่อไหม

ว่า เบื้องหลังขนมหวานนับร้อยกลับมีเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่

สามารถปีนขึ้นไปปาดเอาน้ำตาลจากยอดสูงลงมาได้ ซึ่งอาชีพคน

ปีนตาลนี้นอกจากจะต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ที่สั่งสม

มาแรมปีแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างเกี่ยวกับคนปีนตาลเมืองเพชรก็

หมูบ่า้นตาลโตนด

รกัษภ์มูปิญัญา คนปนีตาล

ความหวานที่คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้จักมักจ ะ เ ป็ น น้ ำ ต า ล จ า ก น้ ำ อ้ อ ย ที่ ผ่ า นก ร ะ บ ว น ก า ร ขั ด สี ข อ ง โ ร ง ง า นอุตสาหกรรมจนได้ออกมาเป็นน้ำตาลเกล็ดน้อยๆ สีขาว แต่แท้จริงแล้วภูมิปัญญาที่มีมาแต่ครั้งโบราณก็สามารถผลิตน้ำตาลได้หวานไม่แพ้กับโรงงานอุตสาหกรรมเลย ซึ่งความหวานที่ว่านั่นก็คือ ความหวานจากตาลโตนด ที่ ได้จากยอดสูงเสียดฟ้าของต้นตาล

ป่าตาลเมืองเพชร

นมตาลสดๆ ใหม่ๆ

29

คืออาชีพนี้กลายเป็นอีกหนึ่งภูมิปัญญาที่กำลัง

สูญหายไปตามกาลเวลา

“ถ้าอยากดูเขาขึ้นตาลต้องไปที่บ้านถ้ำรงค์

โน่น เดี๋ยวนี้หาคนขึ้นตาลยากแล้ว แต่ที่นั่นเขาเป็น

หมู่บ้านตาลโตนดมีครบเลยทั้งเคี่ยวตาล ขึ้นตาล”

นับว่ายังเป็นโชคดีที่แม้อาชีพคนปีนตาล

กำลังจะสูญหาย แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังรักใน

อาชีพนี้อย่างเหนียวแน่นจนกลายเป็นการรวมกลุ่ม

ตาลโตนดที่ครบวงจร ซึ่งหมู่บ้านตาลโตนดที่ว่านี้

ตั้งอยู่ไม่ไกลนักเพียงขับรถตามถนนเพชรเกษมเลย

อำเภอเมือง ตรงมาสู่อำเภอบ้านลาด ก็จะเจอป้าย

ด้านขวาเขียนว่าทางเข้าบ้านถ้ำรงค์ หรือ ”หมู่บ้าน

ตาลโตนด” ที่ชาวบ้านเขายังคงขึ้นตาล ยีตาล และ

เคี่ยวตาลกันอยู่เป็นนิจ

ทุกวันนี้บ้านถ้ำรงค์ยังไม่เปิดเป็นแหล่ง

ท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ หรือแหล่งท่องเที่ยว

เชิงเกษตรอย่างเต็มตัวเหมือนที่อื่นๆ เพราะ

ต้องการคงความเป็นชุมชนเอาไว้ให้ได้มากที่สุด

ไม่อยากให้ชาวสวนปรับเวลาทำงานของตนเอง

เพียงเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยว แต่ชาวสวนถ้ำรงค์ก็

ยินดีให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมภูมิปัญญาในการ

ผลิตน้ำตาลจากตาลโตนดได้ด้วยความเต็มใจและ

ภาคภูมิใจ ใครอยากเยี่ยมชมขั้นตอนใดๆ ก็ได้

แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าเวลานั้นพวกเขากำลังทำงาน

อะไรกัน ถ้ามาถูกช่วงถูกเวลาก็จะมีโอกาสได้ดู

กระบวนการทำน้ำตาลทั้งหมด ตั้งแต่ขึ้นตาล

ยีตาล กระแทกตาลและเคี่ยวตาล

ศูนย์รวมของการพัฒนาการผลิตน้ำตาล

โตนดอยู่ที่องค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำรงค์ ซึ่งช่วย

พัฒนาอาชีพ งานฝีมือ ตลอดจนเทคโนโลยีเข้ามา

ใช้ผลิตผลิตภัณฑ์จากต้นตาล และพัฒนาจนกลาย

เป็น อบต. ตัวอย่างที่ใครต่างก็ต้องมาศึกษาดูงาน

จนต้องเตรียมรถไฟฟ้าไว้บริการทั้งผู้ที่มาดูงาน

และนักท่องเที่ยว

ด้านกรรมวิธีผลิตน้ำตาลนั้นค่อนข้างมี

ขั้นตอนที่ซับซ้อน เริ่มที่ยามเช้าชาวสวนตาลจะปีน

ขึ้นไปบนไม้พะอง หรือไม้สำหรับขึ้นตาลที่ทำจาก

ไม่ไผ่ หลังจากปีนป่ายขึ้นไปถึงยอดตาลแล้วก็ไม่ใช่

ว่าจะได้น้ำตาลลงมาในทันที ชาวสวนบอกว่าต้อง

นวดตาลเป็นอันดับแรก โดยก่อนนวดจะต้องตรวจ

ไม้พะองอุปกรณ์สำคัญในการขึ้นต้นตาล

29

30

ปลีตาล หรือที่ภาษากลางเรียกว่างวงตาล ปลีตาลมี 2 แบบคือ ตัวผู้และตัวเมีย ต่างกันตรงที่

ตัวผู้ หนึ่งก้านมี 3 ปลี หุ้มด้วยกระโปรง ส่วนตัวเมีย หนึ่งก้านมีเพียงปลีเดียว โดยใช้ไม้กลม

บีบตั้งแต่โคนไล่ไปหาปลายประมาณ 4-5 วัน แล้วหักปลายที่เรียกว่าหางหนูออกจากนั้นตรวจ

ดูว่ามีน้ำตาลไหลเยิ้ม จึงนำกระบอกใส่น้ำไปแช่ปลีตาลนาน 1-2 วัน จึงถอดออกแล้วปาด

ปลายปลีก็จะได้น้ำตาลหยดออกมา

ส่วนการขึ้นตาลหลายคนเข้าใจว่าขึ้นได้เฉพาะช่วงเช้ามืด แต่แท้จริงแล้วเขาขึ้นกัน

2 เวลา กรีดตอนเช้าจะได้น้ำตาลตอนเย็น เรียกตาลเช้า กรีดตอนบ่ายจะได้น้ำตาลตอนเช้า

เรียกตาลเที่ยง แต่ตาลเช้าจะมีคุณภาพที่ค่อนข้างดีกว่า หวานกว่า ยิ่งปัจจุบันนี้มีไฟฟ้าใช้

แล้วการขึ้นตาลเช้าจึงไม่ได้ยากลำบากเหมือนสมัยก่อนๆ ที่ชาวสวนจะต้องถือตะเกียง

เจ้าพายุลุยทุ่งนาเพื่อมาจะขึ้นตาล ชาวสวนจะลงมือขึ้นตาลพร้อมเหน็บมีดพร้าขนาดใหญ่ไว้

ที่บั้นเอว มือหนึ่งหอบหิ้วกระบอกไม้ไผ่ สาวเท้าขึ้นไม้พะองปีนขึ้นยอดตาล เมื่อขึ้นไปถึงก็จะ

ง่วนอยู่กับการเก็บน้ำตาลเช้าที่ใช้ถุงพลาสติกแทนกระบอกไม้ไผ่ที่หายากขึ้นทุกวัน แล้วคว้า

มีดที่บั้นเอวปาดปลีตาล นำกระบอกไม้ไผ่ที่หิ้วขึ้นไปสวมรองน้ำตาลแทน เพื่อกลับมาเก็บอีก

ครั้งในตอนเช้า

กระบอกไม้ไผ่ที่ว่าต้องผ่านการรมควันจากเตาตาล และใส่เศษไม้พะยอม ไม้ป่ารสขม

ที่จะช่วยประสานน้ำตาลไม่ให้บูดไว้ในกระบอก ไม้พะยอมนี่แหละที่ทำให้รสชาติความหวาน

ของน้ำตาลสดจากสวนต่างจากที่ขายกันตามท้องตลาด ด้วยรสชาติหวานปนฝาดเล็กๆ การัน

ตีด้วยผึ้งหลวงนับร้อยที่ลอยอยู่ในน้ำตาลเต็มไปหมด

จากนั้นน้ำตาลจากต้นจะถูกลำเลียงไปยังเตาตาล เทน้ำตาลลงกระทะต้มด้วยไฟแรง

ให้งวดไปเรื่อยๆ จนกลิ่นหอมของน้ำตาลตลบอบอวลไปทั่ว ชาวสวนจะต้องคอยหมั่นเอาฟอง

ออกและเติมไฟให้แรงอยู่เสมอจนน้ำตาลงวด จึงยกลงจากเตาตาลแล้วทำการกระแทกตาล

โดยใช้ไม้กระแทกที่มีปลายคล้ายสปริงกระแทกลงในน้ำตาลจากสีน้ำตาลเข้มจนกลายเป็น

สีขาว แล้วใช้ไม้ขนอนกวนต่อให้ข้นและเหนียว ก็จะเหลือน้ำตาลบางส่วนที่ติดอยู่กับขอบ

กระทะคล้ายตังเม เด็กๆ แถวนี้ชอบนักแหละ เหมือนน้ำตาลปั้นตามงานวัดแต่หอมหวานกว่า

จากนั้นก็จะนำไปบรรจุลงปี๊บเป็นน้ำตาลปี๊บหรือทำเป็นน้ำตาลปึก

ลูกตาลอ่อน

การยีตาล

ลูกตาลนำมาลอกเปลือกออกเห็นเนื้อตาลก่อนนำมายี

31

นอกจากน้ำตาลแล้ว เนื้อตาลบริสุทธิ์ก็ถือว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ทำขนมตาล ได้มา

จากตาลแก่ที่หล่นจากต้นเอง ปอกเปลือก นำใยสีเหลืองมาขยำหรือยีตาล ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็

คงใช้มือขยำ แต่ปัจจุบันสะดวกขึ้นเพราะใช้เครื่องยีไฟฟ้ายีเนื้อตาลออกมา แล้วกรองด้วยผ้า

ขาวบางเอาใยออกให้เหลือแต่เนื้อตาล กรองอีกครั้งด้วยผ้าด้ายดิบให้เหลือเนื้อตาลบริสุทธิ์

นำไปผสมกับแป้งทำเป็นขนมตาล ส่วนแกนกลาง คือจาวตาล กินสดก็ได้รสชาติคล้าย

มันแกวแต่หวานกว่า หรือนำไปเชื่อมกินกับข้าวเหนียวมูน ส่วนลูกตาลอ่อนก็จะนำไปขาย

เป็นลูกตาล แบบที่เรานิยมนำมาลอยแก้ว

มาเมืองเพชรครั้งนี้ถือว่าโชคดีกว่าครั้งอื่นๆ ตรงที่ได้มีโอกาสเข้ามาเห็นขั้นตอนการ

ทำน้ำตาลโตนด ตั้งแต่ยังอยู่บนต้นจนมาเป็นขนมหวานแสนอร่อย ซึ่งกว่าจะได้น้ำตาลแต่ละ

หยดมาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทั้งต้องอาศัยความอดทน ทั้งต้องอาศัยความรักที่แม้จะเป็นคนปีน

ตาลแห่งเมืองเพชรรุ่นสุดท้าย แต่ก็ตั้งใจที่จะรักษาให้คงไว้จนถึงที่สุด...

การเคี่ยวน้ำตาลเพื่อทำน้ำตาลปึก

การกระแทกตาล

น้ำตาลที่ข้นจนเป็นตังเม

32

เที่ยวทั่วไทย เรื่อง... หนุ่มพเนจร / ภาพ... อช.ภูจองนายอย

แม้ผมเดินทางมาเกือบจะเรียกได้ว่าทั่วทุกซอกทุกซอยใต้ฟ้าเมืองไทย แต่วินาทีที่ผม

ยืนอยู่เบื้องหน้าน้ำตกห้วยหลวงแห่งอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ความรู้สึกขณะนั้นคล้าย

กับนักเดินทางหน้าใหม่ หัวใจมันเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ดวงตาเบิกกว้างกับความอลังการ

ของน้ำตกสายนั้นที่ทิ้งตัวจากเบื้องสูงสู่เบื้องล่างเสียงดังกังวานราวกับประกาศก้องความยิ่ง

ใหญ่

ในจำนวนน้ำตกอีสานที่สวยสง่าด้วยกันแลว้ น้ำตกห้วยหลวง หรือ น้ำตกถ้ำบักเตว

แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเช่นเดียวกับเหวนรกและอีกหลายๆ

น้ำตก น้ำตกแห่งนี้เกิดจากลำธารห้วยหลวงทั้งสายกระโจนจากหน้าผาสูงประมาณ 45 เมตร

ลงใส่แอ่งน้ำเบื้องล่างที่รองด้วยเม็ดทรายสีน้ำตาลอันเกิดจากการกัดกร่อนของหินทราย

(ที่เขานำมาแกะสลักพระพุทธรูปหินทรายแบบเขมรนั่นแหละ)มานานนับพันหมื่นปี

เนื่องจากป่าไม้แถบนี้ขึ้นอยู่บนเทือกเขาพนมดงรัก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหินทราย

ลำน้ำที่ได้ถ้าไม่ใช่หลังจากฝนตกลงมาใหม่ๆ แล้วแทบจะเรียกว่าใสสะอาดเกือบทั้งสาย

เพราะนอกจากน้ำทั้งสายจะถูกกรองด้วยต้นไม้และทรายเม็ดแล้ว น้ำแทบจะทุกเม็ดแทบจะไม่

ได้ผ่านไปบนโคลนดินเลย

ผู้คนจึงสามารถลงไปอาบได้อย่างสบายอกสบายใจ

สภาพน้ำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับลำน้ำที่ไหลผ่านเทือกเขาหินปูน เพราะเทือกเขาหินปูน

นั้นนอกจากจะกรองใบไม้เอาไว้แล้วยังให้สีออกน้ำเงินงามอีกด้วย

ภจูองนายอย ที่นี่...

หินที่กลายเป็นสีทองยามต้องแสง

อาทิตย์ส่องแสงขึ้นมาทักทายยามเช้า

หินรูปร่างแปลกตา

33

สำหรับน้ำตกห้วยหลวง ถ้าไปเที่ยวในหน้าฝนก็จะได้อีกบรรยากาศหนึ่งคือ

บรรยากาศแห่งความชุ่มชื้นของละอองหมอก อันเกิดจากเม็ดน้ำที่ถูกกระแสลมตีขึ้น

เป็นไดนามิคอันเนื่องจากการทุ่มลงของลำน้ำทั้งสายเลยล่ะครับ

ไม่ต้องบอกว่ารอบๆ น้ำตกนั้นจะอุดมไปด้วยบิโกเนียขนาดเล็กที่ชูช่อสลอน

มากเพียงใด ตะไคร่และเฟิร์นทั้งที่บนคาคบไม้และแผ่นผลาญหินที่เขียวขจี พืชชั้นต่ำ

เหล่านั้นถูกอาบด้วยละอองน้ำเม็ดเล็กกว่าที่ตาคนจะมองเห็น เม็ดน้ำเหล่านั้นค่อยๆ

รวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้วกลายเป็นหยาดน้ำใส พอน้ำหนักเกินกว่าใบจะอุ้มเอาไว้

น้ำใสเหล่านั้นก็ค่อยๆ ย้อยลงบนรากและแผ่นหินชั้นล่างอย่างสวยงามเหมือนสิ่งมี

ชีวิตส่งมือให้กันอย่างร่าเริง

และหากเดินทางไปเยือนในหน้าหนาว ก็จะได้บรรยากาศของความหนาวเย็น

ของป่าอุทยานฯ ผสมผสานกับน้ำตกที่ใสดั่งตาตั๊กแตน ยามเช้าจะมีละอองหมอก

ลอยขึ้นมาในอากาศอันเกิดจากการกระทบกันระหว่างความอุ่นของน้ำและความเย็น

ของป่าหนาวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้า (ทะเลหมอกเกิดขึ้นได้ก็เพราะมีล้ำน้ำผ่าน

ป่าเขา)

เมด็นำ้เหลา่นัน้ คอ่ยๆ รวมตวักนัอยา่งรวดเรว็แลว้กลายเปน็หยาดนำ้ใส พอนำ้หนกัเกนิกวา่ใบจะอุม้เอาไว ้นำ้ใสเหลา่นัน้ก็คอ่ยๆ ยอ้ยลงบนรากและแผน่หนิชัน้ลา่งอยา่งสวยงาม

เหมอืนสิง่มชีวีติ สง่มอืใหก้นัอยา่งรา่เรงิ

ภจูองนายอย

อีกมุมของน้ำตกห้วยหลวง

วิวพานอรามาแห่งภูจองนายอย

น้ำตกห้วยหลวง

อีกหนึ่งจุดที่คุณสามารถมาชมวิวได้

34

สำหรับในหน้าแล้งแม้ว่าน้ำตกจะมีน้อยหรือไม่มีเลย ภูจองนายอยก็ยังดำรงความเป็น

ป่าให้เราได้สูดอากาศบริสุทธิ์ได้เช่นกันแม้ว่าจะสวยไม่เท่าในหน้าหนาวหรือหน้าฝน

ผมขอแนะนำสำหรับคนชอบถ่ายภาพ คือนอกจากจะถ่ายจากมุมบนของหน้าผาที่

เดินมาจากอุทยานซึ่งเจ้าหน้าที่เขาทำเอาไว้ให้คนดูน้ำตกในมุมที่สวยงามที่สุดแล้ว ยัง

สามารถไต่ลงไปตามบันไดที่เขาทำไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อไปถ่าย

ภาพน้ำตกที่อยู่เบื้องล่างได้อีกด้วย ระหว่างทางจะพบพืชจำพวกตะไคร่และเฟิร์นขึ้นอยู่ตลอด

รายทาง บีโกเนียนั้นส่งช่อชูไสวล้อทั้งลมและละอองหมอก

จุดที่ถ่ายภาพที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็คือ หลุบเชิงผาใต้น้ำตก หลุบนั้นค่อนข้างจะ

ปลอดละอองหมอกและลมเพราะอยู่ ในหลืบ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะตามเส้นทางลงหรือ

เส้นทางที่จะเข้าไปใต้หลืบผาล้วนแต่ต้องเจอกับละอองน้ำที่ถูกลมม้วนขึ้นมาใส่ทั้งสิ้น ดังนั้น

คนที่จะลงไปยังเบื้องล่างนอกจากจะต้องใส่เสื้อสำหรับกันลมและละอองให้กับตัวเองแล้ว ยัง

ต้องใส่ถุงกันน้ำให้กล้องอีกด้วย ถ้าไม่มี ถุงพลาสติกใสที่หาง่ายๆ ก็ใช้ได้ ยิ่งถ้าไม่ใช่กล้อง

ซิงเกิ้ลเลนส์ขนาดใหญ่บวกกับเลนส์นานาชนิดก็ไม่ต้องกังวลอะไรมาก

ข้อควรระวังก็คือเส้นทางลื่นอันเกิดจากละอองน้ำ ผู้สูงอายุไม่ควรลงไปในช่วงฤดูฝน

เพราะทางขึ้นลงลำบาก แต่ถ้าลงไปได้แล้วเหมือนได้เจอกับความมหัศจรรย์แห่งความมีชีวิต

ของธรรมชาติ

หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง!

แต่พอเวลาจะขึ้นก็ต้องสูดอากาศให้ลึกๆ เพื่อเอาความสดชื่นเข้าปอดให้มากสักหน่อย

เพื่อคลายความเหนื่อยเมื่อยล้า

น้ำตกประโอนละออเป็นอีกน้ำตกหนึ่งที่อยู่ต่ำลงไป ถือได้ว่าเป็นชั้นอีกชั้นหนึ่งของ

น้ำตกแห่งเดียวกัน ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีขนาดใหญ่เท่าชั้นแรกแต่ก็สวยงามไม่น้อย ค่าที่ว่าความ

สูงของน้ำตกมีไม่มากเท่าน้ำตกบักเตว แต่ก็ช่วยนวดตัว นวดหัวไหล่ได้ดี

ที่น่าเที่ยวทางน้ำอีกแห่งหนึ่งก็คือแก่งกะเลา แก่งกะเลาเป็นแก่งหินกลางลำน้ำห้วย

หลวง บรรยากาศเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดอันพึงมีได้ในป่าดิบแล้ง แก่งนี้มีผีเสื้อเยอะ

สนุกกับน้ำตกประโอนละออ

แก่งศิลาทิพย์

ศิลปะจากธรรมชาติ ล่องแพไม้ไผ่ อีกกิจกรรมยอดนิยม

35

สามารถเอารถเข้าไปได้เพราะอยู่ห่างจากอุทยานเพียง 2.5 กิโลเมตร

เหมาะสำหรับครอบครัวไปเล่นเพราะน้ำไม่ลึกนัก

ภูหินด่างเป็นภูเขาหินทรายที่ประกอบไปด้วยป่าเต็งรังแบบ

เดียวกับป่าอีสานทั้งหลาย มีหินที่งอกและหินที่แตกระแหง มีทั้ง

ร่องหินและแอ่งเว้าแบบเดียวกับภูหินร่องกล้าแต่ไม่มากเท่า

เส้นทางเดินป่ามีกล้วยไม้นานาชนิดขึ้นให้เห็น หน้าหนาวมี

ดอกไม้ตระกูลเดียวกับที่พบในอุทยานแห่งชาติในอีสานคือมีดอก

ดุสิตตา กระดุมเงิน ฯลฯ

หน้าหนาวบริเวณยอดของภู สามารถมองเห็นทะเลหมอก

ยามเช้าที่เกิดจากการกระทบกันของความอุ่นและความเย็นอันเกิด

จากน้ำห้วยในป่าและลำน้ำโขงที่อยู่ลิบๆ

ใครที่ขึ้นไปยืนอยู่จุดสุดยอดนี้ได้ก็จะได้เห็นทัศนียภาพอัน

งามแปลกตาของป่าแผ่นดินลาวและเขมรที่อยู่เบื้องล่าง นี่คือจุด

กลางของบริเวณที่เราเรียกว่าสามเหลี่ยมมรกต

ผนังหินและเพิงผาที่ออกเป็นสีชมพูสีแดงที่สลับกับหินสี

ธรรมชาติอื่นๆ จนเป็นที่มาของภูที่เรียกว่า “หินด่าง” ที่นักเที่ยวป่า

อยากค้นหาความหมาย

เนื่ อ งจากภูหินด่ า งอยู่ ห่ า งจาก

ที่ทำการของอุทยานถึง 51 กิโลเมตร นัก

ท่องเที่ยว จึงต้องติดต่อกับอุทยานก่อน

เพราะไปกลับลำบาก ต้องได้รับการดูแลจาก

เจ้าหน้าที่

การค้างแรมต้องอาศัยเต็นท์หรือไม่

ก็กางเปลนอน อาหารการกินก็ต้องหุงหา

เอาเองที่นั่น ไม่มีการบริการเหมือนย่านที่

อยู่ใกล้อุทยานฯ

ใครที่ไปอุทยานแห่งนี้ถ้ามีเวลาก็

ควรไปที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำโดมใหญ่

ด้วย เพราะที่นั่นเขามีกุ้งเดินขบวนให้ดูเป็น

ขวัญตา แต่จะไปเมื่อไหร่ก็ต้องสอบถาม

เจ้าหน้าที่ฯ เพราะในแต่ละปี (ในหน้าฝน)

กุ้งจะขึ้นมาเดินขบวนไม่ตรงกันแล้วแต่ว่าน้ำ

ช่วงไหนมากน้อยอีกต่างหาก

อทุยานแหง่ชาตภิจูองนายอยมเีนือ้ที ่

428750 ไร ่ หรือ 686 ตารางกิโลเมตร มี

พื้นที่ครอบคลุมอำเภอบุณฑริก นาจะหลวย

และน้ำยืนของจังหวัดอุบลราชธาน ี อยู่ห่าง

จากตัวจังหวัดประมาณ 120 กิโลเมตร มี

อาณาเขตตดิตอ่กบัสาธารณรฐัประชาธปิไตย

ประชาชนลาวและกัมพูชาประชาธิปไตย

พืน้ทีอ่ทุยานสว่นหนึง่อยูบ่นเทอืกเขาพนมดง

รักที่มีการลักลอบตัดไม้พยุงส่งไปขายให้จีน

นัน่ละ่ครบั เทอืกเขานีป้ระกอบดว้ยภเูขาใหญ่

น้อย เช่น ภูจอง นายอย ภูน้ำซับ ภูจันทร์

แดงและภูผลาญยาว ซึ่งมีความสูงตั้งแต ่

300-600 จากระดับน้ำทะเล สภาพป่าเป็น

ปา่ดบิแลง้ ปา่เตง็รัง ปา่เบญจพรรณประมาณ

75% ของพืน้ที่

ในป่านี้มีต้นจองหรือต้นสำรองที่เขา

เอา เม็ดมันมากินแบบที่ ทำกันในแถบ

ชายแดนด้านตะวันออก ระยอง จันทบุรีและ

ตราด และเป็นที่มาของภูจองนายอย…

ธรรมชาติบริสุทธิ์งามตรึงใจที่นักเดินทาง

อย่างผมต้องยกนิ้วให้

เห็ดป่า

เห็ดระโงกแดง

มณีเทวา พักผ่อนหย่อนใจ

36

สาระเพื่อชีวิต เรื่อง... โอวัลติน

The miracle of touch มีการพิสูจน์กันแล้วว่าการสัมผัสคือการเยียวยาที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะ

มาในรูปของการกอด หอมแก้ม หรือจับมือ การแสดงออกเหล่านี้เป็น

ตัวแทนของความรักความอบอุ่น ซึ่งคนเป็นพ่อแม่ควรกระทำอย่างมาก

เพื่อแสดงให้ลูกๆ เห็นว่าเราใส่ใจ และสนใจ โดยเฉพาะในยามที่พวกเขา

สับสนวุ่นวายใจ การสัมผัสจะช่วยได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้

แนะนำให้ทุกคนในครอบครัวหาโอกาสสัมผัสกันทุกวันเป็นประจำ จะเป็น

เรื่องที่ดีที่สุด

สนุกสนานเข้าไว้ เมื่อต้องเครียดจากการทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้าน อาจทำให้

คนเป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่ลืมคำว่า “สนุก” ไป อย่าลืมว่าลูกๆ ยังเด็ก และ

พวกเขาอยากฟังเรื่องสนุกๆ หรืออยากเล่าเรื่องราวของพวกเขากับ

เพื่อนๆ ให้คุณฟัง ที่สำคัญ การได้ฟังเรื่องสนุกๆ จากลูกๆ จะทำให้เรา

สดชื่น ผ่อนคลายและรู้สึกเยาว์วัยลงด้วยนะ

ยืดหยุ่น

บางครั้งพ่อแม่ก็คาดหวังในตัวลูกๆ มากเกินไป จนเกือบจะลืมไป

เลยว่าตอนที่เราเป็นเด็ก เราคิดอะไรอย่างไร ลองมองและคิดในมุมมอง

พ่อแม่ คุณภาพ

แนน่อนวา่การเปน็พอ่ แม่ไม่ใชเ่รือ่งงา่ยเลย เพราะตอ้งรบัผดิชอบเรือ่งตา่งๆ

ทัง้การงาน งานบา้น และยงัตอ้งดแูลลกูๆ อกีดว้ย แตก่ารตอ้งดแูลลกู แมอ้าจจะเรยีกไดว้า่เปน็ภาระ

แตก่น็บัเปน็ “ภาระทีแ่สนหวาน” มาดกูนัวา่มขีอ้คดิดีๆ อยา่งไร

ในการดแูลลกูๆ ของคณุ

37

และเมื่อนั้น เราก็จะยิ่ง

ห่างไกลจากลูกมากกว่า

เดิม แต่กับเด็กบางคนที่

เชื่อในทุกคำห้ามของเรา

พวกเขาอาจจะกลายเป็น

เด็กที่ขาดความเป็นตัว

ของตัวเอง และขาดความ

คิดสร้างสรรค์ได้ ลองปล่อยให้เขาได้เติบโตอย่างเป็นตัวของ

ตัวเองบ้างน่าจะดีกว่า

มุมมองสมัยยังเด็ก บ่อยครั้งความเป็นผู้ใหญ่ทำให้เราลืมนึกถึงมุมมอง

ของเด็กไป และพยายามจะให้เขาประพฤติแบบที่เราทำ

ลองนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนเราเป็นเด็ก เราเคยอยากแอบหนี

เรียน เคยแอบลอกข้อสอบ หรือเคยวิ่งตามดารานักร้องหรือ

ไม่ ทุกพฤติกรรมของลูกๆ ก็คือพฤติกรรมของเราตอนเด็ก

นั่นเอง เพราะฉะนั้นลองมองลูกจากมุมมองวัยเด็กของ

ตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจพวกเขาได้มากขึ้น

ควบคุมได้ แต่ ไม่ ใช่ควบคุมตลอด เด็กๆ ไม่ชอบถูกควบคุมอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเขามี

ปัญหา พ่อแม่อย่างเราก็ต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์บ้าง

และการควบคุมนั้น ควรจะเป็นการควบคุมอย่างมีเหตุผล

ชี้แนะให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างเข้าอกเข้าใจ อาจจะ

ด้วยการให้ข้อคิด หรือคำแนะนำดีๆ แล้วให้พวกเขานำไป

ต่อยอดด้วยตัวเอง การปล่อยให้พวกเขาได้แก้สถานการณ์

ด้วยตัวเอง จะทำให้ลูกๆ ของคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล

และมีความคิดที่ชัดเจน

อย่าตามใจเกินไป แน่นอนว่าคนเป็นพ่อแม่ย่อมมีความรักมากมายให้

กับลูกๆ และพร้อมที่จะทำทุกอย่างให้พวกเขา แต่การตามใจ

ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องดี เราควรแยกให้ออกว่า อะไรสำคัญ

อะไรไม่สำคัญ กำหนดชีวิตของพวกเขาให้เหมาะสม โดยยึด

สิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นหลัก เช่น ถ้าครอบครัวไม่ได้มีฐานะ

ดีมาก ก็ทำให้พวกเขาเข้าใจและรับรู้ ในสถานการณ์ของ

ตัวเอง สอนพวกเขาให้เป็นผู้ใหญ่และรับผิดชอบ อย่าให้

อะไรมากเกนิไปจนพวกเขาเขา้ใจวา่ตวัเองจะเปน็ฝา่ยรบัตลอด

สอนให้เขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าและกำหนดชีวิต

ของตัวเองได้ด้วยจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า

ของลูกๆ ดูบ้าง เมื่อพวกเขาผิดพลาด ก็ขอให้ทำความ

เข้าใจ และยอมรับ และถ้าข้อหานั้นไม่เลวร้ายจนเกินไป ก็

ลองมองผ่านมันไปบ้างก็ได้ ยืดหยุ่นเข้าไว้ แล้วต่างฝ่ายจะ

ต่างมีความสุข

ค่อยๆ สอน เด็กๆ ส่วนใหญ่ ไม่ค่อยทำในสิ่ งที่ถูกต้องตาม

กฎเกณฑ์เสียเท่าไหร่ เพราะพวกเขายังคงมีความกล้าใน

หัวใจ และยังไม่เคยสัมผัสถึงผลร้าย ที่ตามมาจากการ

กระทำนั้นๆ ทางที่ดี คนเป็นพ่อแม่ควรสอนให้พวกเขารู้ถึง

เหตุและผล แต่อย่าไปบีบบังคับมาก ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจ

ด้วยตัวเองจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ที่สำคัญ การค่อยๆ สอนโดย

ไม่ใช่คำพูดที่รุนแรงจะทำให้พวกเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี

และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต

ตั้งข้อจำกัด แม้ว่าการเป็นพ่อแม่ที่ ใจดีจะเป็นเรื่องที่ดี แต่จะ

อย่างไร เราก็ต้องสร้างข้อจำกัดไว้ด้วย ให้พวกเขาได้รู้ว่า

เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง บางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจะยอมรับ แยกให้

ชัดไปเลยว่าเส้นขีดจำกัดนั้นอยู่ตรงไหน และสอนให้พวกเขา

ทำตามกฎนั้นๆ รวมไปถึงกำหนดบทลงโทษไว้ด้วย เพื่อให้

พวกเขาเข้าใจและรู้ถึงบทบาทของตัวเอง แต่ก็ต้องระวังอย่า

ให้ข้อจำกัดนั้นมีมากจนเกินไป

ควบคุมแต่ ไม่ ใช่ครอบครอง

บ่อยครั้งคนเป็นพ่อแม่ก็ลืมว่าลูกๆ เองก็มีความคิด

และมีความเป็นตัวของตัวเองเช่นเดียวกับเรา การที่เราใช้คำ

พูดว่า “เพราะฉันบอกอย่างนั้น เธอจะต้องทำ” ใช้ได้ในบาง

ครั้ง แต่ถ้าใช้บ่อยเข้า อาจจะทำให้ลูกๆ เหินห่างจากคุณได้

และอาจจะแอบทำอะไรลับหลังคุณโดยไม่บอก จำไว้ว่า

แม้แต่เราเองก็ยังเคยทำผิดพลาด หรือเคยอยากทำอะไร

แปลกๆ ใหม่ๆ การเข้าใจและฟังเหตุผลของพวกเขาให้มาก

ขึ้น คือสิ่งที่จะทำให้ทุกคนรักกันมากขึ้น

ตรวจสอบคำว่า “ไม่”

การห้ามในหลายๆ เรื่องอาจจะจำกัดความคิด

สร้างสรรค์ของลูกๆ ได้ พวกเขาควรมีสัญชาติญาณที่จะ

สร้างสรรค์หรือสรรหาอะไรใหม่ๆ ในทิศทางที่เหมาะกับตัว

เอง เคยได้ยินคำว่า “ยิ่งห้ามยิ่งยุ” ไหม ถ้าเราห้ามมากๆ

พวกเขาหลายคนอาจจะกลายแตกคอกหนีเราไปเลยก็ได้

38

มรดกไทย เรื่อง / ภาพ... พ่อหนุ่มเจ้าสำราญ

คนอีกส่วนหนึ่งสรรสร้างสิ่งสวยงามให้อยู่คู่กับโลกเราควรค่า

แก่การชื่นชม ในอดีตกาลห้วงยุคสมัยโลกของเรายังไม่มีสิ่งอำนวย

ความสะดวกสมบูรณ์เฉกเช่นเดียวกับปัจจุบัน คนในกาลนั้นสร้าง

ศิลปะอันทรงคุณค่าให้คนในยุคหลังได้ศึกษา ได้เข้าใจว่าผู้ที่มีในยุค

ก่อนมีความเป็นมา วิถีชีวิตเป็นเช่นใด อาทิเช่น ภาพวาดที่ปรากฏ

ตรงหน้าผาดังในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี

ถึง 300 กว่าภาพ มีทั้งภาพสัตว์ ลายเลขาคณิต คนทำนา มือ และ

ภาพตุ้ม (เครื่องมือจับปลาของชาวประมงริมแม่น้ำโขง) มีอายุไม่ต่ำ

กว่าสามพันถึงสี่พันปีเลยทีเดียว..นั่นคือศิลปะภาพวาดที่อาจเกิดขึ้น

จากความสนุกของคนยุคนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้ออกมาในแง่ศิลปะ

ให้คนตราตรึง แต่ก็มีความหมายเหลือเกิน

ฮูปแต้มวัดไชยศรี

ภายในสิม มีเรื่องราวพุทธประวัติ

สภาพสิมในปัจจุบัน หลังคามีการบูรณะใหม่

ผนังสิมเต็มไปด้วยจิตกรรมภาพวาด

คนจำพวกหนึ่งจ้องแต่จะทำลายล้าง สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งมีชีวิตส่วนรวม เพียงเพื่อผลผลประโยชนส่วนตน

ภาพขบขัน ลายเส้นคล้ายภาพการ์ตูน ประตูทางเข้าวัดไชยศรี ภายในสิม มีเรื่องราวพุทธประวัติ

39

ศิลปะภาพวาดเก่าๆ ในบ้านไม่ได้มีอยู่ ในถ้ำหรือหน้าผา

เท่านั้น ตามวัดวาสำคัญๆ ของบ้านเราจะเห็นได้ว่าผนังโบสถ์มีภาพ

จิตรกรรมเรื่องราวของพุทธศาสนา แต่ถ้าคนที่เคยไปเที่ยวทางแถบ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน สายตาอาจไปสะดุดกับ “ฮูป

แต้ม” ที่ดูแปลกตาจากที่ๆ เคยเห็น ปรากฏอยู่ตาม “สิม”

“สิม” เป็นคำเรียกโบสถ์ของชาวอีสาน มาจากคำว่าสีมาหรือ

เสมา แปลว่าขอบเขต ในการก่อสร้างสิมในสมัยโบราณมีทั้งการ

ก่อสร้างสิมบกและสิมน้ำ ซึ่งมีหลายลักษณะ แต่โครงสร้างใหญ่ๆ

แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ สิมโปร่งที่ไม่กั้นฝาและสิมทึบมีผนัง

กั้นทั้งสี่ด้าน การตั้งสิมจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก สิมอีสาน

ทั่วไปมีขนาดเล็กและมักมีชายคาปีกนกแผ่ออกโดยรอบ ประดับ

ตกแต่งด้วยศิลปะฝีมือของช่างพื้นบ้าน ทั้งลายปูนปั้น แกะสลักไม้

โดยเฉพาะ “ฮูปแต้ม” หรืองานจิตรกรรมฝาผนังที่ดูสนุกสนานเข้าใจ

ง่าย มักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ วรรณกรรมพื้นบ้าน

ตำนานและวิถีชีวิต

ในจังหวัดของแก่นมีวัดที่มีฮูปแต้มอยู่หลายสถานที่ อาทิ

วัดสวนวารีพัฒนาราม วัดสระบัวแก้วและวัดไชยศรี วัดที่เราแนะนำ

ให้คุณผู้อ่านลองเข้าไปเยี่ยมเยือนคือวัดชัยศรี เนื่องจากอยู่ในเขต

อำเภอเมือง เดินทางสะดวก และที่สำคัญตัวผู้เขียนเองได้ไปสัมผัส

กับตาตัวเองมาแล้ว

วดัไชยศร ีตัง้อยูท่ีบ่า้นสะว ีสรา้งขึน้เมือ่ป ีพ.ศ. 2408 หลวงปู่

คูบาอ่อนสาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก มีสิมหรือโบสถ์ขนาดเล็กแบบพื้น

ถิ่นอีสานโบราณ หลังคาโบสถ์มีชายคาปีกนกโดยรอบคลุมผนัง

ทั้งหมด ต่อมาหลังคาชำรุดทรุดโทรม ทางวัดและชาวบ้านช่วยกัน

ทำหลังคาขึ้นใหม่เป็นแบบไม่มีชายคาปีกนก (แบบรัตนโกสินทร์)

ภาพบนฝาผนังจึงถูกลมฝนลบจนเลือนลาง ต่อมาในปี พ.ศ. 2536

กรมศิลปากรเข้ามาต่อเติมชายคาปีกนกด้านข้าง และยกพื้นโดยรอบ

เพื่อป้องกันน้ำเซาะ

สิ่งที่น่าสนใจคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ดูสวยงามแปลกตา

ฝีมือนายทอง ทิพย์ชา เป็นคนชาวอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม

โดยเขียนเรืองราวตามที่พระอธิการอ่อนสา กำหนดเรื่องให้ ด้านใน

ของสิมเป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าสิบชาติ และ

ด้านนอกเขียนเป็นรูปสังข์สินไชย นิทานพื้นบ้านอีสาน ภาพเทพใน

สวรรค์ชั้นต่างๆ มนุษย์และสัตว์ต่างๆ ภาพนรกขุมต่างๆ ภาพ

พระเวสสันดร สีที่ใช้เขียนภาพจิตรกรรม เป็นการเขียนด้วยสีฝุ่น

เน้นโทนสีเย็น ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีครามและสีดำ ซึ่งภาพใน

ฝาผนังนี้จะมีจุดเด่นในการเขียนภาพ ภาพตัวพระหรือกษัตริย์จะมี

ขนาดเล็ก ภาพยักษ์หรือภาพสัตว์จะมีขนาดใหญ่ ท่าทางโลดโผน

ภาพดูสนุกสนานคล้ายภาพการ์ตูน ซึ่งมีการจัดวางอย่างเหมาะสม

ลงตัว ซึ่งไม่มีที่ใดเหมือนที่นี่ ฝาผนังด้านนอกเป็นการวาดภาพเรื่อง

ราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับวิถีชีวิตของชาวอีสานที่เรียบง่ายและสงบสุข

ภาพสังข์สินไชยซึ่งเป็นนิทานพื้นบ้านอีสานที่ให้ข้อคิด คติธรรม

เรื่องราวของอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เทพยดา ผู้มีบุญญาธิการ ความรัก

ความริษยา คุณธรรม ความกตัญญูกตเวที ความดี ความชั่ว การ

ผจญภัย ซึ่งเมื่อเรานำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มาใช้อบรมจิตใจของเราแล้ว

ก็จะทำให้อยู่ ในสังคมอย่างสงบสุขตามหลักธรรมทางพระพุทธ

ศาสนา สำหรับภาษาที่ช่างเขียนได้ใช้เขียนลงในภาพจิตรกรรมฝา

ผนังนั้นช่างได้ใช้ภาษาขอม ภาษาธรรมในการเขียนเรื่องราวลงบน

ฝาผนังซึ่งทำให้นักโบราณคดีที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ได้

ศึกษาและรู้ เรื่องราวประวัติความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้และ

ประวัติศาสตร์สำคัญหลายเรื่อง

วัดในต่างจังหวัดยังคงเคร่งตามประเพณีเดิม คือผู้หญิงไม่

สามารถเข้าไปภายในโบสถ์ได้ ซึ่งวัดไชยศรีก็เป็นวัดหนึ่งที่ยังรักษา

ธรรมเนียมนี้อยู่

รูปภาพที่ดูเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีหลายรูปที่ถูกวาดให้มี

ลักษณะขบขัน คือโป๊เปลือย หลายคนมองว่าดูไม่เหมาะสมที่มีภาพ

แบบนี้ติดอยู่ข้างสิม แต่โดยส่วนตัวผู้เขียนนั้นกลับมองว่า นี่คือ

สิ่งสะท้อนถึงสภาวะสังคมหรือคนในช่วงหนึ่งร้อยกว่าปีก่อนคงเต็มไป

ด้วยวิถีชีวิตที่สนุกสนาน ร่าเริง ซึ่งภาพที่เห็นนั้นออกไปเชิงตลกมาก

กว่าอนาจารเสียด้วยซ้ำไป .. แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน

ว่ามีความคิดเห็นเช่นใด

ย้อนกลับมามองในยุคปัจจุบัน ภาพวาด ตัวอักษรที่ติดอยู่

ตามฝาบ้าน กำแพงหรือเสาทางด่วนโครงการโฮปเวล ด้วยฝีมือของ

คนมือบอนอย่างที่เราเห็น ไม่แน่ว่าอีก 100 ปี 1,000 ปี ข้างหน้า

ภาพเหล่านี้อาจมีคุณค่าแก่คนที่เกิดมาในอนาคต.. เขาจะได้รู้ว่า

คนในสังคมยุคนี้เลวร้ายอย่างไรกันบ้าง

ภาพสัตว์ต่างๆ ภายในสิม นิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์สินไชย

การแต่งกายในยุคสมัยนั้น

ลายเส้นคล้ายภาพการ์ตูน

40

สุข...สุขภาพ เรื่อง / ภาพ... โอวัลติน

ลองหนัมองรอบตวัดคูรา่วๆ แลว้ลองนบัจำนวนตวัเลขด ู

คนรอบตวัคณุมคีนเปน็ “ภมูแิพ”้ กีค่นกนันะ ... เชือ่หรอืไม ่นีค่อืโรคยอดฮติของคนยคุป ี2000 และอาการภมูแิพท้ีพ่บมากทีส่ดุทัว่โลกเรยีกกนัวา่

“ภมูแิพอ้าหาร”

ภมูแิพอ้าหาร โรคของคนยุคป ี2000 ก่อนอื่น ลองทำแบบสอบถามง่ายๆ 10 ข้อนี้ดูก่อน

1. คุณมีอาการเหนื่อยง่ายหรือไม่

2. น้ำหนักของคุณเพิ่มและลดลงในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่

3. คุณรู้สึกอึดอัดแน่นท้องหลังจากรับประทานอาหารหรือไม่

4. คุณมีอาการท้องผูกหรือท้องร่วงเป็นประจำ

5. คุณรู้สึกง่วงนอนหลังจากรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ

6. คุณรู้สึกคัดจมูกเป็นประจำ มีอาการจาม และมีน้ำมูกเสมอ

7. คุณมีอาการเป็นผื่นคันตามร่างกาย มีอาการหอบหืด หายใจติดขัด

8. คุณมีอาการปวดหัวต่อเนื่อง หรือปวดหัวแบบไมเกรน

9. คุณมีอาการเครียดโดยไม่ทราบสาเหตุ

10. คุณรู้สึกดีหลังจากได้เดินทางไปเที่ยวในวันหยุดที่อื่น และได้เปลี่ยน

บรรยากาศ เปลี่ยนอาหาร

ถา้คณุตอบวา่ “ใช”่ มากกวา่ 4 ขอ้ แนน่อนวา่ คณุเปน็โรคภมูแิพ ้(อาหาร) แลว้ละ่ การกินกับความเสี่ยง

เคยสงสัยบ้างไหมว่า อาหารที่เรากินมีประโยชน์มากอย่างที่เขาว่าจริงๆ หรือ

และเคยรู้ไหมว่าพืชผักต่างๆ มีกรรมวิธีปกป้องตนเองจากนักล่า ด้วยการสร้างสารเคมีที่

เป็นพิษ เพราะฉะนั้น ความคิดที่ว่าอาหารมีแต่สารที่ดีนั้นผิดถนัด ความเป็นจริงก็คือ ใน

อาหารตามธรรมชาตินั้น มีพิษมากพอๆ กับประโยชน์เลยทีเดียว

41

รายงานที่เชื่อถือได้ของสถาบันวิจัย Royal College of Physicians พบว่า

ในจำนวนมนุษย์ทั้งหมด 1 ใน 3 เคยเกิดอาการของโรคภูมิแพ้ และเมื่อสุ่มตัวอย่าง

ตรวจคนยุโรปจำนวน 3,000 คน พบว่าจำนวนคน 43 เปอร์เซ็นต์เป็นโรคภูมิแพ้

อาหาร และ 70 เปอร์เซ็นต์ที่เข้ารักษา พบว่าอาการไม่หายขาดเมื่อรับประทานยา

เพียงอย่างเดียว แต่อาการจะหายไปเมื่อลองค้นหาว่าตนเองเกิดอาการต่อต้านต่อ

อาหารชนิดใดและงดอาหารชนิดนั้นเสีย

ปัญหาที่พบก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้เลยว่าอาการที่เกิดกับตัวเอง ไม่ว่าจะ

เป็นเครียดจัด เหนื่อยง่าย ไอจามบ่อยๆ อ่อนเพลีย นั้นเกิดจากการแพ้อาหาร พวก

เขามักจะรักษาตามอาการด้วยยาธรรมดาทั่วไป จากนั้น ก็ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ และ

กลับมามีอาการแบบเดิมอีก วนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น

การแพ้เกิดจาก

ก่อนที่จะทำความเข้าใจเรื่องภูมิแพ้ คุณควรจะต้องเข้าใจถึงวิวัฒนาการด้าน

อาหารของมนุษย์โลกเสียก่อน

ตลอดช่วงเวลาที่มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนั้น เรามีการเปลี่ยนแปลงด้าน

อาหารค่อนข้างมาก แต่ยีนของเรายังคงมีลักษณะเดิมเป็นหลัก ไม่มีการ

เปลี่ยนแปลงมากนัก ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มนุษย์ก็เป็นโรค

ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเบาหวาน หัวใจ มะเร็ง ฯลฯ แล้วรู้หรือไม่ คำตอบของโรค

เหล่านี้คืออะไร คำตอบก็คือ การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการกินนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ มนุษย์เรามีอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ มากมาย น้ำอัดลม

เป็นตัวอย่างที่ดีมาก เพราะมนุษย์ดื่มน้ำชนิดนี้มากกว่าน้ำเปล่าที่เคยดื่มในอดีต

จนเกิดคำถามที่ว่า เราแพ้อาหารมากขึ้นเพราะเรามีวิธีรับประทานอาหารที่ผิดใช่

หรือไม่ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ อาหารแบบใหม่ๆ ที่เรานำมาปรุงแต่งทำให้มนุษย์เกิด

อาการแพ้อย่างแพร่หลาย และมีทีท่าว่าอาการแพ้นี้จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย

ไม่นานมานี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดลำดับปริมาณอาหารที่คนชอบบริโภค 5

อันดับต้นๆ ได้แก่ นมวัว เนยแข็ง น้ำตาลทราย โคล่า และเนื้อบด ชนิดอาหารที่

ปรากฎนี้นี่เอง คือคำตอบที่ว่าเพราะอะไรคนเราจึงเป็นภูมิแพ้กันมากขึ้น

20 อาหารติดอันดับที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้

นมวัว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ยีสต์ ไข่ขาว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไข่แดง

กระเทียม ถั่วเหลือง แห้ว อัลมอนด์ ข้าวโพด เฮเซลนัท ข้าวโอ๊ต ถั่วแระญี่ปุ่น กีวี

พริกไทย เมล็ดงา เมล็ดทานตะวัน ถั่วลิสง

ภูมิแพ้ แก้ ไม่ยาก

ถ้าไม่อยากเป็นภูมิแพ้ละก็ นี่คือหลาก

หลายวิธีที่คุณควรจะทำ

1. กินผัก-ผลไม้มากๆ อย่างที่รู้คือผัก

ผลไม้มีแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยบำรุงร่างกาย และ

ยังมีสารที่เรียกกันว่าเควอเตซิน ที่ช่วยต่อต้านการ

เกิดภูมิแพ้ได้ดีและที่ดีที่สุด ควรกินผลไม้แบบสดๆ

ยิ่งกินทั้งเปลือกได้เลยจะดีมาก ผัก ผลไม้แนะนำ

คือ แอปเปิ้ล ลูกแพร์ เบอร์รี่ แครอท หัวหอม

บร็อคโคลี่และมะเขือเทศ

2. ปลา อาหารจำพวกปลามีโอเมก้า 3

อยูม่ากทีส่ดุ ปลาทีม่ปีระโยชนม์ากๆ คอื แซลมอน

เฮอร์ริง แมคคอเรล ซารดีนและทูน่า ที่แนะนำคือ

ควรจะกินทั้งหมด 3 ครั้งต่อสัปดาห์

3. อย่ากินอาการซ้ำซาก พยายามจัด

อาหารให้แตกต่างกันไปในแต่ละมื้อ เพราะการ

รับประทานอาหารซ้ำๆ จะทำให้ร่างกายเกิดอาการ

ต่อต้าน จนเกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนี้ การ

หมุนเวียนอาหารจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร

หลากหลายมากขึ้น และลดภาระในการย่อย

อาหาร เพราะถ้าร่างกายของคุณต้องย่อยอาหาร

ซ้ำๆ ทุกวัน จะต้องพบกับสารแบบเดิมๆ จนทำให้

ลำไส้อ่อนแอลง

4. น้ำ การดื่มน้ำสะอาดจะช่วยในเรื่อง

ของการขับของเสียออกจากร่างกาย ถ้าหากว่าไม่

ชอบดื่มน้ำ ให้หันมาดื่มชาสมุนไพร หรือน้ำผลไม้

อย่าดื่มแอลกอฮอล์ หรือชา กาแฟ เพราะมีสารที่

ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนัก

42

สารพัน...บันเทิง เรื่อง ...นายหนัง

Keiko Lee In Essence

Keiko Lee เจ้าของ

ฉายา The Queen of Jazz

แห่งประเทศญี่ปุ่น กับอัลบั้ม

ใหม่ล่ าสุด ที่ มาพร้อมกับ

น้ำเสียงลุ่มลึกเป็นเอกลักษณ์

คราวนี้เธอได้แขกรับเชิญพิเศษ

มาร่ วมงานด้ วย 2 คน คือ

David Sanborn มอืแซก็โซโฟน

อันดับต้นๆ ของวงการ เจ้าของ

รางวัล Grammy 6 สมัย และ

Randy Brecker นักทรัมเป็ต

ฝีมื อดี นอกจากนี้ Ke iko

ยังได้นำเพลงฮิตอมตะอย่าง

Nothing’s Gonna Change My

Love For You ของ George

Benson, How Deep Is Your

Love ของ The Bee Gees

และเพลง I Can’t Help It ของ

Michael Jackson มาร่วมร้อง

อีกด้วย

Step Up 2 The Streets

เมื่อสาวฮิปฮอปสุดซ่า

แอนดี้ (บริอาน่า เอวิแกน)

ได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนสอน

ศิ ล ป ะ สุ ด ไ ฮ โ ซ ป ร ะ จ ำ รั ฐ

แมรี่แลนด์ เธอก็เจอปัญหาเรื่อง

การปรับตัวเข้าอย่างจัง เพราะ

ชีวิตที่นี่ต่างจากชีวิตเดิมของ

เธอเหลือเกิน แต่เมื่อเธอร่วม

มือกับ เชส (โรเบิร์ท ฮอฟแมน)

นักเต้นสุดฮอตประจำโรงเรียน

รวบรวมสมาชิกเด็กนอกกรอบ

ตั้งทีมเต้นขึ้นมา เพื่อเข้าร่วม

การแข่งขันเต้นใต้ดินที่ชื่อว่า

“เดอะสตรีทส์” แอนดี้ก็ได้ค้น

พบหนทางในการมีชีวิตอยู่กับ

ฝันของตัวเอง

MELLOW ROCK

อั ล บั้ ม ร ว ม เ พ ล ง

ร็อคอารมณ์ละมุน ฟังสบาย กับ

บทเพลงเพราะๆ ที่ คุณเคย

ประทับใจ “Dust In The Wind”

จาก Kansas, “The Sound Of

S i l ence ” จาก S imon &

Garfunkel และ “You’re The

On ly Lone ly ” จาก J .D .

Souther ร่วมด้วยบทเพลง

ร็อคนุ่มๆ ที่หาฟังได้ยากในยุคนี้

อย่าง “Autumn” จาก Edgar

Winter, “Pretty Girl” จาก

At lanta Rhythm Sect ion,

“Casab lanca” จาก Dane

Donohue

I Could Never Be Your Woman

ภาพยนตร์โรแมนติก

คอมเมดี้ของ มิเชลล์ ไฟเฟอร์

กับบทโรซี่ ม่ายสาววัยเลขสี่ที่

ชี วิ ตกำ ลังผิดแผน เธอเป็น

โปรดิวเซอร์คิดมุขให้รายการทีวี

You Go Girl แต่ตอนนี้ทุกอย่าง

กำลังจะเปลี่ยนไป ชีวิตการงาน

ของเธอกำลังเจอมรสุมหนัก

เมื่อเจ้านายจอมกดขี่ทางเพศ

อยากเปลี่ยนรายการของเธอให้

เป็นเรียลลิตี้โชว์ ด้านชีวิตส่วน

ตัวก็แย่ไม่ต่างกัน สามีเก่าของ

เธอกำลังจะมีลูกกับสาววัยละ

อ่อน ขณะที่อิซซี่ ลูกสาวสุด

หวงก็ เ ริ่ มสน ใจหนุ่ มฮอตที่

โ รง เ รียนแทนเธอ และแล้ว

นักแสดงหนุ่มรวยพรสวรรค์

อดัม เพิร์ล ก็เดินเข้ามาสู่ห้อง

หัวใจของโรซี่แบบทันควัน

พบเรื่องราวความรัก

ครั้ ง ใหม่ที่ จ ะทำให้ทุกหั ว ใจ

อมยิ้ม

เพลง

ภาพยนตร์

43

ธรรมะทอรัก ผู้เขียน ว.วชิรเมธี

สำนักพิมพ์ อมรินทร์

ราคา 159 บาท

ท่าน ว.วชิรเมธี (พระมหาวุฒิ

ชัย วชิรเมธี) นับเป็นผู้มีผลงาน

โดดเด่นในการนำเสนอธรรมะ

แบบอินเทรนด์ มากกว่า 40

เล่ม และ “ธรรมะทอรัก” เป็น

ผลงานในชุดธรรมะประยุกต์

สำหรับคนรุ่นใหม่ หนังสือเล่มนี้

จะชี้ทางให้เข้าใจถึงสัจธรรม

ของความรัก และรู้วิธีทอรักให้

ยืนยง มั่นคงและยาวนาน โดย

เนื้อหาจะครอบคลุมตั้งแต่ตอน

เริ่ มรั ก จนกระทั่ งตัดสิน ใจ

แต่งงานกัน ต่อด้วยการปรับตัว

ยอมรับความแตกต่าง และอยู่

กัน ด้วยความเข้ า ใจอย่ างมี

ความสุข โดยยึดหลักง่ายๆ

ในการครองรักครองเรือนด้วย

การ “ครองธรรม” ให้ได้เสีย

ก่อน แล้วความรักของคุณก็

จะประสบความสำเร็จและมี

ความสุข

อย่าจำกัดความคำว่า “รัก” ไว้ ให้เฉพาะหนุ่มสาวเท่านั้น หากเหลียวมองไปรอบๆ ตัว คุณจะเห็นความรักมากมายที่ซุกซ่อนอยู่

Bakery & I ผู้เขียน กมล สุโกศล แคลปป์

ผู้เรียบเรียง

พีรภัทร โพธิสารัตนะ

สำนักพิมพ์ a book


“ชายหนุ่มคนนี้ตกหลุมรักกับ

เสียงดนตรี ” แม้คุณจะไม่ ใช่

สาวกค่ายเพลงขนมปังดนตรี

แต่นั่นไม่ใช่ข้อจำกัดให้คุณมอง

ข้ามหนังสือเล่มนี้ไปได้ เพราะมี

แง่คิด มุมมอง รวมทั้งบทเรียน

ชีวิตที่น่าสนใจ ผ่านเรื่องราวใน

ชีวิตจริงของสุกี้-กมล สุโกศล

แคลปป์ ชายหนุ่มผู้หลงใหล

มนตร์ เสน่ห์ของเสียงดนตรี

และเมื่อโอกาสมาถึง เขานำ

ความชอบกับความรักในดนตรี

มาเป็นอาชีพ โดยการปฏิวัติ

วงการเพลงจนกล่าวได้ว่าเป็น

คนที่สมองเป็นนักธุรกิจ แต่

หัวใจเป็นศิลปิน แต่แล้ววันหนึ่ง

สถานการณ์เปลี่ยนไป “เขา”

จะ เลื อกทาง เดินชี วิ ตต่ อ ไป

อย่างไร จะใช้ความรักในเสียง

ดนตรีนำทางอีกหรือไม่ ติดตาม

อ่านได้

จะตามติดชิดเธอทุกชาติไป La Prochaine Fois ผู้เขียน มาร์ก เลอวี

ผู้แปล อธิชา มัญชุนากร

สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์


มาร์ก เลอวี นักเขียนนวนิยาย

โรแมนติกระดับสุดยอดของ

ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของผลงาน

ระดับเบสต์ เซลเลอร์ ได้แก่

ปาฏิหาริย์รักต่างภพ เจ็ดวัน

เพื่อหนึ่งนิรันดร และเธออยู่

ไหน สำหรับเรื่องนี้แม้ชื่อเรื่อง

อาจทำให้คาดเดาว่าเป็นความ

รักแบบรุนแรง ออกแนวสยอง

ขวัญ แต่ที่จริงแล้วเป็นหนังสือ

ที่รวบรวมสารพัดอารมณ์ โดย

เฉพาะอย่างยิ่งการตามรักกัน

อย่างหวานซึ้งในทุกชาติ ผสม

ความตื่นเต้นจากการติดตาม

แก้แค้น แฝงด้วยอารมณ์ขัน

และมิตรภาพ โดยมีการผูกเรื่อง

ราวให้ลึกลับซับซ้อนด้วยการ

ตามหาที่มาของงานศิลปะชิ้น

โบแดงที่หายสาบสูญไปนานนับ

ร้อยปี ให้คุณติดตามลุ้นจนหน้า

สุดท้าย!

Love is All Around หนังสือ

เอดส์ ไดอารี่ 5 อยู่เพราะรัก ผู้เขียน แก้ว

สำนักพิมพ์ ดอกหญ้า


อย่าปฏิเสธหนังสือเล่มนี้ เพียง

เพราะกวาดสายตาเห็นชื่อเรื่อง

แล้วคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรา ทุกวัน

นี้ โรคเอดส์เป็นเรื่องที่ ใกล้ตัว

มากอย่างที่คุณอาจคิดไม่ถึง

แม้หนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราว

ชีวิตของคนเป็นเอดส์ เขียน

โดยผู้ป่วยโรคเอดส์ แต่ก็ไม่ได้

ปิดกั้นคนที่ไม่ได้เป็นเอดส์เช่น

คุณ ลองหามาอ่านดู แล้วคุณ

จะมีกำลังใจ มีความหวังและมี

ความสุขที่จะยืนหยัดต่อสู้กับ

อุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้อีก

เพียบ ในขณะที่ ใครหลายคน

กำลังหมดศรัทธาในความรัก

บางคนอกหัก บางคนสมหวัง

และบางคนถึงกับยอมตายเพื่อ

ประชดรัก เธอคนนี้แสดงให้

เห็นว่า แม้เธอจะทุกข์ทรมาน

แสนสาหัส แต่ยังยืนยันที่จะขอ

มีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อใช้เวลากับคน

ที่รักเธอให้นานที่สุด

44

รู้คดรู้ ใช้ เรื่อง ... คุณนายประหยัด

เพราะดูเหมือนอะไรๆ ก็มีราคาแพงขึ้น ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ขณะที่ผู้บริโภค กลับมีกำลังซื้อน้อยลงและยากจะหันหน้าหนีเหตุการณ์นี้ ได้ ฉะนั้น ตัวเราเองควรมีการเตรียมชีวิตให้พร้อมกับเศรษฐกิจที่เขาว่ากันว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวกลางปี 2551 เป็นต้นไป ดีกว่าจะมานั่งเครียดและกังวลถึงการใช้ชีวิตโดยไม่คิดปรับพฤติกรรมตัวเอง ซึ่งก็มีหลายคำแนะนำมาฝากกัน

ตระหนักไว้ว่าก่อนจะเริ่มก้าวขาออกจากบ้าน ควรมีการวางแผนและเตรียมพร้อม

เสมอ นอกจากจะทำให้ไม่เสียเวลาหรืออารมณ์ในการเดินทางแล้ว ถือว่าจะช่วยประหยัด

สตางค์ในกระเปา๋ได้ไมน่อ้ย เพราะตอ้งยอมรบัวา่เดีย๋วนีค้นเรารอไมค่อ่ยเปน็ เหน็หนทางทีด่ี

กวา่ก็ไป ทัง้ๆ ทีถ่า้มเีวลาเตรยีมตวั จะสามารถประหยดัเงนิไปไดอ้กีเยอะ เปน็ตน้วา่ กอ่น

ออกจากบ้านหากออกเร็วอีกนิดแล้วเลือกนั่งรถเมล์หรือรถตู้ไปเรื่อยๆ ก็ถึงที่หมาย พอกับ

การที่ต้องเดินทางด้วยเวลารีบเร่งที่จะต้องใช้พาหนะเร่งด่วนอย่างรถไฟฟ้า แท็กซี ่ หรือ

มอเตอร์ไซตร์บัจา้ง ซึง่สว่นใหญจ่ะเปน็การบวกคา่ครองชพีใหก้บัตวัเองโดยไมจ่ำเปน็เลย

อย่าเพิ่งตกใจกับข้อคำแนะนำข้อนี้ ไม่ได้ห้ามนะคะ เพียงแต่ว่าเวลาจะหยิบจะจับ

อะไร นึกถึงเหตุการณ์รอบๆ ตัวขณะนี้ให้ดีว่า “เพลย์เซฟ” เข้าไว้จะดีกว่า นึกถึงความ

จำเป็นเข้าไว้ว่า สิ่งที่จะซื้อนั้นเพื่อสนองความต้องการทางอารมณ์ หรือซื้อเพราะความ

จำเป็น เพราะยามภาวะเงินเฟ้ออย่างนี้ จะใช้เงินอย่างฟุ้งเฟ้อไม่ได้เด็ดขาด เมื่อระบบเงิน

ใหญ่ขาดสภาพคล่อง แล้วคุณไปจับจ่ายใช้สอยโดยไม่คำนึงถึงชีวิตหลังจากนั้น เห็นทีจะ

ลำบาก เพราะด้วยระบบเศรษฐกิจขณะนี้ทำให้เงินคุณมีอำนาจซื้อได้น้อยลงโดยปริยาย

ช็อปเท่าที่จำเป็น-อย่าเซ็นบัตรจนเป็นนิสัย

คิดและวางแผนก่อนเริ่มก้าว (ขา)

7 วิธีดีๆ ปรับตัวรับเศรษฐกิจปีชวด

45

นอกจากนั้น ควรงดเซ็นบัตรเครดิตต่างๆ ออกไป

บ้าง แม้ข้อดีของมันช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับ

เราได้ดี แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การเซ็นบัตรเครติดแบบ

รูดปื้ด รูดปื้ด เห็นจะเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับเศรษฐกิจ

โดยรวมไปเสียแล้ว

เมื่อเครียดจากการทำงานแล้ว ต้องพักผ่อนค่ะ แต่

ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองก็ได้ จากเดิมที่มีแผนการเดินทางไป

พักผ่อนต่างจังหวัดเสาร์-อาทิตย์ ควรหากิจกรรมอื่นมา

ทดแทน เพื่อจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองทั้งค่าเดินทางหรือค่าที่

พัก เช่น วันครอบครัวอาจจะหากิจกรรมอื่นทำในบ้าน หรือ

ไปทำกิจกรรมที่บ้านเครือญาติ หรือถ้าอดไม่ได้ที่จะต้องออก

เดินทางไปต่างจังหวัดจริง ลองเลือกที่จะท่องเที่ยวแบบ

วันเดย์ทริป ซึ่งเดี๋ยวนี้มีหลายสถานที่น่าสนใจและอยู่ในแถบ

ปริมณฑลมากมาย เชื่อว่าที่ผ่านมาเราอาจจะมองข้ามสิ่งที่

อยู่ใกล้ๆ ตัวกันเกินไป นอกจากนั้น ลองมองหากิจกรรม

อย่างอื่นเข้าทดแทนความสิ้นเปลือง แต่ช่วยเสริมความสุข

ได้เต็มเปี่ยม เช่น การไปถ่ายรูปเล่น นั่งอ่านหนังสือ หรือ

ออกกำลังกายตามสวนสาธารณะต่างๆ

อาจจะยากหน่อยสำหรับผู้ที่ชอบกิจกรรมการ

สังสรรค์ยามเย็น โดยเฉพาะวันศุกร์สุดสัปดาห์ การปรับตัว

ตรงนี้ไม่จำเป็นที่คุณต้องลบปาร์ตี้กินดื่มระหว่างเพื่อนฝูง

ออกไปจากชีวิตเลย เพียงแต่ลดปริมาณหรือความถี่ลงไป

บ้างก็จะช่วยคุณประหยัดได้แล้ว หรือเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่

ชอบหาร้านอาหารใหม่บรรยากาศสบายๆ ออกไปบ้าง หรือ

ไม่ก็หันมาสลับสับเปลี่ยนจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่บ้านแบบกันเอง

ก็ได้

แต่แนะนำว่าอย่าตัดขาดกิจกรรมเหล่านี้ ไปเลย

เพราะคนเคยสนุก การตัดการสังสรรค์เฮฮาไปเลยจะทำให้

คุณรู้สึกว่าชีวิตเหมือนขาดอะไรไป พอรู้สึกอัดอั้นมากเข้า

จนทนไม่ไหว อาจจะทำให้คุณระเบิดความรู้สึกออกมาและ

กลับมาใช้จ่ายแบบมือเติบได้

จะเป็นไปได้? ถ้าทุกการดำเนินชีวิตเราจะแบ่งเบา

ภาระการใช้เงินทุกกระบวนการที่ก้าวเดิน โดยอย่าปล่อยให้

ความเคยชินทำให้กลายเป็นคนไม่รู้จักประหยัดแบบไม่รู้ตัว

ซึ่งเริ่มปฏิบัติได้จากการลำดับสิ่งที่เราจะต้องเริ่มจับจ่าย

ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เชื่อว่าต้องมีบางอย่างที่ทำให้เราลดความ

จำเป็นการใช้ลงได้บ้าง เช่น จากที่ทุกเช้าต้องซื้อขนมก่อน

เข้าที่ทำงาน ลองลดของบางสิ่ง หรือลดปริมาณลงบ้างก็ได้

แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ซื้อเลยแล้วไปอุ๊บอิบกินของคนอื่น

เขา หรือจากที่ต้องสรรหาไปกินข้าวมื้อเที่ยงหรือเย็นหลัง

เลิกงานไกลๆ ก็หันมากินแถวที่ใกล้ที่ทำงานดู

เป็นที่ทราบกันว่าต้นทุนของผู้ประกอบการและผู้ผลิต

เพิ่มขึ้น ฉะนั้น ต้องระวังการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นหวัง

ผลักภาระต้นทุนให้ผู้บริโภคแบบเต็มจำนวน ผู้บริโภคอย่าง

เราต้องหมั่นติดตามข่าวสารทุกวัน เพื่อจะได้ไม่ตกอยู่ใน

ความไม่รู้และให้คนอื่นเอาเปรียบ เพราะท่ามกลางเศรษฐกิจ

เช่นนี้ หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์จะมีการ

ขอร้องหรือมีมาตรการใหม่ๆ ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

เสมอ ว่าสินค้าประเภทไหนขึ้นราคาได้หรือไม่ หรือให้มี

การปรับราคาได้แต่ต้องไม่เกินในอัตราส่วนเท่าไร และถ้าพบ

ว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องเรียกร้องให้ทาง

ผู้ตรวจสอบรับรู้ว่ากำลังถูกละเมิดและถูกเอาเปรียบจาก

ร้านค้าต่างๆ

สุดท้ายของการใช้ชีวิตที่ไม่ว่าระบบเศรษฐกิจทั้ง

นอกประเทศหรือในประเทศจะเป็นอย่างไร เราจะไม่มีทาง

เดือดร้อนเลย ถ้ารู้จักเพียงพอในสิ่งที่เราเป็นอยู่ และรู้จักพอ

เพียงในอำนาจและความสามารถที่ตัวเองมี และถ้าแต่ละวัน

ได้ลองกลับมานั่งทบทวนตัวเองว่า มีชีวิตแบบพอเพียงแล้ว

เชื่อว่าทุก ๆ วัน คุณก็จะมีความสุขเพียงพอ

คำแนะนำทั้ง 7 ข้อนี้ จะเป็นตัวช่วยที่ดี

สำหรับคุณได้ไม่มากก็น้อย เพราะเชื่อว่าไม่มีใคร

ที่จะสามารถปฏิบัติได้ทั้งหมด แต่การได้ลอง

ปฏิบัติตามเพียงบางข้อ ก็ถือว่าใช้ ได้แล้วค่ะ

เพราะการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนคนอื่น ก่อนที่

ภาวะเศรษฐกิจกำลังสู่การผลัดเปลี่ยนอีกรอบหนึ่ง

ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งเสมอ

เพียงพอและพอเพียง

รู้จักรักษาสิทธิ์ของตัวเอง

ประหยัดได้ แต่ต้องไม่เห็นแก่ตัว

ลดพฤติกรรมสังสรรค์เฮฮา

เลือกพักผ่อนแบบประหยัด

46

แวะชิมริมทาง เรื่อง ...ชายกาง / ภาพ... วิวัฒน์ ศรีเพ็ญ

เมื่อไม่นานมานี้ ชายกางได้มีโอกาสมาบันทึกภาพการฝึกอบรม ภาคสนาม ของ Hot Line Hotstick (เสาคอนกรีต) ที่หน้างานแถวๆ อำเภอบางปะอิน ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรด้านนี้อย่างจริงจัง เพราะหน่วยงาน Hot Line เป็นเสมือนผู้ปิดทองหลังพระ ทำงานในขณะที่ไม่มีการดับกระแสไฟฟ้า ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมทั่วๆ ไปไม่ต้องหยุดเครื่องจักร และไม่ต้องเสียรายได้ส่วนนี้ไปแบบเปล่าประโยชน์ ทำให้ความมั่นคงด้านการจ่ายกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้รับการยอมรับและชมเชยด้านการบริการที่ดีเยี่ยมอีกด้วย

การมาปฏิบัติงานด้านบันทึกภาพการทำงานบนเสาคอนกรีต 115 เควี นั้น ชายกางได้รับความอนุเคราะห์ อย่างดีจากคุณวิภาค สมวงศ์ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอบางปะอิน ที่จัดรถกระเช้าให้ เพื่อความสะดวกในการบันทึกภาพ และจะได้มุมภาพที่สวยๆ จากมุมสูงของรถกระเช้า ชายกางต้องขอขอบพระคุณท่านผู้จัดการ รวมทั้งพี่ๆ พนักงานแผนกซ่อมกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าอำเภอบางปะอินไว้ ณ โอกาสนี้เลยนะครับ

เท่านั้นยังไม่หมดนะครับ ท่านผู้จัดการ ยังบอกกับชายกางอีกว่า ที่อำเภอบางปะอินนี้ มีร้านอาหารอร่อยใช้การได้อยู่ร้านนึง ไม่ไกลด้วย เมื่อท่านบอกเส้นทางแล้ว ชายกางจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร พอได้เวลาเที่ยง ชายกางจึงได้สะกดรอยมาตามเส้นทางที่ท่านบอกมาทันที ถ้าเราเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ นะครับ โดยใช้ทางด่วนอุดร - รัถยา มาลงสุดทาง แล้วให้ไปทางขวาที่จะไปอำเภอบางปะหัน พอถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้าย พอเลี้ยวมาแล้วประมาณ 4 กิโลเมตร จะเห็นปั๊ม PT ทางซ้ายมือ ขับเลยไปอีกหน่อยก็จะเห็นทางแยกไปอำเภอบางไทร ท่านเลี้ยวไปทางนี้เลยครับ ตรงนี้จะเป็นถนนบางปะอิน - บางไทร จะผ่านวัดบางเคียนมาอีก 1.5 กิโล มองทางขวามือไว้จะเห็นป้าย “ร้านใบทรัพย์” อยู่ตรงนี้ครับ

ร้านนี้เป็นร้านยกพื้นสูง เปิดโล่งทั้ง 3 ด้าน รับลมธรรมชาติได้ทุกทิศทาง เราจอดรถได้ตรงหน้าร้านเลยครับ ขึ้นไปหาโต๊ะนั่งกันดีกว่า ข้างบนร้านนี่กว้างขวาง ตั้งโต๊ะไว้ 8 - 10

บางปะอนิ...อยธุยา รา้นใบทรพัย.์..

47

ชุดทีเดียว ชายกางเห็นทุกโต๊ะมีเตาแก๊สตั้งอยู่ด้วย...ชักสงสัยแล้วซิครับ ยังไม่ทันจะได้สงสัยต่อไป ก็มีน้องๆ มาถามว่า จะทานอะไรกันดีคะ ชายกางเลยต้องบอกว่า ผู้จัดการ การไฟฟ้าบางปะอินเค้าแนะนำให้มาร้านนี้น่ะครับ น้องเค้าเลยถึงบางอ้อและแนะนำอาหารจานเด็ด ที่ดังที่สุดของที่ร้านใบทรัพย์ นั่นคือ..สุกี้ ครับ เพราะสอบถามได้ความว่าคุณพ่อเป็นกุ๊กของที่ร้านเอง แต่เดิมนั้นเคยเป็นกุ๊กอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่ภัตตาคารนิวเปงเชียง แถวเซนต์หลุยส์ นานถึง 15 ปี เลยได้สูตรน้ำจิ้มสุกี้แบบกวางตุ้ง รสชาติเหมือนโคคาและแคนตั้น ซึ่งเป็นแบบจีนดั้งเดิมเลยทีเดียว

แต่มาที่บางปะอินทั้ งที ที่ๆ มีอาหารจากปลาในแม่น้ำสดๆ กุ้งสดๆ เพราะฉะนั้นชายกางจึงขอพิสูจน์ฝีมือกุ๊กใหญ่ซะหน่อย ด้วยการสั่งอาหารที่พี่ๆ เค้าแนะนำมาบ้างแล้วทันที เริ่มด้วย

- ไกแ่ชเ่หลา้ ไมน่า่เชือ่ครบัวา่รา้นใบทรัพย์จะทำไก่แช่เหล้าได้ยอดเยี่ยมขนาดนี ้ไกต่อนเนือ้แนน่ หนงับางกรบุ เสรฟิมาเยน็ๆ หอมกลิ่นเหล้าจีนฉุยๆ จิ้มกับน้ำจิ้มรสจัดจา้น อรอ่ยมากๆ ครบัจานนี้

- ไส้กรอกปลาทอด จานนี้เอามากินเล่นๆ ดีมากเลยครับ ไส้กรอกปลาเนื้อนุ่มหนึบ เหนียวได้ที่ ทอดมาหอมๆ จิ้มกับซ็อสพริกหน่อยนะ เคี้ยวเพลินเลยครับ

- ปอเปี๊ยะทอด ร้านใบทรัพย์ทำไส้ปอเปี๊ยะได้อร่อยมาก รสชาติกลมกล่อม จิ้มกับน้ำจิ้มของเค้าแล้ว ต้องยกนิ้วให้ครับ จานนี้ถ้ามีเด็กๆ มาด้วยคงชอบกันน่าดู

- ปลาทับทิมทอดราดพริกสามรส

รายการนี้ชายกางไม่ได้ชิมนะครับ แต่มาแนะนำท่านที่มาแบบครอบครัว และอยากจะลองชิมเมนูนี้ เค้ามีเป็นชุดๆ ทั้งรวมมิตรทะเล ชุดหมูรวมมิตรและเนื้อวัวตามสั่งอีกหลายอย่าง นั่งชะเง้อมองโต๊ะข้างๆ ด้วยสายตาละห้อย อยากกินอ่ะครับ ไว้คราวหน้า ไม่พลาดครับ

กว่าจะจบการทดสอบของอร่อย เล่นเอาชายกางนั่งตาปรือ ด้วยฤทธิ์ความอิ่มสุดๆ แต่ก็ได้เถ้าแก่ประคอง จิตสนพ ที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและกุ๊กใหญ่ที่ เพิ่งทำกับข้าวให้ชายกางได้ชิมไปเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ออกมานั่งคุยด้วย เลยได้ความรู้เพิ่มมาว่า ร้านใบทรัพย์ ตั้งร้านที่ตรงนี้มา 11 ปีเข้าปีนี้แล้ว และก็เป็นร้านแบบอุตสาหกรรมในครอบครัว โดยคุณประคองเป็นมือหนึ่ง และมีมือสองคือภรรยาของแกเอง และมีลูก ช่วยในครัวอีก 2 คน และช่วยบริการอยู่ด้านนอกอีก 2 - 3 คน อบอุ่นดีครับร้านนี้ ทา่นทีอ่ยากจะมาชมิทีร่า้นนีน้ะครบั ชายกางขอแนะนำให้โทร.มาจองโต๊ะ สั่งอาหาร ล่วงหน้าหรือสอบถามเส้นทางที่จะมาได้ที่ 032 - 367039 เพื่อความรวดเร็วครับ

คราวนี้ชายกางพาท่านมาใกล้ ๆ กรุงเทพฯ หน่อยนะครับ เพราะว่าวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ และวันพักผ่อนทั่ว ๆ ไป ท่านที่อาจจะเดินทางไปทำบุญ ไหว้พระที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็สามารถจะมาแวะชิมอาหารที่ร้านใบทรัพย์ได้เลยนะครับ รับรอง ไม่ผิดหวังทั้งเรื่องรสชาติและราคาครับ ฉบับนี้ชายกางคงต้องขอลาที อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ

ปลาทับทิมตัวโต ทอดมากรอบพอดีๆ ราดด้วยน้ำราดสามรสจากกุ๊กผู้มีประสบการณ์ อันยาวนาน เชื่อได้เลยครับว่าจานนี้อร่อยจริงๆ น้ำราดรสจัดจ้านแต่กลมกล่อม ได้ข้าวสวยร้อนๆ ซักจานนะ...อร่อยมากครับ

- ลูกชิ้นปลากรายผัดฉ่า ที่นี่ทำลูกชิ้นเองนะครับ ทำจากเนื้อปลากรายขูดแท้ เหนียวหนับ แล้วมาเข้ากับเครื่องผัดฉ่าอันร้อนแรง รสชาติจี๊ดมากครับจานนี้

- ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ร้านใบทรัพย์ใช้ปลาเนื้ออ่อนตัวไม่ใหญ่มาก แต่หั่นเป็นชิ้นๆ มา แล้วทอดมาเหลืองพอดี โรยด้วยกระเทียมเจียวกรอบๆ หอมฉุย อร่อยครับ

- กุ้ง ปลาหมึกผัดกะเพรา จานนี้มาแบบด่วนเพื่อดับความหิวในช่วงแรก และก็อร่อยแบบด่วนจริงๆ รสชาติใช้การได้เลยครับ

- ต้มยำกุ้งน้ำใส จะให้ได้รสชาติที่ดีของต้มยำกุ้ง ต้องเป็นแบบน้ำใสครับ มันจะจัดจ้านและหอมกลิ่นมันกุ้งโชยๆ เข้าจมูก พร้อมกับรสของพริกขี้หนูที่บุบพอแตก ส่งกลิ่นเร้าใจมาก

- ต้มยำปลาเนื้ออ่อน ชามนี้เอามาตอกย้ำความอร่อยของปลาเนื้ออ่อน ที่เค้าบอกว่าเอามาทำอะไรก็อร่อย และก็เป็นจริงตามนั้นเลยครับ อร่อยมากเลยครับ

- ข้าวผัดปู ร้านแบบภัตตาคารจีนแบบนี้นะครับ เราจะรู้ได้ทันทีว่ากุ๊กคนนี้ “เก๋า” แค่ไหน ต้องทดสอบกันด้วยจานนี้ครับ และใบทรัพย์ก็สอบผ่านฉลุยเลยครับ อร่อยมากๆ

- สุกี้ยากี้แบบกวางตุ้งน้ำจิ้มรสเด็ด

48 48

PEA for Kids เรื่อง... babygenious

มุมหนูอยากรู้

กุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรัก แถมมีเทศกาลครอบครัวที่น่าสนุกสนานอย่างเทศกาลตรุษจีน

พ่วงเข้ามาด้วย น้องๆ คงมีความสุขกันน่าดูเพราะได้ไปเที่ยวกับคุณพ่อคุณแม่ แต่ก็อย่ามัวสนุกจนเพลิน

เสียล่ะ เวลาสอบปิดภาคเรียนใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว ขยันเรียนขยันอ่านหนังสือกันด้วยนะคะ เป็นเด็กดีเด็ก

เก่ง เรียนจบมาจะได้เป็นบุคลากรคุณภาพช่วยพัฒนาประเทศเราให้ก้าวไกล

เอาล่ะค่ะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่น้องๆ สงสัยใคร่รู้ มีน้องๆ ถามเข้ามาว่า รู้สึกหงุดหงิดกวนใจกับกิ่งไม้ที่อยู่ ใกล้สายไฟฟ้า ดูแล้วเป็นอันตรายน่าดูเชียว เหตุการณ์อย่างนี้เราสามารถแจ้งการไฟฟ้าให้มาตัดได้ ไหม?

ตอบเลยว่า ได้แน่นอนค่ะ หากพบกิ่งไม้หรือสิ่งอื่นๆ เข้าใกล้สายไฟฟ้า ประชาชนสามารถแจ้ง

เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในท้องถิ่น เพื่อดำเนินการตัดกิ่งไม้หรือต้นไม้ให้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น “ห้าม”

ประชาชนดำเนินการตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้แนวสายไฟฟ้าเองนะคะ เพราะอาจเกิดอันตรายถูกกระแส

ไฟฟ้าดูดเอาได้ บริการดังกล่าวการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเต็มใจบริการให้ฟรี กิ่งไม้หรือต้นไม้ที่อยู่

ใกล้แนวสายไฟฟ้า เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าขัดข้อง และอาจเป็น

อันตรายต่อผู้ที่ขึ้นไปบนต้นไม้หรือผู้อยู่ใกล้

ทีนี้ยังมีน้องๆ อยากรู้อีกว่า ถ้าติดสายล่อฟ้าแล้ว มีโอกาสที่ฟ้าจะผ่าลงสายอากาศโทรทัศน์ ได้หรือไม่?

เรื่องนี้ตอบได้ไม่ยากค่ะ หากการติดตั้งระบบล่อฟ้าถูกต้องตามมาตรฐาน

โดยระบบของสายอากาศโทรทัศน์อยู่ในโซนป้องกันของระบบล่อฟ้า ระบบ

สายอากาศโทรทัศน์จะไม่มีโอกาสถูกฟ้าผ่า

ส่วนเรื่องสุดท้าย พี่เบบี้จีเนียสเคยเล่าให้ฟังในฉบับก่อนเกี่ยว

กับเรื่องสายดินว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เราถูกไฟฟ้าดูด

ในกรณีที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วเครื่องใช้ ไฟฟ้าที่มีสายดิน เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น มีโอกาสไฟฟ้ารั่วได้หรือไม่ และเป็นอันตรายกับผู้ ใช้ในขณะนั้นหรือเปล่า?

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีสายดินนั้น ในการติดตั้งใช้

งานหากมีการต่อลงดินถูกต้องตามมาตรฐาน การติดตั้ง

ทางไฟฟ้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าผลิตได้ตามมาตรฐานที่

ยอมรับ เช่น มาตรฐานอุตสาหกรรม ผู้ใช้งานย่อมได้รับ

ความปลอดภัยค่ะ

คงพอคลายความสงสัยกันบ้างแล้วนะคะ พี่เบบี้

จีเนียสยังมีเรื่องอีกมากมายที่เป็นสาระน่ารู้มาเล่าให้น้องๆ

ฟัง แต่คงต้องพอไว้แค่นี้ก่อน เอาไว้เจอกันใหม่ฉบับหน้าดีกว่า

นะคะ บ๊าย บาย

49

มุมนักประหยัด

อากาศเริ่มร้อนอบอ้าวมากขึ้นทุกที หน้าร้อนแบบนี้น้องโมรู้สึกกระหายน้ำบ่อยครั้ง

เปิดตู้เย็นดื่มน้ำเย็นบ่อยๆ จนคุณแม่เริ่มบ่น บอกว่าเปิดตู้เย็นบ่อยๆ เดี๋ยวก็เปลืองค่าไฟกัน

พอดี น้องโมเองก็อยากช่วยคุณแม่ประหยัดค่าไฟเหมือนกัน เรื่องนี้พี่พอดีช่วยได้ค่ะ แต่ก่อน

ที่เราจะไปเรียนรู้ว่าทำอย่างไรถึงจะช่วยประหยัดค่าไฟจากตู้เย็นได้ เรามาดูกันก่อนดีกว่าควร

เลือกตู้เย็นอย่างไร

ง่ายๆ เลือกตู้เย็นที่มีขนาดเหมาะสมกับครอบครัว และควรเลือกตู้เย็นที่ได้ฉลาก

ประหยัดไฟเบอร์ 5 ใหม่ 2001 ซึ่งประหยัดได้มากกว่าเบอร์ 5 เดิมประมาณร้อยละ 20 แล้วตู้

เย็นชนิดกดปุ่มละลายน้ำแข็งกินไฟน้อยกว่าชนิดละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ (No Frost) เวลาใช้ก็

ควรตรวจสอบยางขอบประตูตู้เย็นโดยเสียบกระดาษระหว่างขอบยางแล้วปิดประตู ถ้าสามารถ

เลื่อนกระดาษขึ้นลงได้แสดงว่าขอบยางเสื่อม ควรเปลี่ยนใหม่ เพราะคอมเพรสเซอร์ทำงาน

หนัก สิ้นเปลืองไฟไปเปล่า

การดูแลรักษาและใช้ตู้เย็นอย่างถูกวิธี เราสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ - ควรตั้งอุณหภูมิภายในตู้เย็น 3-6 องศาเซลเซียส และในช่องแข็งระหว่าง

ลบ 15-18 องศาเซลเซียส ถ้าตั้งไว้เย็นกว่าที่กำหนด 1 องศาเซลเซียส

จะสิ้นเปลืองไฟเพิ่มขึ้นร้อยละ 25

- เปิดประตูตู้เย็นให้กว้างแต่พอควร ไม่สิ้นเปลืองไฟ

- หมั่นละลายน้ำแข็ง อย่าให้น้ำแข็งเกาะในช่องน้ำแข็งมากเกินไป โดยกด

ปุ่มละลายน้ำแข็งหรือดึงปลั๊กออกจนน้ำแข็งละลายหมด

- ควรตั้ งตู้ เย็นห่างจากผนังทั้ งด้านหลังและด้านข้างอย่างน้อย 15

เซนติเมตร เพื่อให้การระบายความร้อนดีขึ้น ประหยัดไฟได้ร้อยละ 39

ส่วนเรื่องที่ต้องลด ละ เลิก ไม่ควรทำอย่างยิ่งกับตู้เย็นก็คือ - เลิกนำอาหารที่ร้อนหรือยังอุ่นแช่ในตู้เย็น

- ลดการเปิดตู้เย็นโดยไม่จำเป็น เพราะค่าไฟฟ้าจะเพิ่มตามจำนวนครั้งของ

การเปิดตู้เย็น

- เลิกเปิดประตูตู้เย็นค้างไว้เป็นเวลานานๆ

- เลิกใส่ของแช่จนแน่นตู้เย็น เพราะความเย็นจะไหลเวียนไม่สะดวก

- อย่าตั้งตู้เย็นใกล้เตาไฟหรือหม้อหุงข้าว หรือถูกแสงอาทิตย์โดยตรง

เพราะจะทำให้ตู้เย็นระบายความร้อนไม่ดี สิ้นเปลืองไฟอีกต่างหาก

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ น้องโมคงช่วยคุณแม่ประหยัดไฟจากตู้เย็นได้ไม่ยาก

อ้อ พี่พอดีมีเรื่องมาฝากกันก่อนจากอีกด้วย รู้ไหมคะว่าตู้เย็นแบบ 1 ประตู

ขนาด 5-6 คิว 100 วัตต์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง (โดยคอมเพรสเซอร์ทำงานร้อย

ละ 50) ใช้ไฟวันละ 1.2 หน่วย จะจ่ายค่าไฟฟ้าประมาณ 90 บาทต่อเดือนค่ะ

ใช้ตู้เย็นให้ถูกวิธีตามที่พี่พอดีบอกไว้นะคะ รับรองว่าคุณแม่ต้องรักน้อง

โมมากขึ้นเป็นกองเลย

50

ด.ช.ธนพล ไชยสูงเนินชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านเนินผาสุก

ด.ญ.เพ็ญวดี ทองแดง ชั้น ป.5 โรงเรียนชุมชนวัดเชี่ยวโอสถ

เอ! เด็กๆ รูัจักการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกันหรือเปล่ า? เรามาดูกันซิว่ า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในความคิดของน้องๆ แต่ละคนเป็นอย่างไร

มุมนักวาด

ด.ญ.ภณิดา พวงพั้วชั้น ป.5 โรงเรียนชุมชนวัดเชี่ยวโอสถ

ด.ญ.สุธิดา กุลบุตร ชั้น ป.6 โรงเรียนชุมชนวัดเชี่ยวโอสถ

ด.ญ.พฤกษา รัตนา ชั้น ป.5 โรงเรียนชุมชนวัดเชี่ยวโอสถ

51

PEA PHOTOCLUB ภาพ... จันทร์นภา แก้ววิลัย / คำ... จันอารีย์ คีรีวรรณ

ผลิใบแตกยอดเป็นขอดขด เขียวขจีสีสดบนพื้นขาว ชีวิตใหม่ใสสว่างกระจ่างพราว สวยสีขาวพราวความสุขอยู่ทุกวัน ครั้นเมื่อกาลเวลาเริ่มผ่านผัน ทุกข์สีดำย่ำเข้ามาท้ายอดเขียว ชีวิตมีสองด้านหมุนผ่านเวียน อยู่ที่เพียรจะสู้ผ่านด้านสีดำ

harmonics คืออะไร

Documents

ceo pr

waveform distortion

reactive power

ceo

latex

ceopr

pea

50 hz