basic digital circuits complete
DESCRIPTION
แลป ดิจิตอลTRANSCRIPT
รายงานการทดลอง
เร่ือง พื้นฐานวงจรดิจิตอล (Basic Digital Circuits)
วันที่ท าการทดลอง วันศุกร์ ที ่28 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2558
จัดท าโดย
นายธนาภูม ิ เง่ายุธากร รหัสนักศึกษา 57010589 กลุ่ม 4
นางสาวธัณยพัชร วัชรกาญจนาภรณ์ รหัสนักศึกษา 57010614 กลุ่ม 4
นางสาวเธยีรแสงเพ็ญ ช่อผูก รหัสนักศึกษา 57010646 กลุ่ม 4
อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.เฉลิมชาติ มานพ
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา Electrical Engineering Laboratory 1 (01026214)
คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิศวกรรมไฟฟ้า สาขา วิศวกรรมไฟฟ้า
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกลา้เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
วัตถุประสงค์ของการทดลอง
1. เพื่อให้เข้าใจหลักการท างานของวงจรดิจิตอล
2. เพื่อให้รู้จักการแปลงสัญญาณระหว่างสัญญาณอนาลอกและสัญญาณดิจิตอล
3. เพื่อให้รู้จักและเข้าใจหลักการท างานของเกตชนิดต่างๆ
4. เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีพีชคณิตบูลีน
หลักการและทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการทดลอง
โปรโตบอร์ด (Protoboard)
โพ ร โทบอร์ ด (Protoboard) หรื อ เ บ รดบอร์ ด (Breadboard) เ ป็ นบอร์ ด ท่ี ใ ช้ทดลอง ว ง จร
อิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกหนาสีขาว บนแผ่นมีรูเรียงกันจ านวนมาก ภายในรูมีตัวน าไฟฟ้าซึ่งเช่ือมต่อกัน
ในรูปแบบท่ีมีการก าหนดไว้ เวลาทดลองให้เสียบขาของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลงไปให้ตัวน าภายในเช่ือมวงจรถึงกัน
และอาจใช้สายไฟเสียบลงรูเพื่อเช่ือมวงจรไฟฟ้าได้เช่นกัน ข้อดีของโพรโทบอร์ดคือ ไม่ต้องออกแบบแผงวงจรและไม่
ต้องบัดกรี ข้อเสียคือใช้ทดลองวงจรที่ท างานท่ีความถ่ีสูง ๆ ไม่ได้เนื่องมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนในวงจร
รูปท่ี 1 แสดงวงจรภายในของโพรโตบอร์ด รูปท่ี 2 แสดงตัวอย่างการต่อวงจร
หลอดไฟ LED
LED ย่อมาจากภาษาอังกฤษค าว่า Light Emitting Diode หรือถ้าแบบไทยๆ คืออุปกรณ์ส่ิงประดิษฐ์ชนิด
หนึ่ง ท่ีสามารถเปล่ียนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงสว่างได้ ในภาษาอิเล็กทรอนิกส์ เรียกว่าไดโอดเปล่งแสง เมื่อเรา
ให้ไฟบวกด้าน P และไฟลบด้าน N อิเล็กตรอนและโฮลจะไหลมารวมกัน อิเล็กตรอนจะปลดปล่อยพลังงานออกมา ใน
รูปแบบคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ถ้าการปลดปล่อยพลังงานนี้ อยู่ในช่วงคล่ืนท่ีเราสามารถมองเห็นได้ จะท าให้สามารถ
มองเห็นแสงท่ีออกมาจากตัวไดโอดชนิดนี้ได้
รูปท่ี 3 ตัวอย่างหลอดไฟ LED รูปท่ี 4 แสดงองค์ประกอบของหลอดไฟ LED
ลอจิกเกตชนิดทีทีแอล (TTL Logic Gate)
TTL ย่อมาจาก Transistor Transistor Logic เป็นวงจรลอจิกท่ีสร้างขึ้นมาจากวงจรสวิตซ์ท่ีท างานด้วย
ทรานซิสเตอร์ ซึ่งประกอบกันเป็นเกตแบบต่างๆ เช่น แอนด์เกต ออร์เกต และนอตเกต เป็นต้น
วงจรรวมทีทีแอลมีหลายตระกูล เช่น ทีทีแอลมาตรฐาน , ทีทีแอลก าลังต่ า (L), ทีทีแอลชอตต์กี (S), ทีทีแอล
ชอตต์กีก าลังต่ า (LS) และแบบทีทีแอลความเร็วสูง (H) แต่ละชนิดจะมีโครงสร้างของอุปกรณ์ภายในวงจรท่ีแตกต่างกัน
แต่ยังคงใช้ทรานซิสเตอร์ท างานเป็นสวิตซ์ ให้วงจรรวมชนิดทีทีแอลท างานตามท่ีได้ออกแบบและสร้างไว้เป็นเกตต่างๆ
ลอจิกเกตพื้นฐานท่ีควรรู้จักและเข้าใจการท างาน มีดังนี้
1. แอนด์เกต (AND GATE; 7408) มีสัญลักษณ์และการท างานดังตารางความจริงต่อไปนี้
สัญลักษณ์ AND GATE
ตารางความจริง ไดอะแกรมเวลา
2. ออร์เกต (OR GATE; 7432) มีสัญลักษณ์และการท างานดังตารางความจริงต่อไปนี้
สัญลักษณ์ OR GATE
ตารางความจริง ไดอะแกรมเวลา
3. นอร์เกต (NOR GATE; 7402) มีสัญลักษณ์และการท างานดังตารางความจริงต่อไปนี้
สัญลักษณ์ NOR GATE
ตารางความจริง ไดอะแกรมเวลา
4. แนนด์เกต (NAND GATE; 7400) มีสัญลักษณ์และการท างานดังตารางความจริงต่อไปนี้
สัญลักษณ์ NAND GATE
ตารางความจริง ไดอะแกรมเวลา
5. นอตเกตหรืออินเวอร์เตอร์เกต (NOT GATE / INVERTER GATE; 7404) มีสัญลักษณ์และการท างานดังตารางความ
จริงต่อไปนี้
สัญลักษณ์ NOT GATE
ตารางความจริง ไดอะแกรมเวลา
พีชคณิตบูลีน (Boolean algebra)
พีชคณิตบูลีน (Boolean algebra) เป็นคณิตศาสตร์ท่ีเกี่ยวกับวิชาตรรกวิทยาหรือลอจิก (Logic) ท่ีมีค่าของ
ตัวแปร (Variable) เพียง 2 ตัว คือ 0กับ1 จะใช้แสดงสภาวะสองสภาวะของวงจร เช่น ลักษณะเป็น ON และ OFF
สวิตช์ปิดและสวิตช์เปิด แรงดันไฟฟ้าสูงและ ต่ า แรงดันไฟฟ้าบวกและลบเป็นต้น
หลักเกณฑ์ท่ีส าคัญของพีชคณิตบูลีนจะถูกน ามาเขียนเป็นรูปสมการของตัวแปรแทนวงจรลอจิก เราสามารถ
เปล่ียนรูปสมการบูลีนให้มีรูปใหม่ท่ีมีจ านวนเทอมและตัวแปรน้อยลงได้ ในท านองเดียวกัน สามารถเปล่ียนแปลง
วงจรลอจิกท่ีมีจ านวนเกตหลายตัว มีความซับซ้อนมากให้มีขนาดน้อยลงขณะท่ีฟังก์ชันการท างานเหมือนเดิม
ทฤษฎีของพีชคณิตบูลีน
ทฤษฎีบทท่ี 1 กฎการสลับท่ี (Commutative law)
a) A + B = B + A
b) A × B = B ×A
ทฤษฎีบทท่ี 2 กฎการจัดหมู่ (Associative law)
a) (A + B) + C = A + (B + C)
b) (A × B) × C = A × (B × C)
ทฤษฎีบทท่ี 3 กฎการกระจาย (Distributive law)
a) A × (B + C) = A × B + A × C
b) A + (B × C) = (A + B) × (A + C)
ทฤษฎีบทท่ี 4 กฎเอกลักษณ์ (Identity law)
a) A + A = A
b) A × A = A
ทฤษฎีบทท่ี 5 กฎการนิเสธ (Negation law)
a) A’ = A
b) (A’)’ = A
ทฤษฎีบทท่ี 6 กฎการลดรูปเยิ่นเย้อหรือการดูดกลืน (Redundance law or Absorption law)
a) A + A•B = A
b) A•(A + B) = A
ทฤษฎีบทท่ี 7 คุณสมบัติเกี่ยวกับการกระท าระหว่างตัวคงท่ีกับตัวแปรใด ๆ
a) 0 + A = A
b) 1 • A = A
c) 1 + A = 1
d) 0 • A = 0
ทฤษฎีบทท่ี 8
a) A + A’ = 1
b) A • A’ = 0
ทฤษฎีบทท่ี 9
a) A + ( A • B’) = A + B
b) A • ( A + B’) = A • B
ทฤษฎีบทท่ี 10 ทฤษฎีของเดอมอร์แกน (De Morgan’s Theorem)
a) (A + B)’ = A’ • B’
b) (AB)’ = A’ + B’
อุปกรณ์การทดลอง
1. Protoboard 1 อัน
2. IC TTL เบอร์ 7404, 7408, 7432 อย่างละ 1 ตัว
3. สายไฟ
4. หลอดไฟ LED 1 หลอด
5. มัลติมิเตอร์ 1 เครื่อง
6. ตัวต้านทาน 1 ตัว
7. Adapter 1 ตัว
ขั้นตอนการทดลอง
1. ลดรูปสวิตซ์ชิ่งฟังก์ชัน X = A’BC+AB’+AB ให้เหลือจ านวนเกตน้อยท่ีสุด พร้อมแสดงวิธีการค านวณ
2. แทนค่า Input ตามค่าในตารางท่ี 1 ในฟังก์ชัน X = A’BC+AB’+AB และใส่ค่า Output ท่ีได้ในช่องค านวณ
3. ต่อวงจรของฟังก์ชันท่ีลดรูปแล้วเช่ือมวงจรกับแหล่งจ่ายไฟกระแสตรง ตัวต้านทานและหลอดไฟLED ตามรูปท่ี 5
ทดลองแทนค่า Input ตามค่าในตารางท่ี 1 บันทึกค่า Output โดยสังเกตจาก หลอดไฟ LED โดยถ้า LED สว่าง
จะเป็นลอจิก 1 และถ้า LED ไม่สว่างจะเป็นลอจิก 0
4. ต่อวงจรของฟังก์ชัน X = A’BC+AB’+AB เช่ือมวงจรกับแหล่งจ่ายไฟกระแสตรงตัวต้านทานและหลอดไฟLED
ตามรูปท่ี 5 ทดลองแทนค่า Input ตามค่าในตารางท่ี 1 บันทึกค่า Output โดยสังเกตจาก หลอดไฟ LED โดยถ้า
LED สว่างจะเป็นลอจิก 1 และถ้า LED ไม่สว่างจะเป็นลอจิก 0
รูปท่ี 5 แสดงการต่อวงจรเพื่อแสดงผลออก LED
วิธีการค านวณ
เราจะลดรูปวงจรโดยใช้ทฤษฎีของพีชคณิตบูลีน
จาก X = A’BC+AB’+AB
= A’BC+A(B’+B)
= A’BC+A
= (A+A’)(A+BC)
= A+BC
∴ วงจร X = A’BC+AB’+AB เมื่อลดรูปแล้วจะเป็น X = A+BC
ผลการทดลอง
Input Output
ค านวณ ก่อนลดรูป หลังลดรูป A B C X X X 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 0 1 0 0 0 0 0 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1
ตารางที่ 1 ตารางผลการค านวณและผลการทดลอง
วงจรก่อนลดรูป
X = A’BC+AB’+AB
วงจรหลังลดรูป
X = A+BC
วิเคราะห์ผลการทดลอง
จากการทดลองเรื่อง Basic Digital Circuits ของวงจร X = A’BC+AB’+AB เมื่อเราท าการลดรูปวงจรจะได้
X = A+BC ต่อมาเมื่อท าการแทนค่าInputและใช้ทฤษฎีและคุณสมบัติพื้นฐานของพีชคณิตบูลีนมาท าการค านวณจะได้
ค่า Output ออกมา ซึ่งเราจะใช้ค่านี้เป็นค่าทางทฤษฎีและใช้เพื่ออ้างอิงผลทางการทดลอง
เมื่อน าวงจร X = A’BC+AB’+AB และ X = A+BC มาต่อวงจรจะได้ผลOutputซึ่งเทียบกับทฤษฎีแสดงได้ดัง
ตารางนี้
Input Output
ค านวณ ก่อนลดรูป หลังลดรูป A B C X X X 0 0 0 0 0 0 0 0 1 0 0 0 0 1 0 0 0 0 0 1 1 1 1 1 1 0 0 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 0 1 1 1 1 1 1 1 1 1
จากตารางแสดงผลการทดลองจะเห็นว่า ผลการทดลองของวงจร X = A’BC+AB’+AB และ X = A+BC
เป็นไปตามผลท่ีได้จากทฤษฎีทุกประการ
สรุปผลการทดลอง
จากการทดลอง เรื่อง Basic Digital Circuits พบว่าหลังจากท่ีเราท าการลดรูปวงจร X = A’BC+AB’+AB
ให้เหลือจ านวนเกตน้อยท่ีสุด คือ X = A+BC แล้วให้ค่า Inputของวงจรเหมือนกัน ค่า Output ท่ีได้จากวงจรท้ังสองจะ
เหมือนกันด้วย นั่นพิสูจน์ได้ว่าทฤษฎีพีชคณิตบูลีนเป็นจริง
ข้อเสนอแนะ
1. ก่อนท าการทดลองควรตรวจสภาพของอุปกรณ์ทุกชนิดว่าใช้การได้หรือไม่
2. ควรระวังการต่อไฟกลับข้ัว ซึ่งอาจส่งผลให้อุปกรณ์ช ารุด
3. ควรตรวจสอบสายไฟจาก Adapter ว่าสายด้านใดเป็นขั้วบวกและด้านใดเป็นขั้วลบ
ค าถามท้ายการทดลอง
1. ให้อธิบายข้อดีของการลดจ านวนเกตลง ว่ามีอะไรบ้าง
1. ประหยัดในการออกแบบ
2. ลดเวลาหน่วงในการท างานของวงจรลอจิก
3. ท าให้ต่อวงจรได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น