บทที่ - research-system.siam.eduresearch-system.siam.edu/images/coop/installation... ·...

12
บทที2 ทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้อง 2.1 หลักการทางานของเครื่องสูบน าแบบเซนตริฟูกอล (Centrifugal) เครื่องสูบน าแบบเซนตริฟูกอล (Centrifugal) อาศัยหลักการหมุนของใบพัดหรืออิมเพลเลอร์ (Impeller) ที่ได้รับการถ่ายเทกาลังจากเครื่องยนต์ต้นกาลังหรือมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อใบพัดหมุนพลังงาน จากเครื่องยนต์ก็จะถูกถ่ายเทโดยการผลักดันของครีบใบพัด (Vane) ต่อของเหลวที่อยู ่รอบ ๆ ทาให้เกิด การไหลในแนวสัมผัสกับเส้นรอบวง (Tangential Flow) เมื่อมีการไหลในลักษณะดังกล่าวก็จะเกิดแรง เหวี่ยงหนีจุดศูนย์กลาง (Centrifugal Force) และเป็นผลให้มีการไหลจากจุดศูนย์กลางของใบพัดออก ไปสู่แนวเส้นรอบวงทุกทิศทาง (Radial Flow) ดังนั ้นของเหลวที่ถูกใบพัดผลักดันออกมาก็จะมีทิศ ทางการไหลที่เป็นผลรวมของแนวทั ้งสอง รูปที2.1 ทิศทางการไหลของของเหลวขณะผ่านออกจากใบพัด (Impeller) ของเครื่องสูบน าชนิด เซนตริฟูกอล (Centrifugal) โดยหลักชลศาสตร์ เมื่อของเหลวถูกหมุนให้เกิดแรงหนีจุดศูนย์กลาง ความกดดันของ ของเหลวจะมีค่ามากขึ ้นเมื่ออยู ่ห่างจากจุดศูนย์กลางใบพัดมากขึ ้น เมื่อความเร็วของใบพัดซึ ่งหมุนอยู ่ใน ภาชนะปิดมากพอ ความกดดันที่จุดศูนย์กลางก็จะต ่ากว่าความกดดันของบรรยากาศ ดังนั ้นเครื่องสูบน

Upload: others

Post on 20-Oct-2020

5 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

  • บทท่ี 2

    ทฤษฎีและหลกัการท่ีเก่ียวขอ้ง

    2.1 หลกัการท างานของเคร่ืองสูบน ้าแบบเซนตริฟูกอล (Centrifugal)

    เคร่ืองสูบน ้ าแบบเซนตริฟูกอล (Centrifugal) อาศยัหลกัการหมุนของใบพดัหรืออิมเพลเลอร์

    (Impeller) ท่ีไดรั้บการถ่ายเทก าลงัจากเคร่ืองยนตต์น้ก าลงัหรือมอเตอร์ไฟฟ้า เม่ือใบพดัหมุนพลงังาน

    จากเคร่ืองยนตก์็จะถูกถ่ายเทโดยการผลกัดนัของครีบใบพดั (Vane) ต่อของเหลวท่ีอยูร่อบ ๆ ท าให้เกิด

    การไหลในแนวสัมผสักบัเส้นรอบวง (Tangential Flow) เม่ือมีการไหลในลกัษณะดงักล่าวก็จะเกิดแรง

    เหวี่ยงหนีจุดศูนยก์ลาง (Centrifugal Force) และเป็นผลให้มีการไหลจากจุดศูนยก์ลางของใบพดัออก

    ไปสู่แนวเส้นรอบวงทุกทิศทาง (Radial Flow) ดงันั้นของเหลวท่ีถูกใบพดัผลกัดนัออกมาก็จะมีทิศ

    ทางการไหลท่ีเป็นผลรวมของแนวทั้งสอง

    รูปท่ี 2.1 ทิศทางการไหลของของเหลวขณะผา่นออกจากใบพดั (Impeller) ของเคร่ืองสูบน ้าชนิด

    เซนตริฟูกอล (Centrifugal)

    โดยหลักชลศาสตร์ เม่ือของเหลวถูกหมุนให้เกิดแรงหนีจุดศูนย์กลาง ความกดดันของ

    ของเหลวจะมีค่ามากข้ึนเม่ืออยูห่่างจากจุดศูนยก์ลางใบพดัมากข้ึน เม่ือความเร็วของใบพดัซ่ึงหมุนอยูใ่น

    ภาชนะปิดมากพอ ความกดดนัท่ีจุดศูนยก์ลางก็จะต ่ากวา่ความกดดนัของบรรยากาศ ดงันั้นเคร่ืองสูบน ้ า

  • 4

    แบบอาศยัแรงเหวีย่งหนีศูนยก์ลางท่ีแทจ้ริงจึงมีทางให้ของเหลวเขา้หรือทางดูด (Suction Opening) อยูท่ี่

    ศูนยก์ลางใบพดั

    ของเหลวท่ีถูกดูดเขา้ทางศูนยก์ลาง เม่ือถูกผลกัดนัออกไปดว้ยแรงผลกัดนัของครีบใบพดัและ

    แรงเหวีย่งหนีจุดศูนยก์ลาง ก็จะไหลออกมาตลอดแนวเส้นรอบวง ดงันั้นใบพดัจึงจ าเป็นตอ้งอยูใ่นเรือน

    เคร่ืองสูบน ้า (Casing) เพื่อท าหนา้ท่ีรวบรวมและผนัของเหลวเหล่าน้ีไปสู่ทางจ่าย (Discharge Opening)

    เพื่อต่อเข้ากับท่อส่งหรือระบบใช้งานต่อไป ในการรวบรวมของเหลวท่ีถูกผลกัดนัออกมาน้ีจ าเป็น

    จะตอ้งเร่ิมตน้ท่ีจุดใดจุดหน่ึงบนเส้นรอบวงของใบพดั ดงันั้นจะมีจุดหน่ึงซ่ึงผนงัภายในของเรือนเคร่ือง

    สูบน ้ าเขา้มาชิดกบัขอบของใบพดัมาก จุดดงักล่าวน้ีเรียกวา่ล้ินของเรือนเคร่ืองสูบน ้ า (Tongue of the

    casing)

    จากล้ินของเรือนเคร่ืองสูบน ้ าไปตามทิศทางการหมุนของใบพดั จะมีของเหลวไหลออกมา

    มากข้ึนตามความยาวของเส้นรอบวงของใบพดัท่ีเพิ่มข้ึน ดงันั้นช่องว่างซ่ึงเป็นทางเดินของของเหลว

    ระหว่างผนงัของเรือนเคร่ืองสูบน ้ ากบัใบพดัก็จะตอ้งเพิ่มขนาดข้ึนดว้ย โดยหลกัการแลว้อตัราการเพิ่ม

    พื้นท่ีหนา้ตดัจะคงท่ีเพื่อใหค้วามเร็วของการไหลสม ่าเสมอซ่ึงจะเป็นผลให้มีการสูญเสียพลงังานนอ้ยลง

    นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ความเร็วของการไหลจะลดลงเน่ืองจากพลังงานบางส่วนถูกเปล่ียนมาเป็น

    พลงังานศกัย ์(Potential Energy) ในรูปของความดนั (Pressure Head) แทน

    2.2 การติดตั้งเคร่ืองสูบน ้าและอุปกรณ์

    2.2.1 ต าแหน่งท่ีตั้งของเคร่ืองสูบน ้า

    เพื่อให้เคร่ืองสูบน ้ าท างานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนาน

    เคร่ืองสูบน ้ าควรจะไดรั้บการติดตั้งให้อยูใ่นสภาพแวดลอ้มท่ีเหมาะสม วางอยู่บนแท่นท่ีมีความมัน่คง

    แข็งแรง และต่อเขา้กบัตน้ก าลงัและระบบท่ออยา่งถูกตอ้ง ท่ีตั้งของเคร่ืองสูบน ้ าท่ีติดตั้งอยา่งถาวรควร

    จะมีคุณสมบติัดงัต่อไปน้ี คือ

    1.สถานท่ีติดตั้งเคร่ืองสูบน ้ าควรอยู่ในต าแหน่งท่ีสามารถเขา้ไปตรวจสอบ บ ารุงรักษา หรือ

    ซ่อมแซมไดง่้าย

  • 5

    2.ไม่ตากแดดตากฝน ถา้เป็นการติดตั้งถาวรควรอยูใ่นโรงสูบท่ีมีอากาศถ่ายเทไดดี้ สะอาด ไม่

    เปียกช้ืน และกวา้งขวางพอท่ีจะเขา้ไปบ ารุงรักษาหรือซ่อมแซมไดง่้าย

    3.เคร่ืองสูบน ้าควรอยูใ่กลร้ะดบัน ้าหรือของเหลวท่ีตอ้งการจะสูบให้มากท่ีสุดเท่าท่ีจะท าไดแ้ต่

    ต้องแน่ใจว่าอยู่สูงกว่าระดับน ้ าสูงสุดในฤดูน ้ าหลาก เวน้แต่ว่าเคร่ืองสูบน ้ าท่ีใช้เป็นแบบอ่ืนท่ีซ่ึง

    สามารถตั้งใตร้ะดบัผวิน ้าหรือของเหลวได ้

    2.2.2 แท่นส าหรับติดตั้งเคร่ืองสูบน ้า

    เคร่ืองสูบน ้ าท่ีติดตั้งเป็นการถาวรควรตั้งอยูบ่นแท่นท่ีมัน่คงแข็งแรงไม่สั่นสะเทือน

    หรือทรุดตวัง่าย ดงันั้นถ้าเป็นแท่นส าหรับติดตั้งเคร่ืองสูบน ้ าขนาดใหญ่จึงมกัใช้แท่นคอนกรีตซ่ึงมี

    น ้าหนกัไม่นอ้ยกวา่ 3 เท่าของเคร่ืองสูบน ้าและตน้ก าลงัรวมกนัในกรณีท่ีเป็นมอเตอร์ และไม่นอ้ยกวา่ 5

    เท่าในกรณีท่ีตน้ก าลงัเป็นเคร่ืองยนต ์แท่นดงักล่าวจะวางอยูบ่นดินแยกต่างหากจากพื้นของโรงสูบ ใน

    กรณีท่ีดินซ่ึงรองรับแท่นเคร่ืองสูบน ้าอ่อนตวัไม่สามารถรองรับน ้ าหนกัของเคร่ืองสูบน ้ าไดก้็จ าเป็นตอ้ง

    มีเสาเขม็ฐานรากรองรับ

    การท่ีไม่ท าแท่นเคร่ืองสูบน ้าบนพื้นของโรงสูบโดยตรงมีเหตุผลดงัน้ี

    1. เพื่อป้องกนัมิใหก้ารสั่นสะเทือนของเคร่ืองสูบน ้าถ่ายทอดไปสู่ส่วนอ่ืนของอาคาร

    2. เพื่อป้องกนัมิให้ต าแหน่งท่ีตั้งของเคร่ืองสูบน ้ าและตน้ก าลงัตอ้งตกอยูใ่ตอิ้ทธิพลจากการ

    ยดืหดตวัของพื้น

    3. เพื่อป้องกนัมิให้น ้ าหนกัของเคร่ืองสูบน ้ าและตน้ก าลงัซ่ึงปกติจะหนกัมากถ่ายเมน ้ าหนกั

    ส่วนใหญ่ไปลงท่ีจุดใดจุดหน่ึงในอาคาร

    ในกรณีท่ีจ าเป็นตอ้งติดตั้งเคร่ืองสูบน ้าบนพื้นคอนกรีต ควรจะออกแบบให้วางอยูใ่นแนวคาน

    ท่ีสามารถรับน ้าหนกัของเคร่ืองสูบน ้าและตน้ก าลงัได ้และควรมีวสัดุกนัสะเทือนรองรับฐานของเคร่ือง

    สูบน ้าและตน้ก าลงัดว้ย

    การติดตั้งเคร่ืองสูบน ้าและตน้ก าลงั

  • 6

    ก่อนท่ีจะท าการหล่อแท่นคอนกรีตควรจะก าหนดวิธีการท่ีจะยึดฐานของเคร่ืองสูบน ้ าและตน้

    ก าลงัเขา้กบัแท่นคอนกรีตไวเ้สียก่อน มิฉะนั้นจะตอ้งมีการเจาะคอนกรีตเพื่อติดตั้งสลกัเกลียว (Bolt) ยึด

    ฐานเคร่ืองซ่ึงจะเสียเวลามาก

    ในกรณีท่ีเป็นเคร่ืองสูบน ้ าขนาดเล็ก การยึดฐานเคร่ืองเขา้กบัแท่นคอนกรีตอาจใชส้ลกัเกลียว

    แบบท่ีปลอกซ่ึงฝังลงไปในรูคอนกรีตขยายตวัได ้สลกัเกลียวแบบน้ีมีจ าหน่ายในทอ้งตลาดและให้ความ

    มัน่คงแขง็แรงมากพอส าหรับเคร่ืองสูบน ้าขนาดเล็ก

    ส าหรับการติดตั้งให้ได้แนวศูนยก์ลางเพลาของเคร่ืองสูบน ้ าและต้นก าลังตรงกันนั้นเป็น

    ส่ิงจ าเป็นเพื่อป้องกนัมิให้รองล่ืน (Bearing) สึก ป้องกนัการเกิดการสั่นสะเทือนอยา่งรุนแรงซ่ึงอาจท า

    ใหอ้ายกุารใชง้านของขอ้ต่อซ่ึงปกติเป็นแบบขอ้ต่ออ่อน (Flexible Coupling) ท่ีใชถ่้ายเทพลงังานจากตน้

    ก าลงัมาสู่เคร่ืองสูบน ้าลดลงไปมาก การตรวจสอบวา่การติดตั้งเคร่ืองสูบน ้ าและตน้ก าลงัไดศู้นยห์รือไม่

    อาจจะท าโดยการใชฟี้ลเลอร์เกจ (Feller Gage) ไดอลัเกจ (Dial Gage)

    2.2.3 การสั่นสะเทือนและเสียงจากเคร่ืองสูบน ้า

    เคร่ืองสูบน ้าและระบบสูบน ้าท่ีไดรั้บการออกแบบและติดตั้งอยา่งถูกตอ้งยอ่มท างาน

    โดยไม่ก่อให้เกิดความร าคาญจากการสั่นสะเทือนและเสียงดงัแก่ผูป้ฏิบติังานท่ีอยู่ใกล้ ๆ ดงันั้นเม่ือ

    พบวา่เคร่ืองสูบน ้าท่ีติดตั้งใหม่หรือใชง้านมานานแลว้มีอาการดงักล่าวเกิดข้ึนก็จ าเป็นตอ้งตรวจสอบหา

    สาเหตุและทางแก้ไข ทั้งน้ีเพราะบางคร้ังเสียงและการสั่นสะเทือนท่ีเกิดข้ึนนั้นเป็นสัญญาณแจง้ให้

    ทราบถึงความเสียหายรุนแรงท่ีจะตามมา

    1. การสั่นสะเทือน การสั่นสะเทือนท่ีผิดปกติของเคร่ืองสูบน ้ าอาจมีสาเหตุมาจาก

    รองล่ืน (Bearing) ช ารุดหรือเพลาของตน้ก าลงัและเคร่ืองสูบน ้ าไม่ได้ศูนยซ่ึ์งกนัและกนั เม่ือพบว่า

    เคร่ืองสูบน ้ ามีอาการสั่นสะเทือนผิดปกติควรตรวจสอบการไดศู้นยท์นัทีหลงัจากหยุดเดินเคร่ือง และ

    ตรวจสอบอีกคร้ังเม่ือเคร่ืองเยน็เพื่อหาผลกระทบท่ีเน่ืองมาจากการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ

    จุดอ่ืน ๆ ท่ีอาจเป็นสาเหตุใหเ้คร่ืองสูบน ้าสั่นและควรไดรั้บการตรวจสอบดว้ย คือ

    1.1 เพลาของเคร่ืองสูบน ้ าหรือตน้ก าลงัคด การตรวจสอบดงักล่าวน้ีอาจท าไดโ้ดยใชไ้ดอลัเกจ

    (Dial Gage)

  • 7

    1.2 ขอ้ต่อระหวา่งเคร่ืองสูบน ้ ากบัตน้ก าลงั (Coupling) ช ารุดหรือสึก ถา้เป็นขอ้ต่อขนาดใหญ่

    ควรจะตรวจสอบการไดศู้นยข์องขอ้ต่อเองดว้ย

    1.3 ใบพดัของเคร่ืองสูบน ้าช ารุด หรือมีส่ิงแปลกปลอมเขา้ไปอุดตนัระหวา่งครีบใบพดั

    1.4 ตรวจสอบการสั่นสะเทือนของท่อ เน่ืองจากอุปกรณ์ยึดหรือรองรับน ้ าหนกัของท่ออาจจะ

    คลายตวัท าใหท้่อสั่นสะเทือนแลว้ถ่ายเทมาสู่เคร่ืองสูบน ้า

    1.5 ตรวจสอบสภาพทางชลศาสตร์ของท่อดูด เช่น สภาพการท างานนั้นมี NPSHa พอหรือไม่

    มีวงัน ้าวน (Vortex) เกิดข้ึน หรือมีการดูดเอาอากาศเขา้ไปในท่อดูดหรือไม่

    รูปท่ี 2.2 ค่ามาตรฐานการสั่นสะเทือน ISO 10816 - 3

  • 8

    2. การเกิดเสียงดงั เสียงท่ีเกิดจากการท างานของเคร่ืองสูบน ้ าอาจจะท าให้นอ้ยลงไดโ้ดยกการ

    เลือกใช้เคร่ืองสูบน ้ าให้เหมาะสมกบัสภาพการท างาน สาเหตุท่ีส าคญัท่ีเคร่ืองสูบน ้ ามีเสียงดงัขณะ

    ท างานอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

    2.1 สาเหตุทางชลศาสตร์ท่ีก่อให้เกิดเสียงนั้นไดแ้ก่ ความป่ันป่วนของการไหลใน

    เคร่ืองสูบน ้า คาวเิตชัน่ (Cavitation) และขนาดของใบพดัไม่เหมาะสมกบัขนาดของเรือนเคร่ืองสูบน ้า

    ความป่ันป่วนของการไหลภายในเคร่ืองสูบน ้ าจะเกิดข้ึนมากเม่ือให้เคร่ืองสูบน ้ า

    ท างานท่ีอตัราการสูบหรือเฮดต่างจากจุดท่ีให้ประสิทธิภาพสูงสุดมาก การใชง้านในลกัษณะดงักล่าวน้ี

    จะท าให้มีการเสียพลงังานเน่ืองจากความป่ันป่วนภายในและท าให้มีเสียงดงัเกิดข้ึน ดงันั้นควรจะให้

    เคร่ืองสูบน ้าท างานในช่วงท่ีเหมาะสมและไม่ควรใหท้ างานท่ีอตัราสูบต ่ากวา่ 20 % ของอตัราสูบท่ีจะให้

    ประสิทธิภาพสูงสุด

    รูปท่ี 2.3 ช่วงการท างานท่ีเหมาะสมของเคร่ืองสูบน ้าแบบเซนตริฟูกอล (Centrifugal)

  • 9

    รูปท่ี 2.4 เส้นแสดงสมรรถนะของเคร่ืองสูบน ้า EBARA

    การเกิดคาวเิตชัน่ (Cavitation) จะท าใหมี้เสียงดงัและท าความเสียหายให้แก่เคร่ืองสูบ

    น ้ ามาก ดงันั้นไม่ควรใช้เคร่ืองสูบน ้ าในสภาพท่ีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดคาวิเตชัน่ (Cavitation) และควร

    ป้องกนัไวก่้อนโดยติดตั้งให ้NPSHa สูงกวา่ท่ีตอ้งการส าหรับเคร่ืองสูบน ้านั้นตลอดเวลา

    ความป่ันป่วนภายในเคร่ืองสูบน ้ าและเสียงท่ีเกิดข้ึนอาจมีสาเหตุมาจากขนาดของ

    ใบพัดโตเกินไปส าหรับเรือนเคร่ืองสูบน ้ านั้ น รัศมีของใบพัดสูงสุดท่ีใช้ได้ควรมีค่าไม่เกิน 85

    เปอร์เซ็นตข์องระยะทางจากศูนยก์ลางใบพดัถึงล้ินของเรือนเคร่ืองสูบน ้า (Tongue of the Casing)

    2.2 สาเหตุทางกลศาสตร์ท่ีท าให้เกิดเสียงนั้นไดแ้ก่เพลาของใบพดัและตน้ก าลงัไม่ไดศู้นยซ่ึ์ง

    กนัและกนั และน ้ าหนกัของใบพดัไม่สมดุล ทั้งสองสาเหตุน้ีอาจจะท าให้เคร่ืองสูบน ้ าแสดงอาการสั่น

    ได้ด้วยการแก้ไขท่ีมีสาเหตุมาจากอย่างแรกนั้ นท าได้โดยการตั้ งศูนย์ใหม่ ส่วนสาเหตุหลังอาจ

    เน่ืองมาจากใบพดัช ารุดหรือมีส่ิงแปลกปลอมเขา้ไปอุดตนั หรือผูผ้ลิตมีการควบคุมคุณภาพไม่ดี

    2.3 การจดัตั้งศูนยเ์พลา

    แกนหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้าซ่ึงต่อเขา้กบัเพลาของเคร่ืองจกัรกลหมุนจะตอ้งเช่ือมต่อกนัเป็น

    แนวตรง และไดร้ะดบัต่อกนั เรียกวา่ “Alignment” การเช่ือมต่อกนัของเพลาทั้ง 2 ส่วนดงักล่าวหากท า

    จดุใช้งาน

  • 10

    ไดไ้ม่ดีพอก็จะเกิดผลเสียต่อประสิทธิภาพการท างานของเคร่ืองจกัร และยงัส่งผลต่ออายุการใชง้านสั้น

    ลงดว้ย ทั้งน้ีหากแกนหมุนของมอเตอร์กบัเพลาขบัของเคร่ืองจกัรกลหมุนเกิดการเยื้องศูนย ์หรือเรียกวา่

    Misalignment เราจะสังเกตเห็นการสั่นสะเทือนผดิปกติ ไดย้ินเสียงดงัผิดปกติ และสัมผสัไดถึ้งอุณหภูมิ

    ท่ีร้อนผิดปกติบริเวณช้ินส่วนกลไกท่ีมีการเคล่ือนท่ี หรือหมุน อย่างเช่น ตลบัลูกปืนมอเตอร์ เพลาขบั

    ของป๊ัมน ้า หรือตลบัลูกปืนของเคร่ืองจกัรหมุน ฯลฯ ทั้งน้ีการสั่นสะเทือนผิดปกติในเวลาเพียงไม่นานก็

    อาจท าใหเ้กิดความเสียหายต่อระบบได ้

    2.3.1การเยื้องศูนย ์(Misalignment)

    การเยื้องศูนย ์เกิดข้ึนจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การประกอบช้ินส่วนกลไกได้อย่างไม่

    เท่ียงตรง เช่น ช้ินส่วนมอเตอร์ ท่ีต่อเขา้กบัป๊ัมน ้ า เป็นตน้ ท าให้เกิดการเล่ือนต าแหน่งหลงัจากประกอบ

    เสร็จ ส่งผลให้เกิดความเสียหายได ้ทั้งน้ีรูปแบบของการเช่ือมต่อระหว่างแกนหมุน กบัเพลาซ่ึงไม่ได้

    แนวนั้นแบ่งออกเป็น 2 ลกัษณะคือ

    2.3.1.1 การเยื้องศูนยเ์ชิงมุม (Angular Misalignment) เป็นลกัษณะการเช่ือมต่อ

    ระหวา่งแกนหมุนของมอเตอร์ กบัเพลาหมุนของเคร่ืองจกัรท่ีไม่ไดแ้นวตรง แต่ท ามุมระหวา่งกนั ทั้งน้ีมี

    สาเหตุมาจากการติดตั้งระบบไม่ดี หรือเกิดการเล่ือนต าแหน่ง เล่ือนระยะห่าง ท ามุมค่าใดค่า หน่ึง

    ระหวา่งกนั

    รูปท่ี 2.5 การเยื้องศูนยเ์ชิงมุม

  • 11

    การเช่ือมต่อท่ีไม่ไดแ้นวแบบเชิงมุมน้ีจะสร้างโมเมนต์การโก่งตวัข้ึนท่ีแกนหมุน และส่งผล

    ใหเ้กิดการสั่นสะเทือนข้ึนในอตัราตั้งแต่ 1 เท่า ไปจนถึง 2 เท่าของความเร็วรอบ และแรงสั่นสะเทือนจะ

    ส่งไปยงัตลบัลูกปืนของเพลาหมุนทั้ง 2 ฝ่ัง ทั้งน้ีมุมท่ีเกิดการการเช่ือมต่อไม่ไดแ้นวแบบน้ีอาจเป็นไป

    ไดท้ั้ง 4 แนว คือมุมเอียงซ้าย, ขวา เอียงบน หรือล่าง และถา้แนวศูนยก์ลางของเพลาทั้ง 2 ยื่นออกมาก

    ข้ึนจนเกยกนั ก็จะท าความเสียหายกบัเคร่ืองจกัรหมุนไดใ้นทนัที

    2.3.1.2 การเยื้องศูนยแ์นวขนาน นั้นจะเกิดข้ึนเม่ือแนวศูนยก์ลางของเพลาทั้ง 2 ขนาน

    กนั แต่ไม่ไดอ้ยูใ่นแนวขนานเดียวกนั ดงัแสดงในรูปท่ี 2 นอกจากน้ีรูปแบบการเช่ือมต่อท่ีไม่ดีระหวา่ง

    เพลาหมุน ซ่ึง มี รูปแบบทั้ ง ไม่ ได้ขนานและท า มุม เ อี ยง ต่อกัน เ รี ยกว่าการ เยื้ อง ศูนย์แบบ

    ผสม (Combination Misalignment) ก็มีให้เห็นกันทัว่ไปดังแสดงในรูปท่ี 3 หากความเร็วรอบของ

    เคร่ืองจกัรมีการเปล่ียนแปลง จะส่งผลใหร้ะดบัการสั่นสะเทือนซ่ึงเกิดการความไม่สมดุลของเพลาหมุน

    เพิ่มข้ึนเป็นก าลงัสองเท่าของความเร็วรอบ ยกตวัอยา่งเช่น หากความเร็วรอบเพิ่มข้ึน 2 เท่า จะส่งผลให้

    เกิดการสั่นสะเทือนเพิ่มข้ึนไดถึ้ง 4 เท่า

    รูปท่ี 2.6 การเยื้องศูนยแ์นวขนาน

    หากการเช่ือมต่อแกนหมุนไม่ไดแ้นวตรงจะส่งผลใหเ้คร่ืองจกัรหมุนเกิดการสั่นสะเทือนท าให้

    ช้ินส่วนทางกลหลวม และช ารุด อายกุารท างานของตลบัลูกปืนสั้นลง ช้ินส่วนซีล (Seal) ร่ัว/หลวม และ

    เป็นสาเหตุใหเ้คร่ืองจกัรเสียได ้อยา่งไรก็ตามการเลือกใชอุ้ปกรณ์เช่ือมต่อเพลาอาจช่วยแกปั้ญหาการ

    ไม่ไดแ้นวท่ีผดิพลาดเล็กนอ้ยไดบ้า้ง เพราะอุปกรณ์เช่ือมต่อเพลาจะช่วยชดเชยระยะผดิพลาดได ้

  • 12

    2.3.2อุปกรณ์ต่อเช่ือมเพลา (Coupling)

    มอเตอร์ขนาดใหญ่ ๆ โดยปกติจะเช่ือมต่อเพลาเพื่อขบัโหลดดว้ยอุปกรณ์ท่ีเรียกว่า

    คบัปล้ิง (Coupling) ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ แบบอ่อน (Flexible) ซ่ึงยดืหยุน่ได ้และแบบแขง็ (Rigid)

    คบัปล้ิงชนิดแข็งนั้นจะไม่ชดเชยระยะผิดเพี้ ยนของเพลาท่ีเช่ือมต่อกนัไดเ้ลย เพราะการใช้

    คบัปล้ิงแบบน้ีไดน้ั้นแกนหมุนทั้ง 2 จะตอ้งถูกวางต าแหน่งอยา่งไดแ้นวและตรงกนัพอดี จึงจะสามารถ

    ใส่คบัปล้ิงแบบแข็งเขา้ไปได ้ส่วนคบัปล้ิงแบบอ่อนนั้นจะยอมให้มีระยะท่ีผิดเพี้ยนไดบ้า้ง จึงช่วยเพิ่ม

    ความยืดหยุ่นในการใช้งานได้เป็นอย่างดี นอกจากน้ียงัช่วยลดแรงสั่นสะเทือนทางกลท่ีส่งหากัน

    ระหวา่งช้ินส่วนทางกลของทั้ง 2 ฝ่ังดว้ย

    รูปท่ี 2.7 คบัปล้ิงแบบอ่อน (Flexible Coupling)

    อย่างไรก็ตาม มีขอ้เสียบางอย่างส่งผลไม่ดีต่อการเลือกใช้คบัปล้ิงแบบอ่อน เพราะคบัปล้ิง

    แบบอ่อนจะส่งผ่าน และเพิ่มแรงบิดไปยงัส่วนของตลบัลูกปืนของมอเตอร์ และของเคร่ืองจกัรหมุน

    ไดม้ากกกว่า ส่งผลให้ตลบัลูกปืนรับแรงกลมากข้ึนกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม่ือขบัโหลดหนกั ๆ

    หรือมีการกลบัทางหมุนบ่อย ๆ ดว้ยเหตุน้ีเองท าใหก้ารเลือกใชค้บัปล้ิงแบบอ่อนจะตอ้งพิจารณาในเร่ือง

    ของระยะห่างท่ียอมรับได ้(Tolerance)

  • 13

    ส าหรับการเช่ือมต่อด้วยคบัปล้ิงเพื่อก าหนดระยะดงักล่าวให้พอดี ไม่เกินจากย่านท่ีก าหนด

    ทั้งน้ีความเสียหายจากการท่ีเกิดระยะระหว่างคบัปล้ิงกบัเพลามากเกินไปจะส่งผลมากข้ึนเม่ือมอเตอร์

    หมุนเร็ว จะท าให้ตลับลูกปืนแตก ซีลกันร่ัวช ารุด เพลาหมุนติดขดั และเกิดการแตกร้าวของตวัถัง

    เคร่ืองจกัรตามมาได ้

    คบัปล้ิงแบบอ่อน ท่ีใชก้นัในงานอุตสาหกรรม ไดแ้ก่คบัปล้ิง 4 แบบดว้ยกนัคือ Mechanically

    Flexible Coupling, Elastomeric Coupling, Metallic Membrane Coupling และ Miscellaneous

    Coupling ทั้งน้ีแต่ละชนิดมีลกัษณะต่างกนั และใชง้านต่างกนัดงัน้ี

    Mechanically Coupling เป็นคบัปล้ิงแบบท่ีใชช้ิ้นส่วนของลูกกล้ิงหมุน หรือข่อต่อโลหะเป็นตวัเช่ือมเพลาหมุน และในการใช้งานจะตอ้งมีสารหล่อล่ืนท่ีตวัคบัปล้ิงอยู่ตลอดเวลา ยกตวัอย่างเช่น คบัปล้ิงแบบใช้เฟืองเกียร์ (Gear Coupling) ซ่ึงเหมาะกับงานท่ีมีแรงบิดสูง หรือแบบกริด (Grid Coupling) ซ่ึงคลา้ยกบัแบบเกียร์ แต่ต่างกนัท่ีจะใช้ในงานท่ีมีแรงบิดนอ้ยกว่า นอกจากน้ียงัมีแบบท่ีใช้โซ่โลหะ และ Universal Joint แบบท่ีใชใ้นรถยนต ์เป็นตน้

    Elastomeric Coupling โดยทัว่ไปแบบน้ีจะอาศยัความยืดหยุ่นของวสัดุประเภทยาง หรือพลาสติก เป็นช้ินส่วนท่ีท าให้เกิดการยืดหยุ่นในระหว่างการขบัเพลาหมุน แต่การใช้งานจะต้องระมัดระว ัง เ ร่ืองความร้อนสูง ซ่ึง เ กิดจากค่าความสูญเสียของวัสดุจากผลของฮีสเตอ ร์ซีส (Hysteresis) และตอ้งระวงัเร่ืองของสารเคมีท่ีจะท าปฏิกิริยากบัยาง และพลาสติก จนท าให้คุณสมบติัของคบัปล้ิงเสียไป

    Metallic Membrane Coupling อาศยัความยดืหยุน่จากแผน่โลหะบาง ๆ หรือไดอะเฟรม (Diaphragms) ยกตวัอยา่งเช่น คบัปล้ิงแบบ Disc ซ่ึงใชแ้ผน่โลหะรูปทรง 6 เหล่ียม ทั้งน้ีแบบไดอะเฟรม จะตา้นทานต่อแรงบิดไดดี้กวา่แบบ disc

    Miscellaneous Coupling เป็นแบบท่ีอาศยัความยืดหยุ่นจากการผสมผสานของกลไกทางกลของคบัปล้ิงชนิดต่าง ๆ ท่ีกล่าวมา กบักลไกของสปริงแบบต่าง ๆ เช่น Spring Coupling, Spiral Spring Coupling หรือ Slider Block Coupling เป็นตน้

    คบัปล้ิงแบบอ่อน เป็นช้ินส่วนส าคญัในระบบส่งก าลงัทางกล แต่การออกแบบ และใช้งานคบัปล้ิงซ่ึงมีระยะยืดหยุ่น หรือระยะช่องว่างด้วยคุณสมบติัการยืดหยุ่นของคบัปล้ิงแบบน้ีก็อาจสร้างปัญหาในงานได ้ในขณะท่ีหากเลือกใชค้บัปล้ิงแบบอ่อน ไดอ้ยา่งไม่เหมาะสม เช่น ระยะช่องวา่งมาก

  • 14

    เกินไป หรือการยืดหยุ่นของคบัปล้ิงสูง ก็อาจเกิดผลกระทบต่อการท างานของเพลาหมุนได ้ทั้งน้ีก็เป็นเพราะมีคบัปล้ิงแบบอ่อนเลือกใชม้ากมายหลายชนิดตามท่ีไดก้ล่าวมา การใชง้านคบัปล้ิงแบบอ่อน ซ่ึงมีความยดืหยุน่ จะเกิดลกัษณะการท างาน 3 ลกัษณะดงัน้ี

    1. ขบัเคล่ือนไดอ้ยา่งลงตวัและพอดี เป็นลกัษณะท่ีเกิดข้ึนจากการเลือกใช้คบัปล้ิงท่ีมีความยดืหยุน่เหมาะกบัความเร็วรอบในการหมุนของเพลาและแกนหมุน

    2. ยอมใหเ้กิดการเอียงของเพลาหมุนไดบ้า้ง ส าหรับเพลาขบั และแกนหมุนท่ีอาจเกิดการไม่ตรงแนวระหวา่งกนั หรือเพลาเอียงเล็กนอ้ยในขณะเร่ิมหมุนท่ีแรงบิดสูง

    3. เกิดการเคล่ือนท่ีไปมาของเพลาขบั ในขณะหมุน คบัปล้ิงแบบอ่อน จะช่วยรักษาการขบัเคล่ือนต่อไปได ้

    โดยปกตินั้นหากเราสามารถใช้คบัปล้ิงแบบอ่อนเพื่อส่งแรงหมุนทางกลไดอ้ย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยแกปั้ญหาการไม่ตรงแนวระหวา่งกนัของเพลาขบัทั้ง 2 ได ้ทั้งน้ีเพราะความสูญเสียทางกลท่ีเกิดในตวัคบัปล้ิงมีค่าต ่า และหากเลือกชนิดท่ีประสิทธิภาพสูงก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มาก

    2.3.3 ผลกระทบจากอุณหภูมิและความร้อน

    อุณหภูมิท่ีสูงข้ึนส่งผลให้แท่งโลหะขยายตวัได ้ดว้ยอตัราท่ีก าหนดจากสัมประสิทธ์ิเฉพาะของการขยายตวั และโดยปกติของการใชง้านอุตสาหกรรม มอเตอร์ไฟฟ้า และเคร่ืองจกัรกลหมุน จะไดรั้บอิทธิพลความร้อนจากสภาพแวดลอ้ม เช่น ความร้อนจากเตาหลอมโลหะ, ความร้อนจากหมอ้ตม้ไอน ้ า ความร้อนท่ีสะสมและส่งผ่านออกจากขดลวดมอเตอร์ และความร้อนจากของเหลวท่ีป๊ัมน ้ าสูบ/อดัอยู่ตลอดเวลา เม่ือความร้อนส่งผ่านมายงัช้ินส่วนของแกนหมุนโลหะ และคบัปล้ิงโลหะ จะส่งผลให้โลหะเกิดการขยายตวัยาวข้ึนจนส่งผลกบัระยะ และแนวของการเช่ือมต่อระหวา่งเพลาได ้ซ่ึงผลกระทบน้ีเรียกวา่ ผลกระทบท่ีเกิดจาก Thermal Growth

    2.3.4 การป้องกนัการเยื้องศูนย ์

    การเยื้องศูนยข์องเพลาหมุน สามารถป้องกนั และแกไ้ขไดด้ว้ยการตรวจเช็คระบบเคร่ืองจกัรเป็นระยะ ๆ ตามตารางการซ่อมบ ารุง ทั้งน้ีก็ข้ึนกบัประเภทของเคร่ืองจกัรและชั่วโมงการท างานดว้ย นอกจากน้ีการเลือกใชอุ้ปกรณ์ให้เหมาะกบังาน ก็เป็นอีกวิธี หน่ึง ท่ีช่วยให้การสั่นสะเทือนท่ีเกิดข้ึนกระทบต่อการเยื้องศูนยล์ดลงได ้ยกตวัอยา่งเช่น การเลือกใชม้อเตอร์, ตลบัลูกปืน, คบัปล้ิง