3....

38
3. ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล 1. การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชัน สร้างความสัมพันธ์เชิงฟังก์ชันระหว่างข้อมูล เพื่อ ทานายค่าของตัวแปร หนึ่ง เมื่อทราบค่าของอีกตัวแปรหนึ่ง เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลสองตัวแปรเกิดขึ ้นได้หลายลักษณะ แผนภาพการกระจายจะช่วยบอกเราได้ว่า ลักษณะความสัมพันธ์มีรูปแบบเป็นแบบ ใด เช่น เส้นตรง พาราโบลา หรือ เอกซ์โพเนนเชียล

Upload: others

Post on 13-Sep-2019

7 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

สร้างความสมัพนัธ์เชิงฟังก์ชนัระหว่างข้อมูล เพ่ือท านายค่าของตวัแปรหน่ึง เม่ือทราบค่าของอีกตวัแปรหน่ึง

เน่ืองจากความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลสองตวัแปรเกิดขึ้นได้หลายลกัษณะ แผนภาพการกระจายจะช่วยบอกเราได้ว่า ลกัษณะความสมัพนัธมี์รปูแบบเป็นแบบใด เช่น เส้นตรง พาราโบลา หรือ เอกซโ์พเนนเชียล

Page 2: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 3: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

หลกัการหาความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั y = f(x) จะเป็นจะเป็นตวัแทนท่ีดีท่ีสดุต้องสอดคล้องกบัเงื่อนไข 3 ประการ คือ1. σ 𝒚 − ෝ𝒚 = 𝟎

2. σ 𝒚 − ෝ𝒚 𝟐 ต้องมีค่าน้อยท่ีสดุ3. (ഥ𝒙, ഥ𝒚) ต้องเป็นจดุบนฟังกช์นั y = f(x)

Page 4: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

ตวัอย่างท่ี 1 จากการสอบถามรายได้และรายจ่ายของครอบครวั 10 ครอบครวั ในเขต อ.เมือง จ.ชลบรีุ ปรากฏผลดงัน้ี

จงเขียนกราฟจดุ (x,y) เพ่ือแสดงแผนภาพการกระจายของข้อมลู

Page 5: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล
Page 6: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 1. การวิเคราะหค์วามสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

ตวัอย่างท่ี 2 ผลการสอบวิชาคณิตศาสตรแ์ละฟิสิกสข์องนักเรียน 15 คน ท่ีเลือกมาอย่างสุ่มเป็นดงัต่อไปน้ี

สมการของความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัระหว่างวิชาฟิสิกสแ์ละคณิตศาสตร์เป็นแบบใด

Page 7: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล
Page 8: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = mx + c โดยหาค่า m และ c ได้จาก

Page 9: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 10: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 11: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 12: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 13: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 14: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 15: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 16: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู 2. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นเส้นตรง

Page 17: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = ax2+bx+c โดยหาค่า a,b และ c ได้จาก

Page 18: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

Page 19: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู3. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีเป็นพาราโบลา

Page 20: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

สมการเส้นตรงจะมีรปูแบบ y = abx หรือ logy = loga + xlogbโดยหาค่า a และ b ได้จาก

Page 21: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

Page 22: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

Page 23: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัท่ีโพเนนเชียล

Page 24: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 25: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 26: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 27: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 28: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 29: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู. ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นั

Page 30: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลูความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

ข้อมูลท่ีอยู่ในรปูอนุกรมเวลา คือ ข้อมูลท่ีมีการเปล่ียนแปลงตามล าดบัการเกิด (เกิดก่อน,เกิดหลงั) ซ่ึงปกติข้อมลูมกัจะเกิดในช่วงเวลาเท่าๆกนั เช่น ทุกวนั ทุกเดือน ทุกปี

การค านวณกจ็ะท าคล้ายกบัความสมัพนัธแ์บบอ่ืนๆ แต่ระยะเวลา (x) เราจะก าหนดใหม่ให้ง่ายขึน้ เช่น -3, -2, -1, 0, 1, 2, 3 เป็นต้น

Page 31: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 32: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 33: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 34: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 35: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 36: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 37: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา

Page 38: 3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูลdigitalschool.club/digitalschool/math2_2_1/math17_3/pdf/pdf_index.pdf3. ความสมัพนัธ์ระหว่างข้อมูล

3. ความสมัพนัธร์ะหว่างข้อมลู ความสมัพนัธเ์ชิงฟังกช์นัในรปูอนุกรมเวลา