ระเบียบวิธีการวิจัย (research methodology)

239
รรรรรรรรรรรรรรรรรรร (Research Methodology) รรรรรร รรรรรร รรรรรร รรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรรรรร รรรรรรรรรร รรรรรรรรรรรรร กกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกก กกกกกกกกกก กกกกกก กกกกกกกก กกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกกก/ กกกกกกกกกกกก กกกกกกกกก กกกกกก กกกกกกกก กกกกกก กกกกกกก กกกกกกกกกกก รรรรรรรร รรรรร รรรรรรรร รรรรรรรรรรรร รรรรรรรร

Upload: -

Post on 16-Nov-2014

17.101 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย (Research

Methodology)❶

ก�าหนดห วิข้�อ

❹ ก�าหนดประชากรเป�าหมาย

❺ก�าหนดที่��มาข้องข้�อม�ล

❻จั ดระเบี�ยบีข้�อม�ล

❼ร�างรายงาน

❽ตี�พิ�มพิ"รายงาน กำ��หนดประเด�น

สร �งกำรอบแนวคว�มค�ด

ออกำแบบกำ�รว�จั�ย

ส��มตั�วอย��งสร �งและทดสอบ

ว�ธี�กำ�รเกำ�บ/รวบรวมข้ อม!ล

ว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

ปร�บปร�งร�ยง�น

เผยแพร�ใช้ ประโยช้น"

การวิ�จั ย

ที่บีที่วินวิรรณกรรม

วิ ตีถุ%ประสงค์"สมมตี�ฐาน

Page 2: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาหร,อ

ส��งที่��ตี�องการหาค์�าตีอบี

กระบีวินการแสวิงหาค์�าตีอบี ก�าหนดประชากรและกล%�มตี วิอย�าง ก�าหนดเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย วิ�ธี�การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

ผลการวิ�จั ย

ที่��ถุ�กตี�องเช,�อถุ,อได�

และเก�ดประโยชน"

ตี�องานที่��ที่�าค์�าถุาม วิ�ธี�ที่�า ค์�าตีอบี

ส�ม�รถน��ไปตัอบค��ถ�มตั�มประเด�นท�*ตั� +งไว ได

แผนภาพิแสดงวิงจัรค์วิามหมายข้องการวิ�จั ย

Page 3: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

(2)กำ�รออกำแบบกำ�รว�จั�ย

(4)กำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

(3)กำ�รรวบรวมข้ อม!ล

(5)กำ�รตั�คว�มหม�ย

(1)กำ�รเล,อกำป-ญห�ข้องกำ�รว�จั�ยและตั�+งสมมตั�ฐ�น

วิงจัรภาพิการวิ�จั ยข้อง เดล�ย"(Dailey, 1978:5)

Page 4: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์�าถุามเพิ,�อการวิ�จั ยค์�าถุามเพิ,�อการวิ�จั ยที่�าอะไร What . . . To do ?

ที่�าที่�าไม Why ?

(ที่�าเพิ,�ออะไร) ที่�าก บีใค์ร Who ? ที่�าที่��ไหน Where ? ที่�าอย�างไร How ? ที่�าเม,�อไร When ?

ข้�อม�ล

ค์รบีถุ�วิน

ถุ�กตี�อง

เช,�อถุ,อได�

Page 5: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ป*ญหา

ตี 3งสมมตี�ฐา

นรวิบีรวิมข้�อม�ล

วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

สร%ป

แผนภาพิ ข้ 3นตีอนวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"

Page 6: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กำ��หนดป-ญห�กำ�รว�จั�ยข้ 3นป*ญหาศึ1กำษ�เอกำส�รและง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องให ค��จั��กำ�ดคว�มข้องป-ญห�กำ��หนดจั�ดม��งหม�ยกำ�รว�จั�ยกำ��หนดสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ย

ข้ 3นสมมตี�ฐาน

กำ��หนดประช้�กำรและและกำล��มตั�วอย��งเล,อกำและสร �งเคร,*องม,อด��เน�นกำ�รรวบรวมข้ อม!ล

ข้ 3นรวิบีรวิมข้�อม�ล

ว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

เสนอผลกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ลข้ 3นวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

สร�ปและอภิ�ปร�ยผลกำ�รว�จั�ย

เข้�ยนร�ยง�นกำ�รว�จั�ยข้ 3นสร%ปผล

ข้ 3นตีอนข้องกระบีวินการวิ�จั ย

Page 7: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ห วิข้�องานวิ�จั ย

วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องงานวิ�จั ย

ประโยชน"ที่��ได�ร บี

ประเด)นป*ญหาข้องงานวิ�จั ย

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องกระบีวินการวิ�จั ยโดยส งเข้ป

ประชากรและกล%�มตี วิอย�างเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย

การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการวิ�เค์ราะห"และการแปรผล

ตี วิแปรและ

สมมตี�ฐาน

กำ��หนดกำ��หนดกำ��หนดกำ��หนด

เป4นข้ อม!ลหร,อแนวท�งเพ,*อน��ไปใช้ แกำ ไข้หร,อบรรเท�ป-ญห�

สอดคล องและสน�บสน�น

กำ��หนด กำ��หนดส�มพ�นธี"

ส�มพ�นธี"น�าไปค์าดการณ"

Page 8: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กเกณฑ์"การเล,อกห วิข้�องาน

วิ�จั ย

แกำ ป-ญห�ได ประเด�นน��สนใจั เกำ�ดประโยช้น"ตั�อส�วนรวม

ม�คว�มเช้�*ยวช้�ญม�ข้ อม!ลสน�บสน�นมองทะล�ถ1งตัอนจับได อย!�ในส�ยง�นท�*เกำ�*ยวข้ อง

ไม�กำว �งหร,อแคบจันเกำ�นไปท�นตั�อเหตั�กำ�รณ์"ใช้ ทร�พย�กำรในกำ�รว�จั�ย อย��งค� มค��

เป4นประโยช้น"หร,อไม�

ท��ได หร,อไม�

ค� มค��หร,อไม�

ห วิข้�องานวิ�จั ย

ม�ประโยชน"

ที่�าได�

ค์%�มค์�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ค์วิรที่�า

ไม�ม�ประโยช้น"

ท��ไม�ได

ไม�ค� มค��

ภาพิ แสดงแนวิที่างการตี ดส�นใจัเล,อกห วิข้�องานวิ�จั ย

Page 9: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระด บีการวิ ดตี วิแปร (Level of Measurement)

ข้�อม�ลหยาบี ข้�อม�ลหยาบี 1. มาตีรานามบี ญญ ตี�(Nominal Scale)

2 . มาตีราเร�ยงล�าด บี(Ordinal Scale)

3 . มาตีราอ นตีรภาค์ช 3น(Interval Scale)

4 . มาตีราอ ตีราส�วิน(Ratio Scale)

ข้�อม�ลละเอ�ยดมากที่��ส%ด

ภาพิ แสดงระด บีการวิ ดตี วิแปรจัากข้�อม�ลหยาบีไปย งข้�อม�ลละเอ�ยดมากที่��ส%ด

Page 10: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภิ�พแสดงกำ�รเปร�ยบเท�ยบระด�บกำ�รว�ดตั�วแปร ท�+ง 4 ม�ตัร� 1. มาตีรานามบี ญญ ตี�

(Nominal Scale) 2. มาตีราเร�ยงล�าด บี

(Ordinal Scale)

3 . มาตีราอ นตีรภาค์ช 3น(Interval Scale)

4 . มาตีราอ ตีราส�วิน(Ratio Scale)

เช้�น ตั�วแปรเพศึ, สถ�นภิ�พสมรส เช้�น ตั�วแปรว�ฒิ�กำ�รศึ1กำษ�, ระด�บยศึ

1. จั�ดเป4นกำล��มได 1.จั�ดเป4นกำล��มได 2.บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได

1. จั�ดเป4นกำล��มได 2. บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได 3. ม�ค��เป4นตั�วเลข้และม�ช้�วงห��งเท��กำ�น

1. จั�ดเป4นกำล��มได 2. บอกำระด�บคว�มม�กำน อยหร,อเร�ยงล��ด�บได 3. ม�ค��เป4นตั�วเลข้และม�ช้�วงห��งเท��กำ�น4. ม�จั�ดเร�*มตั นจั�กำ 0 (ม�ศึ!นย"แท )

เช�น ตี วิแปรระด บีอ%ณหภ�ม� เช้�น ตั�วแปรน�+�หน�กำ, ส�วนส!ง

Page 11: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแปรที่��เก�ดข้63นมาก�อน

ตี วิแปรที่��เป7นเหตี%

ตี วิแปรค์งที่��

ภิ�พ -แสดงล�กำษณ์ะตั�วแปรตั นหร,อตั�วแปรอ�สระ

(Independent Variables)

ตี วิแปรตี�น

Page 12: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแปรที่��เก�ดข้63นภายหล ง

ตี วิแปรที่��เป7นผล

ตี วิแปรที่��ปร บีเปล��ยน

แปลงได�

ภิ�พ - แสดงล�กำษณ์ะตั�วแปรตั�ม(Dependent Variables)

ตี วิแปรตีาม

Page 13: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถุ�ตี�เช�งพิรรณนา

Descriptive

Statistics

สถ�ตั�อ �งอ�ง

Inference

Statistics

ค��ร อยละ (Percentage)ค��เฉล�*ย(Mean)

ค��ม�ธียฐ�น(Median)ค��ฐ�นน�ยม(Mode)ค��พ�ส�ย(Range)

ค��ส�วนเบ�*ยงเบนควอไทล"(Quartile Deviation)ค��ส�วนเบ�*ยงเบนม�ตัรฐ�น(Standard Deviation)

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบม�พ�ร�ม�เตัอร"Parametric Inference

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบไม�ม�พ�ร�ม�เตัอร"Non Parametric Inference

กำ�รแจักำแจังแบบท�t-test

กำ�รแจักำแจังแบบปกำตั�ม�ตัรฐ�นZ-test

กำ�รว�เคร�ะห"คว�มแปรปรวนANOVA

กำ�รแจักำแจังแบบไคสแควร"Chi-Square

ส�มประส�ทธี�:สหส�มพ�นธี"Correlation Coefficient

ประช้�กำรกำล��มเด�ยวOne Sample Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระกำ�นIndependence Samples Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระตั�อกำ�น

Paired Sample Test

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�ที่��น�ยมใช�ในงานวิ�จั ยที่างส งค์ม

สถ�ตั�Statistics

กำ�รจักำแจังคว�มถ�*Frequency

กำ�รว�ดแนวโน มเข้ �ส!�ส�วนกำล�งCentral Tendency

กำ�รว�ดกำ�รกำระจั�ยMeasure of Variation

Page 14: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบม�พ�ร�ม�เตัอร"Parametric Inference

สถ�ตั�อ �งอ�งแบบไม�ม�พ�ร�ม�เตัอร"Non Parametric Inference

กำ�รแจักำแจังแบบท�t-test

กำ�รแจักำแจังแบบปกำตั�ม�ตัรฐ�นZ-test

กำ�รว�เคร�ะห"คว�มแปรปรวนANOVA

กำ�รแจักำแจังแบบไคสแควร"Chi-Square

ส�มประส�ทธี�:สหส�มพ�นธี"Correlation Coefficient

ประช้�กำรกำล��มเด�ยวOne Sample Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระกำ�นIndependence Samples Test

ประช้�กำร 2 กำล��มอ�สระตั�อกำ�น

Paired Sample Test

สถ�ตั�อ �งอ�ง

Inference

Statistics

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�อ�างอ�ง

Page 15: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โค์รงสร�างการรายงานการวิ�จั ยส�วินน�า(Preliminary) ส�วินเน,3อเร,�อง (Body

of Report)ส�วินน�า ประกอบีด�วิย ปกนอก/ส นปก ใบีร บีรอง ปกใน บีที่ค์ ดย�อ ก�ตีตี�กรรมประกาศ สารบี ญ ค์�าอธี�บีายส ญล กษณ"และค์�าย�อ

ส�วินเน,3อเร,�องประกอบีด�วิยบีที่ที่��1 บีที่น�า•คว�มเป4นม�และคว�มส��ค�ญข้องป-ญห�•ว�ตัถ�ประสงค"ข้องกำ�รว�จั�ย•สมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยข้อบเข้ตัข้องกำ�รว�จั�ย•ข้ อตักำลงเบ,+องตั น•ข้ อจั��กำ�ดข้องกำ�รว�จั�ย•น�ย�มศึ�พท"เฉพ�ะ•ประโยช้น"ข้องผลกำ�รว�จั�ย

บีที่ที่�� 2 เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง•แนวค�ดและทฤษฎี�จั�กำเอกำส�รและตั��ร�ท�*เกำ�*ยวข้ อง•เอกำส�รและง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ อง•สร�ปเอกำส�รและง�นว�จั�ยเข้ �ส!�ประเด�นป-ญห�กำ�รว�จั�ย

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย•ประช้�กำรและกำล��มตั�วอย��ง•เคร,*องม,อในกำ�รว�จั�ย•กำ�รเกำ�บรวบรวมข้ อม!ล•สถ�ตั�ท�*ใช้ ในกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

บีที่ที่�� 4 ผลข้องการวิ�จั ย•ผลกำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

บีที่ที่�� 5 สร%ปอภ�ปรายและข้�อเสนอแนะ•สร�ปผลกำ�รว�จั�ย•อภิ�ปร�ยผลกำ�รว�จั�ย•ข้ อเสนอแนะ

Page 16: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินอ�างอ�งReferenced Material

ส�วินอ�างอ�งประกอบีด�วิย บรรณ์�น�กำรม ภิ�คผนวกำ ภาค์ผนวิก ก

-หน�งส,อข้อเช้�ญตั��ง ๆ-หน�งส,อข้อคว�มร�วมม,อ

*ร�ยช้,*อผ! เช้�*ยวช้�ญ ภาค์ผนวิก ข้ -แบบสอบถ�ม (หร,อเคร,*องม,อท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยตั��งๆ) ภาค์ผนวิก ค์ -ร�ยละเอ�ยดบ�งอย��งท�*ไม�ได ใส�ไว ในส�วนข้องเน,+อเร,*อง(ถ �ม�) ประว�ตั�ผ! ว�จั�ย

ตี�อ

Page 17: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ระหวิ�างประชากร(Population)และกล%�มตี วิอย�าง(Sample)

ประชากร(Population)ใช�ค์�าพิาราม�เตีอร"

กล%�มตี วิอย�าง(Sample)

ใช�ค์�าสถุ�ตี�

ส%�มตี วิอย�าง(Sampling)

เป7นตี วิแที่นประชากร

สร%ปหร,ออ�างอ�งประชากรที่ 3งกล%�มได�

Page 18: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กล%�มตี วิอย�าง(Samples)

กำล��มตั�วอย��งหม�ยถ1ง ส�วนหน1*งข้องประช้�กำรท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ย เช้�นถ �ประช้�กำรหม�ยถ1งน�กำเร�ยนม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนตั นท�กำคนใน

กำร�งเทพมห�นคร กำล��มตั�วอย��งข้องประช้�กำรได แกำ� ส�วนหน1*งข้อง น�กำเร�ยนม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนตั น อ�จัจัะ300-400 คน ใน

กำร�งเทพมห�นครกำล��มตั�วอย��งท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยท�*ด�จัะตั องเป4นตั�วแทนข้องประช้�กำรท�*

ศึ1กำษ� ซึ่1*งจัะตั องได ม�ด วยว�ธี�กำ�รส��มตั�วอย��งและตั องม�ข้น�ดเพ�ยงพอ

Page 19: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การก�าหนดข้นาดข้องกล%�มตี วิอย�างด�วิยการค์�านวิณจัากส�ตีร

โดยใช้ กำ�รกำ��หนดค��คล�ดเคล,*อนท�*น�ยมใช้ แบ�งออกำได เป4น 2 ว�ธี�

กำ�รกำ��หนดข้น�ดข้องตั�วอย��ง ในกำรณ์�ท�*ทร�บจั��นวนประช้�กำร

2Ne1

Nn

ส!ตัร

n = ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งN = ข้น�ดข้องประช้�กำรท�*ใช้ ในกำ�รว�จั�ยe = ค��เปอร"เซึ่�นคว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำตั�วอย��ง

Page 20: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง ถุ�าประชากรที่��ใช�ในการวิ�จั ยม�จั�านวิน 2,000 ยอมร บีค์�าค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนจัากการส%�มตี วิอย�างได� 5

% หร,อ 0.05 ข้นาดข้องกล%�มตี วิอย�างจัะค์�านวิณได�ด งน�3

333.3336

000,251

000,2

)05.0(000,21

000,2Ne1

Nn

2

2

ว�ธี�ท��

หร,อ 333 ราย

Page 21: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การค์�านวิณข้องข้นาดกล%�มตี วิอย�างในกรณ�ที่��ไม�ที่ราบีจั�านวินประชากร

ส�ตีร

n = ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งP = ค��เปอร"เซึ่�นตั"ท�*ตั องกำ�รส��มจั�กำประช้�กำรท�+งหมดe = ค��เปอร"เซึ่�นตั"คว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��งZ = ระด�บคว�มเช้,*อม�*นท�*ผ! ว�จั�ยกำ��หนดไว ซึ่1*งน�ยมใช้ กำ�นม� 2 ระด�บ ได แกำ�ณ์ ระด�บคว�มเช้,*อม�*น 95% Z ม�ค��เท��กำ�บ 196.ณ์ ระด�บคว�มเช้,*อม�*น 99% Z ม�ค��เท��กำ�บ 258

2

2

e

Z)P1(Pn

Page 22: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง ถ �ผ! ว�จั�ยตั องกำ�รส��มตั�วอย��งเป4น 50% หร,อ .50 จั�กำประช้�กำรท�+งหมด ตั องกำ�รระด�บคว�มเช้,*อม�*น

95% และยอมร�บค��คว�มคล�ดเคล,*อนจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��งได 5%หร,อ 005. ข้น�ดข้องกำล��มตั�วอย��งจัะค��นวณ์ได ด�งน�+ว�ธี�ท��

16.3840025.0

9604.00025.0

)8416.3)(05.0(05.005.0

)96.1)(05.01(50.0n

2

2

หร,อ 384 ราย

Page 23: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

%คว�มคล�ดเคล,*อน

102030405060708090

100

100 200... N

จั��นวนกำล��มตั�วอย��ง

ภาพิ แสดงค์วิามส มพิ นธี"ระหวิ�างการก�าหนดจั�านวินข้องกล%�มตี วิอย�างก บี การก�าหนดค์�าค์วิามค์ลาดเค์ล,�อน

Page 24: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กในการส มภาษณ"เตีร�ยมค์วิามพิร�อม

ด�าเน�นการส มภาษณ"

ป9ดการส มภาษณ"

* ท��คว�มเข้ �ใจัว�ตัถ�ประสงค"* น�ดหม�ย ว�น/เวล�/ สถ�นท�* ส�มภิ�ษณ์"* เตัร�ยมว�สด�อ�ปกำรณ์" เช้�น แบบส�มภิ�ษณ์" ด�นสอ เทป ฯลฯ* อบรมท�มผ! ส�มภิ�ษณ์" ซึ่�กำซึ่ อม ท�องจั��ค��ถ�ม

* แสดงคว�มเค�รพ แนะน��ตั�วและจั�ดม��งหม�ยกำ�รส�มภิ�ษณ์"* สร �งสรรค"บรรย�กำ�ศึท�*ด� แล วเร�*มกำ�รส�มภิ�ษณ์"

* ทบทวนประเด�นส��ค�ญข้องข้ อม!ลท�*ได ร�บจั�กำกำ�รส�มภิ�ษณ์"* กำล��วข้อบค�ณ์และแสดงคว�มเค�รพ

Page 25: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส%�มตี วิอย�าง(Random sample)

ใช้ หล�กำคว�มน��จัะเป4นในกำ�รส��มตั�วอย��ง(Probability Sampling)

กำ�รส��มแบบง��ย(Sample random Sampling)

กำ�รส��มอย��งม�ระบบ(Systematic Sampling)

กำ�รส��มแบบแบ�งช้�+น(Stratified Sampling)

กำ�รส��มแบบแบ�งกำล��ม(Cluster Sampling)

กำ�รส��มแบบหล�ยข้�+น(Multi-stage Sampling)

ไม�ใช้ หล�กำคว�มน��จัะเป4นในกำ�รส��มตั�วอย��ง(Nonprobability Sampling)

กำ�รส��มแบบบ�งเอ�ญ(Accidental Sampling)

กำ�รส��มแบบโควตั �(Quota-Sampling)

กำ�รส��มแบบเจั�ะจัง(Purposive Sampling)

กำ�รส��มแบบบอกำตั�อ(Snowball Sampling)

ภิ�พแสดงประเภิทกำ�รส��มตั�วอย��ง

Page 26: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงการเปร�ยบีเที่�ยบีล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งช 3นก บีการส%�มแบีบีแบี�งกล%�ม

AB

C900 AA

A900

ล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งช 3น(Stratified Sampling)

ล กษณะข้องการส%�มแบีบีแบี�งกล%�ม(Cluster Sampling)

ล�กำษณ์ะข้องประช้�กำรม�คว�มแตักำตั��งกำ�น จั1งตั องจั�ดแบ�งประช้�กำร ออกำเป4นกำล��ม

ล�กำษณ์ะข้องประช้�กำรม�คว�มคล �ยคล1งกำ�นแตั�อ�จัม�กำ�รแบ�ง

เป4นกำล��มได ตั�มอ�ณ์�เข้ตั

A300 B

300

C300

ส��มตั�วอย��ง100 ส��มตั�วอย��ง 100

ส��มตั�วอย��ง100

กำล��มตั�วอย��ง 300

A

300

A300

A300

ส��มตั�วอย��งจั�กำA กำล��มเด�ยว กำล��มตั�วอย��ง 300

ประช้�กำร ประช้�กำร

Page 27: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงข้ 3นตีอนในการสร�างแบีบีสอบีถุาม

เสนอท�*ปร1กำษ�

เสนอผ! เช้�*ยวช้�ญ

ทดลองใช้ แบบสอบถ�มกำ�บ

กำล��มทดลองห�ค�ณ์ภิ�พข้องแบบสอบถ�ม

จั�ดท��แบบสอบถ�มฉบ�บสมบ!รณ์"

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

ไม�ผ��น

ผ��น

ศึ1กำษ�และรวบรวมข้ อม!ล เพ,*อน��ม�กำ��หนดโครงสร �งข้องข้ อค��ถ�มกำ��หนดโครงสร �งข้องแบบสอบถ�มและส��นวน

ภิ�ษ�ข้องข้ อค��ถ�ม

เสนอท�*ปร1กำษ�

เสนอท�*ปร1กำษ�

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

ปร�บปร�งและแกำ ไข้

1

32

4

5

67

ผ��น

ผ��น

ไม�ผ��น

ไม�ผ��น

Page 28: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างข้�อค์�าถุามข้องงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-ง

พ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

Page 29: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างแบีบีสอบีถุามข้องงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-งพ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

ร�ปแบีบีข้�อค์�าถุามตี วิแปร/ข้�อค์�าถุาม

ตัรวจัสอบ

ร�ยกำ�ร

ม�ตัร�ส�วนประม�ณ์ค��

ค��ถ�มปล�ยเปAด

Page 30: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

Data

Primary Data Secondary Data

Observation MethodSurvey MethodExperiment Method

Interview Mail Survey

TelephoneSurvey

InternetSurvey

Page 31: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างการค์�านวิณที่างสถุ�ตี�เช�งพิรรณนา

การแจักแจังค์วิามถุ��Frequency

ค์�าร�อยละPercentage

ค์�าเฉล��ย (Mean)

ค์�าม ธียฐาน (Median)

ค์�าฐานน�ยม (Mode)

ค์�าพิ�ส ย (Rage)

ค์�าส�วินเบี��ยงเบีนค์วิอไที่ล"Quartile Deviationค์�าส�วินเบี��ยงเบีนมาตีรฐาน

Standard Deviation

การวิ ดแนวิโน�มเข้�าส��ส�วินกลาง

Central tendency

การวิ ดการกระจัายmeasure of variation

สถุ�ตี�เช�ง

พิรรณนา

Descriptive

Statistics

Page 32: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ภาพิ แสดงโค์รงสร�างเค์ร,�องม,อที่��ใช�ในงานวิ�จั ยเร,�อง การศ6กษาค์วิามพิ6งพิอใจัในการร บีฟั*งค์ล,�นวิ�ที่ย% FM 103

คว�มพ1ง

พอใจัในกำ�รร�บฟั-งว�ทย�คล,*นF

M 103

สถ�นภิ�พผ! ตัอบ

ล�กำษณ์ะโดยท�*วไปข้องร�ยกำ�ร

คว�มพ1งพอใจัในร!ปแบบร�ยกำ�ร

ข้ อเสนอแนะเพ,*อกำ�รปร�บปร�งและพ�ฒิน�ร!ปแบบร�ยกำ�ร

เพศึอ�ย�ประเภิทร�ยกำ�รท�*ช้อบฟั-ง

ช้�วงเวล�ท�*ช้อบฟั-งพ�ธี�กำรผ! จั�ด

ผ! โทรเข้ �ร�วมร�ยกำ�รคว�มถ!กำตั องแม�นย��ข้องคล,*น

คว�มช้�ดเจันข้องคล,*น

ร�ปแบีบีข้�อค์�าถุามตี วิแปร/ข้�อค์�าถุาม ตัรวจัสอบ

ร�ยกำ�ร

ม�ตัร�ส�วนประม�ณ์ค��

ค��ถ�มปล�ยเปAด

ค��ถ�มปล�ยเปAด

เร�ยงล��ด�บตั�วเล,อกำ

เล,อกำค��ตัอบได ม�กำกำว��1 ข้ อ

Page 33: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ย(Research)

กำ�รว�จั�ยเป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งหร,อปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรม

ช้�ตั�อย��งม�ระบบระเบ�ยบและม�จั�ดม��งหม�ยท�* แน�นอน เพ,*อให ได คว�มร! ท�*เช้,*อถ,อได

ประกอบีด�วิยล กษณะส�าค์ ญ 3 ประการค์,อ เป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งหร,อปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรมช้�ตั�

เป4นกำระบวนกำ�รหร,อกำ�รกำระท��ท�*ม�ระบบระเบ�ยบ เป4นกำ�รกำระท��ท�*ม�จั�ดม��งหม�ยท�*แน�นอน

Page 34: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

คว�มหม�ยในล�กำษณ์ะน�ย�มเช้�งแนวค�ด เช้�น กำ�รว�จั�ย1. เป4นกำ�รท��ให ประจั�กำษ" 9. เป4นเหม,อนกำ�บน�+�แข้�งลอยน�+�2. เป4นเคร,*องกำ��หนดคว�มร! 3. เป4นกำระบวนกำ�รศึ1กำษ�ค นคว �ซึ่�+�ๆ4. เป4นกำรรมว�ธี�ท�*ม�กำ�รว�งแผนอย��งเป4นระบบระเบ�ยบ5. เป4นกำระบวนกำ�รท�*ใช้ เหตั�ผล6. เป4นกำ�รประด�ษฐ"ค�ดค น7. เป4นว�ถ�แห�งป-ญญ�8.เป4นเหม,อนกำ�บกำ�รข้�ดทอง

Page 35: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 36: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การออกแบีบีการวิ�จั ย(Research Design)

กำ�รออกำแบบกำ�รว�จั�ยเป4นท�+งแผนกำ�รท��ว�จั�ย และเทคน�คว�ธี�กำ�รท�*

เล,อกำม�ใช้ ศึ1กำษ�ค นคว �ห�ค��ตัอบในป-ญห�กำ�รว�จั�ยรวมท�+งกำลว�ธี�

ตั��งๆ ท�*จัะท��ให กำ�รว�จั�ยน�+นม�แระส�ทธี�ภิ�พส!งส�ด โดยม�จั�ดม��ง หม�ย

เพ,*อห�ค��ตัอบข้องป-ญห�กำ�รว�จั�ยและเพ,*อควบค�มคว�มแปรปรวนท�*เกำ�ดข้1+น

Page 37: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การออกแบีบีการวิ�จั ยจั6งแผนการที่��ระบี%เก��ยวิก บี

กำรอบแนวค�ด(conceptual framework) ในกำ�รท��ว�จั�ยเร,*องน�+น

ป-ญห�และสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยระเบ�ยบว�ธี�กำ�รว�จั�ยเทคน�คกำ�รส��มตั�วอย��ง เทคน�คกำ�รรวบรวมข้ อม!ลว�ธี�กำ�รว�เคร�ะห"ข้ อม!ล

Page 38: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างการวิ�จั ย(Research Hypothesis)

สมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ย หม�ยถ1งข้ อคว�มท�*เด�หร,อค�ดคะเนค��ตัอบท�*ได

จั�กำกำ�รว�จั�ย กำ�รเด�หร,อค�ดคะเนน�+จัะ ตั องเด�หร,อค�ดคะเนอย��งม�เหตั�ผล

อ�ศึ�ยทฤษฎี� แนวค�ดผลกำ�รว�จั�ยเร,*อง กำ�อน ๆ คว�มร! และประสบกำ�รณ์"ข้องผ!

ว�จั�ยด วยประกำอบกำ�น ม�ใช้�เด�อย��งเล,อน ลอย ข้�ดเหตั�ผล

Page 39: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาการวิ�จั ย (Research Problems)

ประเด�นป-ญห�กำ�รว�จั�ย หม�ยถ1ง ค��ถ�มท�*ตั องกำ�รค��ตัอบซึ่1*งม�กำจัะกำล��วถ1งคว�มส�มพ�นธี"ระหว��ง

ตั�วแปรสองตั�วหร,อม�กำกำว��สองตั�วข้1+นไปว��ม�คว�ม ส�มพ�นธี"กำ�นอย��งไร เช้�น ตั องกำ�รทร�บว�� กำ�รใช้

ร�งว�ลม�คว�มส�มพ�นธี"กำ�บกำ�รอน�ร�กำษ"ปC�ไม ข้องน�กำเร�ยนหร,อไม�

Page 40: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเด)นป*ญหาการวิ�จั ยก)ค์,อวิ ตีถุ%ประสงค์" การวิ�จั ย ซึ่6�งเข้�ยนในร�ปข้องประโยค์บีอก

เล�าหร,อประโยค์ค์�าถุามที่��ตี�องการค์�าตีอบีเช�น ตั องกำ�รศึ1กำษ�พฤตั�กำรรมกำ�รด!แลตันเองข้องผ! ปCวยเบ�

หว�น (ผ! ปCวยเบ�หว�นม�พฤตั�กำรรมกำ�รด!แลตันเองอย��งไร)

เพ,*อศึ1กำษ�คว�มส�มพ�นธี"ระหว��งคะแนนสอบ Entrance กำ�บคะแนนกำ�รเร�ยนในปDหน1*งส�มพ�นธี"กำ�นหร,อไม�อย��งไร)

Page 41: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อเสนอโค์รงการวิ�จั ย(Research Proposal)

เป4นแผนง�น โครงกำ�รและกำลว�ธี�ในกำ�รท��ว�จั�ยท�* กำ��หนดไว ล�วงหน � โครงเสนอกำ�รว�จั�ยม�หน �ท�* หล�กำ 2 ประกำ�ร ค,อ เป4นตั�วช้�+น��(guideline)ในกำ�รท��ว�จั�ยในเร,*อง

น�+นๆว��ม�แนวคว�มค�ด ทฤษฎี�อย!�อย��งไรตั องกำ�รห�ค��ตัอบอะไรและจัะห�ค��ตัอบน�+นได อย��งไร

เป4นเกำณ์ฑ์"ในกำ�รประเม�นง�นค นคว �ว�จั�ยเร,*องน�+นว��ประสบผลส��เร�จัเพ�ยงใด

Page 42: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

รายงานการวิ�จั ย(Research Report)

ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยเป4นเอกำส�รท�*ได จั�กำกำ�รศึ1กำษ�และเกำ�บรวบรวมข้ อม!ลม�

ว�เคร�ะห"น��ม�เร�ยบเร�ยงข้1+นใหม�อย��งม�ระบบระเบ�ยบตั�มส�กำลน�ยมและได

เน,+อห�ส�ระครบถ วนสมบ!รณ์" ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท��ให ผ! อ��นทร�บว��ท��อะไรท��อย��งไรท��ไมจั1งตั องท��ม�กำรอบแนวค�ดหล�กำกำ�รและเหตั�ผลอย��งไรท��แล วได ผลอย��งไร

Page 43: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 44: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

เน,+อห�ข้องเร,*องน�+นม�อะไรบ �ง ม�ข้อบเข้ตัม�กำน อยแค�ไหนค��และข้ อคว�มท�*เกำ�*ยวข้ องม�คว�มหม�ยท�งว�ช้�กำ�รและกำ�รว�จั�ยอย��งไร แนวค�ดและทฤษฎี�ม�อะไรบ �ง ใจัคว�มทฤษฎี�ว��อย��งไร ร!ปแบบกำ�รว�จั�ย กำ�รท��ว�จั�ยเร,*องน�+ใช้ กำ�รท��ว�จั�ยอย��งไรบ �ง

ม�กำรอบแนวค�ดอย��งไร ม�ตั�วแปรอ�สระ ตั�วแปรตั�ม ว�ตัถ�ประสงค"และ

สมมตั�ฐ�นตั�+งกำ�นไว อย��งไร กำ�รส��มตั�วอย��ง ว�ธี�กำ�รรวบรวบข้ อม!ลและ

ว�เคร�ะห"อย��งไร

Page 45: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

ว�สด�อ�ปกำรณ์"และเคร,*องม,อท�*ใช้ ในกำ�รท��ว�จั�ย และรวบรวมข้ อม!ลม�อะไรบ �งม�ค�ณ์บ�ตั�อย��งไร

ม�กำ�รพ�ฒิน�หร,อทดสอบค�ณ์ภิ�พอย��งไรบ �ง ง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ อง ม�ใครท��อะไรบ �ง เร,*อง

อะไร ท��ท�*ไหน เม,*อไร ได ผลอย��งไร รวมท�+งม�ป-จัจั�ยหร,อตั�วแปรอะไรบ �งท�*เกำ�*ยวข้ องหร,อม�ผลตั�อกำ�รว�จั�ย

Page 46: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้นาดกล%�มตี วิอย�าง(sample size)

ข้น�ดกำล��มตั�วอย��งเป4นจั��นวนตั�วอย��งท�*ตั องกำ�รใช้ กำ�รท��ว�จั�ยกำ�รจัะ

ใช้ ข้น�ดกำล��มตั�วอย��ง�ม�กำน อยเท��ใด ข้1+นอย!�กำ�บป-จัจั�ยหล�ยอย��งท�*ส��ค�ญ

คว�มเสมอเหม,อนกำ�นข้องหน�วยประช้�กำรท�*ศึ1กำษ� ถ �เหม,อนกำ�น ม�กำ ใช้ น อยกำ�พอ ถ �ตั��งกำ�นม�กำกำ�ตั องเอ�ม�ม�กำหน�อย

จั��นวนตั�วแปรท�*ตั องศึ1กำษ� ถ �ม�ตั�วแปรอ�สระม�กำ หล�ยตั�ว และ แตั�ละตั�วแบ�งประเภิทเป4นหล�ยระด�บจัะตั องเอ�ม�ม�กำ ม�ฉะน�+น

เม,*อแบ�งเป4นกำล��มแล วจัะไม�พอว�เคร�ะห" ถ �เปร�ยบเท�ยบแตั�ละ กำล��มไม�พอว�เคร�ะห" ถ �เปร�ยบเท�ยบแตั�ละกำล��มไม�ควรน อยกำว��

10 ตั�วอย��ง แตั�เพ,*อคว�มปลอดภิ�ยควรใช้ กำล��มละประม�ณ์ 20

Page 47: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

ว�ธี�กำ�รเกำ�บรวบรวมข้ อม!ล ถ �ใช้ ส�งแบบสอบถ�มใช้ ม�กำกำ�ได แตั�ถ �ใช้ กำ�รส�มภิ�ษณ์"หร,อกำ�รส�งเกำตัควรใช้ น อยหน�อย

เวล� กำ��ล�งคน และ เง�น ถ �ม�ม�กำ�ใช้ ม�กำ ถ � น อยกำ�ใช้ ให พอเหม�ะ คว�มคล�ดเคล,*อนท�*เกำ�ดข้1+น ตั�มทฤษฎี�ถ �ใช้ ข้น�ดกำล��มตั�วอย��ง

น อยจัะม�คว�มคล�ดเคล,*อนม�กำ แตั�ถ �เพ�*มข้น�ดกำล��มตั�วอย��งม�กำข้1+น คว�มคล�ดคล,*นจัะลดลงเม,*อเพ�*มข้น�ดกำล��มตั�วอย��งถ1งจั�ดหน1*ง คว�มคล�ดจัะคงท�*และถ �เพ�*มม�กำข้1+นอ�กำ คว�มคล�ดเคล,*อนอ�จัจัะ

เพ�*มข้1+นอ�กำ ส!ตัรกำ�รห�ข้น�ดกำล��มตั�วอย��งท�*ส�มรถใช้ ได ด�เม,*อม�โอกำ�สเกำ�ดและไม�เกำ�ดเหตั�กำ�รณ์"ท�*ตั องกำ�รศึ1กำษ�เท��กำ�น ค,อส!ตัรข้อง

Yamane N ค,อจั��นวนสม�ช้�กำประช้�กำร eค,อคว�มคล�ดเคล,*อนท�*ยอมร�บได ถ � e= 0.05 จัะม�ค��ใกำล เค�ยงกำ�บ

ส!ตัร

2Ne1

Nn

N399

N400n

Page 48: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนเช�งการส%�ม (Sampling Error)

คว�มคล�ดเคล,*อนเช้�งกำ�รส��มเป4นคว�มคล�ดเคล,*อนข้องค��ส�งเกำตั(Observation)ท�*เกำ�ดจั�กำกำ�รส��มตั�วอย��ง หร,ออ�กำน�ยหน1*งเป4นผลตั��งข้องค��ส�งเกำตัท�*ได จั�กำประช้�กำรกำ�บท�*ได จั�กำกำล��มตั�วอย��ง น�*นค,อ

E

XE

X

ค��คว�มคล�ดเคล,*อนค��เฉล�*ยข้องประช้�กำร

ค��เฉล�*ยข้องกำล��มตั�วอย��ง

Page 49: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

วิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"(Scientific Approach)

ว�ธี�กำ�รท�งว�ทย�ศึ�สตัร"เป4นร!ปแบบเช้�งระบบโดยเฉพ�ะข้องกำ�รค�ดค นห�เหตั�ผลและส,บเส�ะ

แสวงห�คว�มร! ใหม� ๆ ซึ่1*งม� 5 ข้�+นตัอน ได แกำ� (Van Dalen, 1979 : 12)1 . ม�คว�มร! ส1กำว��เป4นป-ญห�ค,อม�เร,*องท�*เกำ�ดสงส�ยเป4นป-ญห� อ�ปสรรค ตั องกำ�ร

ท��คว�มเข้ �ใจั ใคร�ห�ค��ตัอบ2. กำ��หนดและท��คว�มเข้ �ใจัป-ญห�น�+นให ช้�ดเจัน3. เสนอค��ตัอบข้องป-ญห�ด วยกำ�รตั�+งเป4นสมมตั�ฐ�น4. ค�ดค นห�เหตั�ผลเช้�งอน�ม�นและอ�ปม�นว�ธี�เพ,*อตัรวจัสอบสมมตั�ฐ�นให แน�ใจัว��

สมมตั�ฐ�นท�*ม�เหตั�ผลและถ!กำตั อง5. ทดสอบสมมตั�ฐ�นท�*ตั� +งไว ด วยกำ�รรวบรวมข้ อม!ลน��ม�ว�เคร�ะห"ย,นย�นสมมตั�ฐ�น

ท�*ตั� +งไว

Page 50: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กาวิ�จั ยที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" (Scientific Research)

กำ�รว�จั�ยท�งว�ทย�ศึ�สตัร"เป4นกำ�รค นคว �ห�เหตั�ผลข้องปร�กำฏกำ�รณ์"ตั�มธีรรมช้�ตั�

อย��งเป4นระบบ เช้�งประจั�กำษ"และม�กำ�รควบค�มตั�วแปรภิ�ยนอกำ เพ,*อน��ไปส!�กำ�รสร �ง

ทฤษฎี�และสมมตั�ฐ�นท�*แสดงถ1ง คว�มส�มพ�นธี"ระหว��งปร�กำฏกำ�รณ์"น�+นกำ�รว�จั�ยท�งว�ทย�ศึ�สตัร"น�+นจัะตั อง (Kerlinger, 1982 : 11-2)1 . เป4นกำระบวนกำ�รค นคว �ท�*เป4นระบบและม�กำ�รควบค�มตั�วแปรท�*

เกำ�*ยวข้ อง เพ,*อให ผลกำ�รว�จั�ยท�*ได เช้,*อถ,อได ส!งส�ด2. เป4นกำ�รค นคว �ห�เหตั�ผลเช้�งประจั�กำษ" ด วยกำ�รตัรวจัสอบข้ อม!ล

หล�กำฐ�นท�*เกำ�ดข้1+นตั�มคว�มเป4นจัร�งและตัรวจัสอบอย��งเป4นปรน�ย

Page 51: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร" (Social Sciences Research)

กำ�รว�จั�ยท�งส�งคมเป4นกำ�รว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บพฤตั�กำรรมข้องมน�ษย" เป4นเร,*องท�*

เกำ�*ยวกำ�บช้�มช้นและส�งคมท�*มน�ษย"อย!� เช้�น คว�มร! คว�มเช้,*อ ประเพณ์� ว�ฒินธีรรม

คว�มค�ดเห�น และกำ�รปฏ�บ�ตั�ในล�กำษณ์ะตั��งๆ เป4นตั นโดยแบ�งย�อยตั�มส�ข้�ข้องส�งคมศึ�สตัร"ได อ�กำเช้�น1. กำ�รว�จั�ยท�งส�งคมว�ทย� 7. กำ�รว�จั�ยท�งปร�ช้ญ�2. กำ�รว�จั�ยท�งม�น�ษยว�ทย� 8. กำ�รว�จั�ยท�งกำ�รศึ1กำษ�3. กำ�รว�จั�ยท�งเศึรษฐกำ�จั ฯลฯ4. กำ�รว�จั�ยท�งร�ฐศึ�สตัร"5. กำ�รว�จั�ยท�งจั�ตัว�ทย�6. กำ�รว�จั�ยท�งน�ตั�ศึ�สตัร"

Page 52: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยเช�งส�ารวิจั (Survey Research)

เป4นกำ�รศึ1กำษ�ค นคว �ห�ข้ อเท�จัจัร�งท�*ปร�กำฏอย!� ม�อย!�ว��อย��งใด ท�+งน�+เพ,*อบรรย�ย

สถ�นภิ�พท�*ปร�กำฏอย!� ม�อย!�น� +น เพ,*อเปร�ยบเท�ยบกำ�บสถ�นภิ�พท�*ปร�กำฏอย!�ใน ล�กำษณ์ะตั��งๆ และเปร�ยบเท�ยบกำ�บสถ�นภิ�พท�*เป4นม�ตัรฐ�น โดยไม�สนใจัว��

ท��ไมจั1งปร�กำฏอย!�หร,อม�อย!�อย��งน�+น กำ�รว�จั�ยเช้�งส��รวจัม�กำศึ1กำษ�ในข้อบเข้ตัท�*กำว �ง เกำ�*ยวกำ�บเร,*องร�ว 4 ประกำ�ร

1. ล�กำษณ์ะท�งประช้�กำร เช้�น เพศึ อ�ย� สถ�นภิ�พสมรส ล�กำษณ์ะครอบคร�วเป4นตั น

2. สภิ�พท�งส�งคม- เศึรษฐกำ�จั เช้�น อ�ช้�พ ร�ยได กำ�รศึ1กำษ� สภิ�พส�งคมท�*วไป เป4นตั น

Page 53: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี�อ

3. พฤตั�กำรรมและกำ�จักำรรมข้องประช้�ช้น เช้�น กำ�รใช้ เวล�ว��ง ล�กำษณ์ะกำ�รใช้ จั��ย กำ�รด!โทรท�ศึน" กำ�รฟั-งว�ทย� กำ�รอ��น

หน�งส,อพ�มพ" เป4นตั น4. คว�มค�ดเห�น เจัตัคตั� และคว�มเช้,*อข้องประช้�ช้น เช้�น คว�มค�ด

เห�นเกำ�*ยวกำ�บกำ�รเล,อกำตั�+งผ! ว��ร�ช้กำ�รจั�งหว�ด เป4นตั น

และแบ�งตั�มล�กำษณ์ะส�*งท�*ใช้ ส��รวจั ได เป4น 5 ประเภิท ได แกำ� กำ�รส��รวจั

โรงเร�ยน กำ�รว�เคร�ะห"ง�น กำ�รว�เคร�ะห"เอกำส�ร กำ�รส��รวจัประช้�มตั� กำ�รส��รวจัช้�มช้น

Page 54: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การที่บีที่วินเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง(Review Related Literatures๗

เป4นส�วนท�*ส��ค�ญม�กำข้องกำ�รว�จั�ย ช้�วยให ว��จัะท��ว�จั�ยอย��งไร จัะเข้�ยน ร�ยง�นกำ�รว�จั�ยท�กำห�วข้ อได อย��งไร เป4นส�วนท�*ช้�วยสน�บสน�นกำ�ร

กำ��หนดกำรอบแนวค�ดและสมมตั�ฐ�นในกำ�รท��ว�จั�ย

งานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�องค์วิรที่บีที่วินในเร,�องตี�อไปน�3 สภิ�พป-ญห�ท�*เป4นป-ญห� อ�ปสรรคข้องเร,*องน�+นม�ร�องรอยเป4นม�

อย��งไรม�ข้ อม!ลอะไรสน�บสน�นว��เป4นป-ญห�

Page 55: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

และ

โดยผศ.ปราโมที่ย"

ค์รองย%ที่ธี

การแสวิงหาค์วิามร��และป*ญญาโดยบี�รณาการการวิ�จั ย และสถุ�ตี�

เช�งวิ�ที่ยาศาสตีร"

Page 56: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามร�� : ข้�อม�ลและสารสนเที่ศกล �นกรองแล�วิ

สารสนเที่ศ : ข้�อม�ลที่��ประมวิลผลแล�วิ วิ�เค์ราะห" / ส งเค์ราะห"

ข้�อม�ล : - ข้�อเที่)จัจัร�ง - ข้�าวิสาร เน,3อหา สาระ - ที่��เป7นค์วิามจัร�ง - เป7นตี วิเลข้,ข้�อค์วิาม - ได�มาจัากการส งเกตี%วิ ดน บีจัด

บี�รณาการ

ค์วิามร��Knowledge

สารสนเที่ศInformation

ข้�อม�ลData

Page 57: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. การส งเกตี2. การระบี%ป*ญหา

3. กรอบีที่ฤษฎี�ที่��เก��ยวิข้�อง4. สมมตี�ฐาน

5. การรวิบีรวิมข้�อม�ล/วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล6. การสร%ปผล

Page 58: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ป*ญหาระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่างสถุ�ตี�

2. การวิางแผน3. การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล4. การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล5. การสร%ปผล6. การน�าไปใช�

Page 59: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้ 3นตีอนการวิ�จั ยการศ6กษาป*ญหา

ออกแบีบีการวิ�จั ยการรวิบีรวิมข้�อม�ล

ประมวิลผล/วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลสร%ปผล

การน�าไปใช�

Page 60: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การศ6กษาค์�นค์วิ�า การศ6กษาค์�นค์วิ�า วิ�เค์ราะห" หร,อที่ดลองอย�างม� วิ�เค์ราะห" หร,อที่ดลองอย�างม�

ระบีบีโดยอาศ ยอ%ปกรณ"หร,อระบีบีโดยอาศ ยอ%ปกรณ"หร,อ วิ�ธี�การ เพิ,�อให�พิบีข้�อเที่)จัจัร�ง วิ�ธี�การ เพิ,�อให�พิบีข้�อเที่)จัจัร�ง

หร,อหล กการไปใช�ในการตี 3งหร,อหล กการไปใช�ในการตี 3ง กฎี ที่ฤษฎี� หร,อแนวิที่างใน กฎี ที่ฤษฎี� หร,อแนวิที่างใน

การปฏิ�บี ตี� การปฏิ�บี ตี�

Page 61: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" หมายถุ6ง การส�ารวิจั

วิ�เค์ราะห" ที่ดลองอย�างม� ระบีบี และเป7นข้ 3นตีอน ด�วิยอ%ปกรณ"

หร,อวิ�ธี�พิ�เศษ เก��ยวิก บี ธีรรมชาตี� ส��งม�ช�วิ�ตี

ปรากฏิการณ"ธีรรมชาตี� ตีลอดจันส��งที่��มน%ษย"ได�สร�างสรรข้63น

มาด�วิยค์วิามร�� หร,อ ประสบีการณ" เพิ,�อเสนอค์วิามร��

ใหม� เพิ,�อส%ข้ภาพิอนาม ย ค์วิาม ผาส%ข้ และค์วิามเจัร�ญก�าวิหน�า

ข้องมน%ษยชาตี�

Page 62: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร" หมายถุ6งการศ6กษา

ค์�นค์วิ�าหาค์วิามจัร�งด�วิยระบีบีและวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"

เก��ยวิก บี พิฤตี�กรรม ปรากฏิการณ" หร,อปฏิ�ก�ร�ยา

ตีลอดจันค์วิามร��ส6กน6กค์�ดข้อง มน%ษย"และส งค์ม เพิ,�อให�ที่ราบี

ถุ6งค์วิามร��และค์วิามจัร�งที่��จัะน�า มาแก�ป*ญหาข้องส งค์ม หร,อก�อ

ให�เก�ดค์วิามร��ใหม�

Page 63: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

น กวิ�จั ย หมายถุ6ง ผ��ที่��ด�าเน�นการ

ค์�นค์วิ�าหาค์วิามร��อย�างเป7นระบีบี เพิ,�อตีอบีประเด)นที่��สงส ย โดยม�

ระเบี�ยบีวิ�ธี�อ นเป7นที่��ยอมร บีในแตี�ละ ศาสตีร"ที่��เก��ยวิข้�อง ซึ่6�งค์รอบีค์ล%ม

ที่ 3งแนวิค์�ด มโนที่ ศน" และวิ�ธี�การที่��ใช�ในการรวิบีรวิมและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 64: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณะที่��จั�าเป7นส�าหร บีน กวิ�จั ยค์�าวิ�า วิ�จั ย “ ” = RESEARCH = ร�เส�ร"ช จัากที่��ประช%ม Pan pacific Science Congress

ในปB ค์.ศ. 1961 “ได�แยกอธี�บีายตี วิอ กษรตี�าง ๆ ข้องค์�าวิ�า RESEARCH” ไวิ�ด งน�3R = Recruitment & Relationship

การฝึEกฝึนตีนให�ม�ค์วิามร�� รวิมที่ 3งรวิบีรวิมผ��ที่��ม�ค์วิามเพิ,�อปฏิ�บี ตี�งานร�วิมก น ตี�ดตี�อและประสานงานก นE = Eclucation & Efficiency

ผ��วิ�จั ยตี�องม�การศ6กษาม�ค์วิามร��ประส�ที่ธี�ภาพิS = Sciences & Stimulation

เป7นศาสตีร"หร,อค์วิามร��ที่��ตี�องม�การพิ�ส�จัน" ค์�นค์วิ�าเพิ,�อหาค์วิามจัร�ง ผ��วิ�จั ยม�พิล งค์วิามค์�ดร�เร��มและกระตี,อร,อร�นE = Evaluation & Environmentร��จั กประเม�นวิ�าม�ประโยชน"ที่��จัะที่�าตี�อไปหร,อไม�และตี�องร��จั กใช�เค์ร,�องม,อและอ%ปกรณ"

ตี�าง ๆ ในการวิ�จั ย

Page 65: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณะที่��จั�าเป7นส�าหร บีน กวิ�จั ย (ตี�อ)

A = Aim & Attitude ตี�องม�จั%ดม%�งหมาย เป�าหมายที่��ช ดเจัน แน�วิแน�และม�ที่ ศนค์ตี�ที่��ด�ตี�อการที่�าวิ�จั ย

R = Result ผลการวิ�จั ยที่��ออกมาจัากการศ6กษาค์�นค์วิ�าอย�างเป7นระบีบี ตี�องยอมร บีโดยด%ษฎี�

C = Curiosity ผ��วิ�จั ยตี�องม�ค์วิามอยากร��อยากเห)น ม�ค์วิามสนใจั และข้วินข้วิายในงานวิ�จั ยอย��ตีลอด

เวิลา แม�ค์วิามอยากร��อยากเห)นจัะม�เพิ�ยงเล)กน�อยH = Horizon

เม,�อได�ผลการวิ�จั ยปรากฎีออกมาจัะที่�าให�ที่ราบีและเข้�าใจัป*ญหาเหล�าน 3นได� เหม,อนเก�ดแสงสวิ�างหร,อป*ญญาข้63น

Page 66: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. การวิ�จั ยเบี,3องตี�น/บีร�ส%ที่ธี�F Basic/Pure Research

2. การวิ�จั ยประย%กตี" Applied Research

Page 67: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเภที่ข้องการวิ�จั ยประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"ตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"

1. การวิ�จั ยเช�งพิรรณนา Descriptive Research

2 . การวิ�จั ยเช�งส,บีเสาะ Exploratory Research

3 . การวิ�จั ยเช�งสาเหตี% Casual Research

Page 68: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประเภที่ข้องการวิ�จั ยประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามล กษณะข้องข้�อม�ลตีามล กษณะข้องข้�อม�ล

1. การวิ�จั ยเช�งค์%ณภาพิ Qualitative Research

2 . การวิ�จั ยเช�งปร�มาณ Quantitative Research

Page 69: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 1 บีที่น�า

RESEARCH PROPOSAL

แบีบีเสนอโค์รงการวิ�จั ย

• แสดงที่�ศที่างป*ญหาที่��ตี�องการแสดงที่�ศที่างป*ญหาที่��ตี�องการ• กะที่ ดร ด ช ดเจัน กะที่ ดร ด ช ดเจัน

• แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปรแสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปร• เป7นประโยค์บีอกเล�าเป7นประโยค์บีอกเล�า

• สามาถุบีอกข้องเข้ตีข้องการวิ�จั ยสามาถุบีอกข้องเข้ตีข้องการวิ�จั ย

1. 1. ช,�อโค์รงการวิ�จั ย ช,�อโค์รงการวิ�จั ย (Project Title)(Project Title)

Page 70: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง

* ……ผลกระที่บี .* …การศ6กษาป*จัจั ย ...* การศ6กษาค์วิาม

……ส มพิ นธี"* ……ค์วิามพิ6งพิอใจั

Page 71: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กราฟัช�วิ�ตีน กวิ�จั ย

อ%ปสรรค์

ค์วิามหวิ ง

ค์วิามส�าเร)จั

Page 72: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1 . วิ�ที่ยาศาตีร"ธีรรมชาตี�และค์ณ�ตีศาสตีร"

2. ค์อมพิ�วิเตีอร"และเที่ค์โนโลย�การส,�อสาร

3 . วิ�ที่ยาศาสตีร"การแพิที่ย" 4 . เกษตีรศาสตีร" 5 . ส งค์มศาสตีร" 6 . มน%ษยศาสตีร"

สาข้าวิ�จั ย

Page 73: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ศ6กษาศาสตีร"และการฝึEกห ดค์ร�

2. มน%ษยศาสตีร" ศาสนา และเที่วิวิ�ที่ยา

3. วิ�จั�ตีรศ�ลปGและประย%กตี"ศ�ลปG

4. น�ตี�ศาสตีร" 5 . ส งค์มศาสตีร" 6. วิ�ที่ยาศาสตีร"ธีรรมชาตี�

สาข้าวิ�ชาการ

Page 74: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. แพิที่ยศาสตีร"และวิ�ชาที่��เก��ยวิข้�องก บีส%ข้ภาพิ8. วิ�ศวิกรรมศาสตีร"9. เกษตีรศาสตีร"10. วิ�ชาอ,�นๆ ได�แก�

เที่ค์โนโลย�ส��งแวิดล�อม ส��งแวิดล�อมการศ6กษา

สาข้าวิ�ชาการ (ตี�อ)

Page 75: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Theories Empirical HypothesesGeneralizations

Observations

The Wheel of Science

INDUCTION DEDUCTION

Page 76: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

…เร��มที่��ไหน …เร��มที่��ไหน .. .. เม,�อเห)นเม,�อเห)น//เก�ดป*ญหาเก�ดป*ญหา จั�าเป7นหร,อไม�จั�าเป7นหร,อไม�// …เพิราะอะไร …เพิราะอะไร .. .. ค์วิามค์วิามส�าค์ ญส�าค์ ญ// ค์วิามเป7นมา ค์วิามเป7นมา ข้องป*ญหาข้องป*ญหา ที่�าไปที่�าไม ที่�าไปที่�าไม…….. .. วิ ตีถุ%ประสงค์"วิ ตีถุ%ประสงค์" เป7นเร,�องข้องเป7นเร,�องข้อง

อะไร อะไร ..... ..... กรอบีกรอบีแนวิค์�ดแนวิค์�ด เร,�องน 3นน�าจัะเป7นเพิราะอะไร เร,�องน 3นน�าจัะเป7นเพิราะอะไร .…. .…. สมมตี�ฐานการวิ�จั ยสมมตี�ฐานการวิ�จั ย

Page 77: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

((ตี�อตี�อ)) …ที่�าละเอ�ยดแค์�ไหน …ที่�าละเอ�ยดแค์�ไหน .. .. ((ข้อบีเข้ตีการวิ�จั ยข้อบีเข้ตีการวิ�จั ย)) ใช�ได�ก บีค์นอ,�นหร,อไม� …ใช�ได�ก บีค์นอ,�นหร,อไม� … .. ( .. (ข้�อข้�อจั�าก ดการวิ�จั ยจั�าก ดการวิ�จั ย))

GGeneralizationeneralization …จัะให�เข้�าใจัการวิ�จั ยได�อย�างไร …จัะให�เข้�าใจัการวิ�จั ยได�อย�างไร .. .. ((ข้�อตีกลงเบี,3องตี�นข้�อตีกลงเบี,3องตี�น)) …ที่�าวิ�จั ยเร,�องอะไรบี�าง …ที่�าวิ�จั ยเร,�องอะไรบี�าง ... ... ((น�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การน�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การ))

Page 78: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แบีบีเสนอโค์รงการวิ�จั ย 1. ช,�อแผนงานวิ�จั ย 2. หน�วิยงานหล กที่��ร บีผ�ดชอบี 3. ค์ณะผ��บีร�หารแผนงานวิ�จั ย 4. ประเภที่ข้องการวิ�จั ย 5. สาข้าวิ�ชาการหล ก และกล%�มวิ�ชาการหล ก 6. ค์�าส�าค์ ญข้องแผนงานวิ�จั ย 7. ค์วิามส�าค์ ญและที่��มาข้องแผนงานวิ�จั ย และ การที่บีที่วินเอกสารที่��เก��ยวิข้�อง 8. วิ ตีถุ%ประสงค์"หล กข้องแผนงานวิ�จั ย 9. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี และหน�วิยงานที่��จัะน�าผลการ วิ�จั ยไปใช�ประโยชน"

Page 79: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

10. ที่ฤษฎี� สมมตี�ฐานหร,อกรอบีแนวิค์�ด11. เอกสารอ�างอ�ง12. ระเบี�ยบีวิ�ธี�วิ�จั ย13. ข้อบีเข้ตีข้องแผนงานวิ�จั ย14. ระยะเวิลาที่��ที่�าการวิ�จั ยและสถุานที่��ที่�าการที่ดลอง และหร,อเก)บีข้�อม�ล15. แผนการบีร�หารและแผนการด�าเน�นงานวิ�จั ย16. แผนการถุ�ายที่อดเที่ค์โนโลย�หร,อผลการวิ�จั ยส��กล%�มเป�าหมาย17. อ%ปกรณ"ที่��จั�าเป7นข้องแผนงานวิ�จั ย (ถุ�าม�)18. งบีประมาณข้องแผนงานวิ�จั ย19. แผนงานวิ�จั ยตี�อเน,�องปBที่��สองข้63นไป20. การวิ�จั ยอ,�น ๆ ถุ�าม�

Page 80: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ช,�อโค์รงการ2. ประเภที่ข้องโค์รงการ3. สาข้าวิ�ชาที่��ที่�าการวิ�จั ย4. ผ��ด�าเน�นการวิ�จั ย

5. ค์วิามส�าค์ ญและค์วิามเป7นมา ข้องป*ญหา

Page 81: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องโค์รงการวิ�จั ย7. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี

8. เอกสารและผลงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง9. ระเบี�ยบีวิ�ธี�วิ�จั ย

10. ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย

((ตี�อตี�อ))

Page 82: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

11. สถุานที่��ที่�าการเก)บีข้�อม�ล12. ระยะเวิลาที่�าการวิ�จั ย

13. แผนการด�าเน�นงาน 14. อ%ปกรณ"ในการวิ�จั ย

15. รายละเอ�ยดงบีประมาณ

((ตี�อตี�อ))

Page 83: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์วิามส�าค์ ญข้องป*ญหา• บีอกค์วิามเป7นมาและค์วิาม

ส�าค์ ญข้องป*ญหา โดย วิ�เค์ราะห"ป*ญหา เสนอค์วิามค์�ด

ที่ฤษฎี� การค์�นพิบี และกล�าวิถุ6งสภาพิป*ญหาซึ่6�งเป7นเหตี%ผลให�ที่�าการวิ�จั ย• แสดงให�เห)นข้นาดปร�มาณหร,อค์วิามร%นแรงข้องป*ญหา

Page 84: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการวิ�จั ย• เพิ,�อที่ราบีข้�อเที่)จัจัร�งที่��ม�อย��• เพิ,�อที่ราบีสาเหตี%แห�งป*ญหา

และสามารถุน�าไปตี 3ง เป7นสมมตี�ฐานตี�อไป• แยกตี วิแปรย�อยเป7นข้�อ ๆ• เป7นเร,�องการน�าผลการวิ�จั ยไป

ใช�ประโยชน"

Page 85: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. สมมตี�ฐาน• ข้�อค์วิามสมมตี�ฐานที่��ผ��วิ�จั ยค์าดไวิ�

เก��ยวิก บีค์%ณล กษณะ และค์วิามส�าค์ ญข้องตี วิแปร• ข้�อค์วิามก�าหนดที่�ศที่างข้องส��งที่��

ค์�นหา เพิ,�อตีอบีวิ ตีถุ% ประสงค์"• ม�เหตี%ผลสน บีสน%น• สมมตี�ฐานการวิ�จั ย และสมมตี�ฐานที่าง

สถุ�ตี� (ที่ดสอบี)

Page 86: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย• ค์วิามค์รอบีค์ล%มข้องเร,�องที่��ที่�าการวิ�จั ย• กรอบีข้องประชากรและตี วิอย�าง• พิ,3นที่��การวิ�จั ย• เวิลา

Page 87: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6 . 6 . น�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การน�ยามเช�งปฏิ�บี ตี�การ• เป7น เป7น keyword keyword ในการวิ�จั ย ซึ่6�งในการวิ�จั ย ซึ่6�งหมายถุ6งตี วิแปรในการวิ�จั ยหมายถุ6งตี วิแปรในการวิ�จั ย• ช ดเจัน ตีรงประเด)น ให�ค์วิามหมายช ดเจัน ตีรงประเด)น ให�ค์วิามหมายที่��เข้�าใจัตีรงก นที่��เข้�าใจัตีรงก น• เป7นร�ปธีรรม สามารถุวิ ด และเป7นร�ปธีรรม สามารถุวิ ด และที่ดสอบีได�ที่ดสอบีได�

Page 88: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. ข้�อจั�าก ดข้องการวิ�จั ย• เป7นการอ�างอ�ง ซึ่6�งเป7นผลมาจัากการก�าหนดข้อบีเข้ตีในการวิ�จั ย

Page 89: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

8. ข้�อตีกลงเบี,3องตี�น• ม กเป7นเร,�องข้�อผ�ดพิลาดที่��อาจัจัะ

เก�ดข้63นจัากการวิ�จั ย เช�น การวิ�จั ยค์ร 3งน�3กระที่�าในยามที่��เหตี%การณ"

ปกตี� / ไม�เก��ยวิข้�องก บีการเปล��ยนแปลงข้องอ ตีราแลก

เปล��ยน / ใช�เค์ร,�องม,อเป7นที่��ยอมร บีโดยที่ �วิไปย งไม�ม�เค์ร,�องม,อใหม�มา

ที่ดแที่น เป7นตี�น• ข้�อตีกลงเก��ยวิก บีการกระจัาย

ข้องข้�อม�ล เช�น ม�การแจักแจังแบีบี ปกตี� เป7นตี�น

Page 90: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

9. 9. ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บีประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี• สอดค์ล�องก บีสอดค์ล�องก บีวิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ตี 3งไวิ�วิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ตี 3งไวิ�

11. 11. งบีประมาณงบีประมาณ• แยกตีามรายหมวิดแยกตีามรายหมวิด

10. 10. ระยะเวิลาในการวิ�จั ยระยะเวิลาในการวิ�จั ย• ระยะเวิลาที่��ใช�ในการวิ�จั ยระยะเวิลาที่��ใช�ในการวิ�จั ย• แผนปฏิ�บี ตี�การ แผนปฏิ�บี ตี�การ

Page 91: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 2 แนวิค์�ด ที่ฤษฎี� และวิรรณกรรมที่��เก��ยวิข้�อง

Review of Literatures• แยกเป7นประเภที่ ๆ อย��ในหมวิดหม��เด�ยวิก น • Review เฉพิาะในส�วินที่��ใช�ที่ดสอบีสมมตี�ฐานและเพิ,�อ ย,นย นการค์�นพิบี

Page 92: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แนวิค์�ดตี วิแปรอ�สระ ตี วิแปรตีาม

เพิศ พิฤตี�กรรมการใช�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3ง

อาย%

การศ6กษาภ�ม�ภาค์

รายได�

Page 93: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิแบีบี (Model)

- แสดงค์วิามส มพิ นธี"ข้องตี วิแปรที่��ตี�องการศ6กษา อย��ในร�ปข้อง Chart หร,อ สมการ- ที่ดสอบีแนวิค์�ด ค์วิามเช,�อ สมมตี�ฐาน

Page 94: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย (Research Methodology)

1. แบีบีข้องการวิ�จั ย• เป7น survey / descriptive / experiment ใช� design แบีบีใด

• เป7น qualitative หร,อ quantitative

2. ประชากร

Page 95: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. 3. ตี วิอย�างตี วิอย�าง• ข้นาด ข้นาด ((เที่�าไรเที่�าไร))

• การส%�มตี วิอย�าง การส%�มตี วิอย�างเป7นแบีบีใดเป7นแบีบีใด 4 . 4 . การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

• วิ�ธี�การจั ดเก)บีวิ�ธี�การจั ดเก)บี• ม�การให� ม�การให� treatment treatment หร,อไม�หร,อไม�

Page 96: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5 . เค์ร,�องม,อ• แบีบีสอบีถุาม / แบีบีส มภาษณ" / การส งเกตี• รายละเอ�ยด แบีบีสอบีถุาม• ม�การที่ดสอบี reliability หร,อไม� ค์�าเป7นเที่�าไร

Page 97: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. การที่ดสอบีข้�อม�ล• ตี วิแปรในการวิ�จั ย ประกอบี

ด�วิยตี วิแปรอ�สระ ตี วิแปรตีามอะไรบี�าง• สถุ�ตี�ที่��ใช�ในการที่ดสอบี7. การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

• ใช�วิ�ธี�การใด

Page 98: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การวิ ดค์�ากระบีวินการแปรสภาพิแนวิค์วิามค์�ด (concepts) หร,อตี วิแปร (variables) ซึ่6�งม�ล กษณะเป7นนามธีรรมให�เป7นข้�อม�ลที่างสถุ�ตี�เช�งปร�มาณหร,อเช�งค์%ณภาพิ

Measurement

Page 99: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Individuals2. Groups3. Organizations4. Social Artifacts

Units of Analysis

Page 100: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Cross-Sectional Studies2. Longitudinal Studies

The Time Dimension

Page 101: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Nominal scale นามบี ญญ ตี�• จั ดกล%�ม ค์รอบีค์ล%ม ค์รบีถุ�วิน• ไม�สามารถุด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�

ระด บีข้องการวิ ดค์�า

Page 102: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

เพิศ1. ชาย 2. หญ�ง

ภาค์1. เหน,อ 2. กลาง 3. อ�สาน4. ใตี� 5. กที่ม.

2 - 1 ไม�เที่�าก บี 5 - 4

2 ไม�มากกวิ�า 1

Page 103: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Ordinal scale เร�ยงล�าด บี /อ นด บีมาตีรา • จั ดกล%�ม ค์รบีถุ�วิน + จั ดล�าด บี• ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได� เพิ�ยงมากกวิ�า น�อยกวิ�าตี�าแหน�ง 1 = อาจัารย" 2 = ผศ.

3 = รศ. 4 = ศ. 2 > 1 4 > 3

แตี� - 2 1 =/= 4 -3

Page 104: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

IIIIIIII IIIII 3

อ นตีรภาค์• Nominal + Ordinal

• ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�ถุ6ง +,-

• ไม�ม�ศ�นย"ส มบี�รณ"(absolute zero)

อ%ณหภ�ม�oF

oC

Page 105: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. Ratio scale อ ตีราส�วิน• Nominal + Ordinal

• ศ�นย"ส มบี�รณ" ด�าเน�นการที่างค์ณ�ตีศาสตีร"ได�ค์รบีน�3าหน ก0 20 40 ก�โลกร ม

ส�วินส�ง0 50 100

เซึ่นตี�เมตีร

Page 106: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การแปลงระด บี …อาย% .. ปB

อ ตีราส�วินอาย% [ ] 0 - 4 ปB [ ] 5 - 9 ปB

อ นด บี [ ] 10 - 14 ปB [ ] 15

- 19 ปBอาย% [ ] ตี��ากวิ�า 20 ปB [ ]

20 ปBข้63นไป นามบี ญญ ตี�

Page 107: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ATTITUDEAffective component

ค์วิามร��ส6กCognitive component

ค์วิามค์�ดbehavioral component

พิฤตี�กรรม

Page 108: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Comparative scales Noncomparative scalesNoncomparative scales

Scaling Techniques

Paired

Comparison

Paired

ComparisonRank

Order

Rank

OrderConstant

sum

Constant

sumQ-sort

Others

Q-sort

OthersContinuons

Rating Scales

Continuons

Rating ScalesItemized

Rating Scales

Itemized

Rating Scales

LikertLikert Sematic Differential

Sematic Differential

StapleStaple

Page 109: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

-Paired comparison

- Rank order

- constant sum

- Q-sort

Comparative scalesComparative scales

Page 110: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Paired comparison Scaling

รร.1 รร.2 รร.3 รร.4

รร.1 0 0 0

รร.2 1 0 0

รร.3 1 1 0

รร.4 1 1 1

รวิม 3 2 1 0

1 = col > row 0 = col < row

Page 111: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Rank order scalingโปรดจั ดอ นด บีพิรรค์การเม,องที่��ที่�านชอบี

พิรรค์ อ นด บี A

B

C

D

E

Page 112: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Constant sum scalingโปรดให�ค์ะแนนค์วิามน�ยมพิรรค์การเม,องค์%ณล กษณะ พิรรค์ ก.

พิรรค์ ข้.

นโยบีายผลงานห วิหน�าพิรรค์ผ��สม ค์รรวิม 100 100

Page 113: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

- Continuous rating scales

- Itemized rating scales

- Likert

- Semantic differential

- Staple1

Noncomparative scalesNoncomparative scales

Page 114: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Continuous rating scales

ที่�านพิ6งพิอใจัห�างบี วิข้าวิอย�างไรแย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ดแย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ด

แย�ที่��ส%ด ด�ที่��ส%ด 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100

0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 100

แย�มาก ปานกลาง ด�ที่��ส%ด

Page 115: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Likert scale1 = ไม�เห)นด�วิยอย�างย��ง 4 = เห)นด�วิย2 = ไม�เห)นด�วิย 5 = เห)นด�วิย อย�างย��ง3 = เฉย ๆ

รายการรายการ 11 22 33 44 55

1. ………….1. ………….

2. …………..2. …………..

Page 116: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Semantic differential scales

ค์วิามเห)นตี�อห�างบี วิข้าวิ ล�าสม ย -- -- -- -- -- -- -- ที่ นสม ย

บีร�การไม�ด� -- -- -- -- -- -- -- บีร�การด� ราค์าถุ�ก -- -- -- -- -- -- -- ราค์าแพิง

ที่��จัอดรถุไม�สะดวิก -- -- -- -- -- -- -- ที่��จัอดรถุสะดวิก

X

XX

X

Page 117: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Stapel scales ค์วิามค์�ดเห)นตี�อโรงพิยาบีาล ก ข้ ค์

-3 -2 -1 บีร�การด� +1 +2 +3

-3 -2 -1 ราค์าเหมาะสม +1 +2+3

Page 118: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กเกณฑ์"1. จั�านวินระบีบีค์ะแนนที่��จัะใช�2. Balanced vs Unbalance scale

3. เลข้ค์�� vs เลข้ค์��4. บี งค์ บี vs ไม�บี งค์ บีการแสดงค์วิามค์�ดเห)น5. ร�ปแบีบี

Page 119: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Thermometer scale

Smiling face scale

1007550250

ชอบีมาก

ไม�ชอบีมาก

1 2 3 4 5

Page 120: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Scale Evaluation

ReliabilityReliabilityGeneralizability

Page 121: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อม�ลที่��ใช�ในการวิ�จั ยข้�อม�ลที่��ใช�ในการวิ�จั ย

1. 1. ข้�อม�ลปฐมภ�ม� ข้�อม�ลปฐมภ�ม� (primary data)(primary data)

2. 2. ข้�อม�ลที่%ตี�ยภ�ม� ข้�อม�ลที่%ตี�ยภ�ม� (secondary data)(secondary data)

Page 122: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

เค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

1. แบีบีสอบีถุาม (Questionnaire)

2. แบีบีส มภาษณ" (Interview schedule)

3. แบีบีตีรวิจัรายการ (Check list)

4. แบีบีที่ดสอบี (Test)

5. การส งเกตี (Observation)

Page 123: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

• ข้�อค์�าถุามที่��เก��ยวิข้�องก บีข้�อ เที่)จัจัร�ง ค์วิามค์�ดเห)น ค์วิาม

เช,�อ ที่ ศนค์ตี� ที่��รวิบีรวิมอย�างม� หล กเกณฑ์"เป7นระบีบี เพิ,�อให�

ประชากร / ตี วิอย�างเป7นผ��ตีอบี• สร�างจัากวิ ตีถุ%ประสงค์"สมมตี�ฐานการวิ�จั ย

แบีบีสอบีถุาม

Page 124: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. 1. ค์�าถุามปลายเป9ด ค์�าถุามปลายเป9ด (Open (Open end question)end question)

ที่�านชอบีอาช�พิราชการเพิราะ ที่�านชอบีอาช�พิราชการเพิราะ …………....

ที่�านเห)นด�วิยก บีร�าง พิรบีที่�านเห)นด�วิยก บีร�าง พิรบี . .การศ6กษาเพิราะ …การศ6กษาเพิราะ …..

ค์�าถุามในแบีบีสอบีถุาม

Page 125: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์�าถุามปลายป9ด (Close end question)

2.1 แบีบีเล,อกตีอบี 1 จัาก 2 ข้�อ (Check list)

ที่�านเห)นด�วิยก บีนโยบีายการจั ดระเบี�ยบีส งค์มหร,อไม�[ ] 1. เห)นด�วิย [ ] 2. ไม�เห)นด�วิย

Page 126: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

22. แบีบีเล,อกตีอบี 1 ข้�อจัากหลายข้�อ (Multiple choices)

อาช�พิหล กข้องที่�านค์,อ [ ] 1. ร บีราชการ [ ]

2. ร ฐวิ�สาหก�จั[ ] 3 . บีร�ษ ที่เอกชน [ ] 4 .อาช�พิส�วินตี วิ[ ] 5 . อ,�น ๆ (ระบี% ) ………. .

Page 127: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

23. แบีบีเล,อกตีอบีได�หลายข้�อ (Multi-response)

สถุานประกอบีการข้องที่�านปร บีปร%งก�จัการอย�างไร[ ] 1. กวิดข้ นผ��มาใช�บีร�การมากข้63น[ ] 2. จั�าง รปภ . เพิ��มข้63น[ ] 3. ปร บีเวิลาการให�บีร�การเร)วิข้63น[ ] 4. ลดราค์าค์�าบีร�การ[ ] 5. อ,�น ๆ (ระบี% ) ………….

Page 128: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

24. แบีบีเร�ยงล�าด บีค์วิามส�าค์ ญ (Rank priority)

ที่�านเห)นด�วิยก บีนโยบีายใดมากที่��ส%ด (ให�เล,อกหมายเล,อก 1 , 2, 3, 4 ตีามล�าด บีที่��เห)นด�วิยมากที่��ส%ดไปหาน�อยที่��ส%ด)

[ ] การจั ดระเบี�ยบีส งค์ม[ ] 30 บีาที่ร กษาที่%กโรค์[ ] หน6�งตี�าบีลหน6�งผล�ตีภ ณฑ์"[ ] เง�นก��หม��บี�านละ 1 ล�านบีาที่

Page 129: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

25. แบีบีให�มาตีราส�วินประมาณค์�า (Rating scale)

ที่�านม�ค์วิามเห)นเก��ยวิก บีนโยบีาย 30

บีาที่ร กษาที่%กโรค์อย�างไร[ ] 1. ไม�เห)นด�วิยอย�างย��ง[ ] 2. ไม�เห)นด�วิย[ ] 3. ไม�ม�ค์วิามเห)น[ ] 4. เห)นด�วิย[ ] 5. เห)นด�วิยอย�างย��ง

Page 130: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ใช�ค์วิามน�าจัะเป7น (Probability sampling)

2. ไม�ใช�ค์วิามน�าจัะเป7น (Non probability sampling)

วิ�ธี�การส%�มตี วิอย�าง

Page 131: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Simple random sampling อย�างง�าย2. Systematic random sampling เป7นระบีบี3. Stratified random sampling ช 3นภ�ม�4. Cluster random sampling กล%�ม

Probability sampling

Page 132: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

IIIIIIIII III IIIII1

แบีบีเจัาะจัง 2. Convenience

IIIIIIII สะดวิก / บี งเอ�ญ 3. Quota sampling

โค์วิตี�า

Non probability sampling

Page 133: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้63นอย��ก บี 1. ล กษณะข้องประชากร 2. วิ�ธี�การวิ�จั ย 3. วิ�ธี�การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล 4. ข้นาดข้องประชากร 5. ข้นาดข้องค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนที่��ยอมร บีได� 6. งบีประมาณ ระยะเวิลา

ข้นาดตี วิอย�าง

Page 134: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

หล กการออกแบีบีวิ�จั ยหล กการออกแบีบีวิ�จั ย

MAX - MIN - CONMAX - MIN - CON

MAX MAX = Maximize the = Maximize the experimental varianceexperimental variance

MIN = Minimize the MIN = Minimize the error varianceerror variance

CON = CON = Control the Control the extraneous independent extraneous independent variablevariable

Experimental ResearchExperimental Research

Page 135: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการกล%�มเด�ยวิ

X O

2. แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการกล%�มเด�ยวิ

O X O

3. แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะกล%�มเด�ยวิ

O O O X O O O

Classical Designs

Page 136: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบี

X O

O

Page 137: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบี

X O

O X O

Page 138: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะม�กล%�มเปร�ยบีเที่�ยบีO O O X O O O

O O O O O O

Page 139: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7 . แบีบีที่ดสอบีหล งกระที่�าการม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R X O

R O

8 . แบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R O X O

R O O O

Page 140: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

9 . แบีบีที่ดสอบีหลายค์ร 3งเป7นระยะม�กล%�มค์วิบีค์%มR O O O X O O O

R O O O O O O

แบีบีปร บีปร%งแบีบีที่ดสอบีก�อนและหล งกระที่�าการแยกกล%�มก นและม�กล%�มค์วิบีค์%ม

R O

R X O

Page 141: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แบีบีโซึ่โลมอน 4 กล%�ม

R O1 X O2

R O3 O4

R X O5

R O6

Page 142: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Statistical Designs

1. Completely Randomized Design2. Randomized - Block Design3. Latin Square Design4. Factorial Design

Page 143: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การแจักแจังข้�อม�ล• การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล• การที่ดสอบีสมมตี�ฐาน

บีที่ที่�� 4 การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 144: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สถุ�ตี�ที่��เหมาะสมก บีสถุ�ตี�ที่��เหมาะสมก บีระด บีการวิ ดระด บีการวิ ด

1. Nominal

Percentage

Mode

Chi-square

Binomial test

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

Page 145: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Ordinal

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

PercentileMedian

rank-order correlation

Page 146: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3 . Interval

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

RangeMeanS.D.

Product - moment correlation

Page 147: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. Ratio

Geometric mean

Coefficient of correlation

สถุ�ตี�ที่��ใช�ตีามระด บีข้�อม�ล

Page 148: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Descriptive StatisticsDescriptive Statistics

( . . , . . , . . )ModeMeadian

ค์�ากลางค์�ากลาง

การกระจัายการกระจัายRange Interquartile rangeADSD

Page 149: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามส มพิ นธี"Parametric Statistics

I IIIIII IIIIIII I II III IIIIIIIIIII I Point biserial correlation Ipb

I IIIIIII IIIIIIIIIII I b

Multiple correlation R1.23

I IIIIIII IIIII IIIIIIIIIIIIIIII II IIII IIIII IIIIIIIIIII

I IIIIII’s tau correlation

Page 150: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Univariate technique

Metric DataNonmetric Data

Page 151: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Metric Data

One sample– t-test– Z test

Two or more sample– Independent - Related

Two groups t test - Paired t test

Z test One way ANOVA

Page 152: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Nonmetric Data

One sample Two or more sample– Frequency - Independent– Chi-square

- Chi-square– K-S - Mann-Whitney– Runs - K-S– Binomial - K-W ANOVA

- Related - Sign - Wilcoxon

- McNemar - Chi-square

Page 153: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Multivariate techniques

Dependent techniques

Interdependent techniques

Page 154: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Dependent techniques

- One dependent variable - More than one Dependent Variable

- Cross Tabulation (More than two variable)

- Multivariate Analysis of Variance

- Analysis of Variance and Covariance and Covariance

- Multiple regression - Canonical Correlation

- Two-Group Discriminant Analysis - Multiple Discriminant Analysis

- Conjoint Analysis

Page 155: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Interdependent techniques

Variable Interdependent– Factor

Analysis

Interobject Similarity– Cluster

Analysis– Multidimensi

onal Scaling

Page 156: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่ที่�� 5 สร%ป รายงานผลและข้�อเสนอแนะ

ภาค์ผนวิกบีรรณาน%กรม

Page 157: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

องค์"ประกอบีข้องงานวิ�จั ยที่��ด�น กวิ�จั ยจัะตี�อง1. ม�ค์วิามร��ในเร,�องน 3น ๆ2. ม�ค์วิามสามารถุในการระบี%ป*ญหาได�แม�นย�า3. ม�ค์วิามร��ในระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย4. ม�ค์วิามร��ในเร,�องสถุ�ตี�เพิ,�อการที่ดสอบี

Page 158: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ที่�ศที่างการวิ�จั ยในอนาค์ตี

* บี�รณาการ ช%ดโค์รงการวิ�จั ย * Action - Research

* Area - Base* ม�ส�วินร�วิม

Page 159: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�างระด บีชาตี�* ย%ที่ธีศาสตีร"การเสร�มสร�างการพิ ฒนาที่��ย �งย,นข้องประเที่ศ* ย%ที่ธีศาสตีร"การพิ ฒนาส งค์ม* ย%ที่ธีศาสตีร"ค์วิามม �นค์ง การตี�างประเที่ศและการอ�านวิย ค์วิามย%ตี�ธีรรม* ย%ที่ธีศาสตีร"การบีร�หารจั ดการประเที่ศ

Page 160: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

* ธี%รก�จัข้นาดกลางและข้นาดเล)ก * OTOP

* พิ ฒนาค์ม* ช%มชนส%ข้ภาพิ* พิล งงาน* การใช�ที่��ด�น* น�3า* ที่�านายผลผล�ตีการเกษตีร* ศ�ลปวิ ฒนธีรรมและการที่�องเที่��ยวิ* ภ ยพิ�บี ตี�

ระด บี มข้.

Page 161: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

จัรรยาบีรรณน กวิ�จั ย 1. 1. ซึ่,�อส ตีย" ม�ค์%ณธีรรมซึ่,�อส ตีย" ม�ค์%ณธีรรม

2. 2. พิ นธีะกรณ� ในการที่�าพิ นธีะกรณ� ในการที่�าวิ�จั ยวิ�จั ย

3. 3. ม�พิ,3นฐานค์วิามร��ม�พิ,3นฐานค์วิามร��

4. 4. ร บีผ�ดชอบีตี�อส��งที่��ร บีผ�ดชอบีตี�อส��งที่��ศ6กษาวิ�จั ยศ6กษาวิ�จั ย

5. 5. เค์ารพิศ กด"ศร�และเค์ารพิศ กด"ศร�และส�ที่ธี�ข้องมน%ษย"ส�ที่ธี�ข้องมน%ษย"

6. 6. อ�สระที่างค์วิามค์�ด อ�สระที่างค์วิามค์�ด ปราศจัากอค์ตี�ปราศจัากอค์ตี�

Page 162: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. น�าผลงานวิ�จั ยไปใช�ในที่างที่��ชอบี8. เค์ารพิค์วิามค์�ดเห)นที่างวิ�ชาการข้องผ��อ,�น9. ม�ค์วิามร บีผ�ดชอบีตี�อส งค์มที่%กระด บี

จัรรยาบีรรณน กวิ�จั ย (ตี�อ)

Page 163: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภ�ม� 1 : ค์วิามส มพิ นธี"ค์วิามร��เด�ม ป*ญหาข้�อเที่)จัจัร�ง และค์วิามร��ใหม�

ค์วิามร��เด�ม

ค์วิามร��ใหม� ป*ญหา

ข้�อเที่)จัจัร�ง

ค์วิามส มพิ นธี"

Page 164: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีารางที่�� 1 การแบี�งประเภที่ข้องการวิ�จั ยตีามเกณฑ์"ตี�าง ๆแบี�งตีาม

ล กษณะข้องข้�อม�ล

แบี�งตีามวิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการ

วิ�จั ย

แบี�งตีามศาสตีร"ที่��เก��ยวิข้�อง

แบี�งตีามการค์วิบีค์%มตี วิแปร

แบี�งตีามเวิลา แบี�งตีามระเบี�ยบีวิ�ธี�

วิ�จั ย- กำ�รว�จั�ยเช้�ง

ปร�ม�ณ์- กำ�รว�จั�ยเช้�ง

ค�ณ์ภิ�พ* Mixed - Method

- กำ�รว�จั�ยม!ลฐ�นหร,อกำ�รว�จั�ยบร�ส�ทธี�:

- กำ�รว�จั�ยประย�กำตั"

- กำ�รว�จั�ยเช้�งปฏ�บ�ตั�

- กำ�รว�จั�ยเฉพ�ะศึ�สตัร"

- กำ�รว�จั�ยสหว�ทย�กำ�ร

- กำ�รว�จั�ยในห องปฏ�บ�ตั�กำ�ร

- กำ��รว�จั�ยสน�ม

- กำ�รว�จั�ยเอกำส�ร

- กำ�รศึ1กำษ�เฉพ�ะกำรณ์�

- กำ�รว�จั�ยเช้�งปฏ�บ�ตั�กำ�ร

- กำ�รว�จั�ยภิ�คตั�ดข้ว�ง

- กำ�รว�จั�ยระยะเวล�หร,อ

- กำ�รว�จั�ยเช้�งประว�ตั�ศึ�สตัร"

- กำ��รว�จั�ยเช้�งป-จัจั�บ�น

- กำ�รว�จั�ยอน�คตั

- กำ�รว�จั�ยเช้�งว�เคร�ะห"

- กำ�รว�จั�ยเช้�งบรรย�ย

- กำ��ร�จั�ยเช้�งทดลอง

Page 165: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ตี วิแปร (Variable)

ตี วิแปร- ส��งที่��สนใจัที่��โดยที่ �วิ ๆ ไปแล�วิสามารถุแปรค์�าได�ตี�าง ๆ ก น เช�น เพิศ,อาย%, น�3าหน ก, ส�วินส�ง, รายได� ฯลฯ

ตี วิแปรอ�สระ(Independent )

ตี วิแปรตีามDependent

ตี วิแปรแที่รกซึ่�อน(Extraneous)

ตี วิแปรสอดแที่รก(Intervening)

Page 166: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. ล กษณะข้องตี วิแปร

ตี วิแปรเช�งค์%ณล กษณะ(Qualitative)

ตี วิแปรไม�ตี�อเน,�อง(Discreate)

ตี วิแปรเช�งปร�มาณ

(Quantitative)

ตี วิแปรตี�อเน,�อง

(Continuous)

ล กษณะล กษณะ ปร�มาณปร�มาณ

Page 167: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. มาตีรวิ ด ตี วิแปร (Measuvenent)

- นามบี ญญ ตี� (Norminal Scales)- เร�ยงอ นด บี (Ordinal Scales)- มาตีราส�วิน (Interval Scales)- อ ตีราส�วิน (Ration Scales)

กล%�ม,พิวิกมาก > น�อย

หน�วิยวิ ดเที่�าก น ,ม�ศ�นย"เที่�ยมม�ศ�นย"แที่�

Page 168: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. เค์ร,�องม,อวิ ดค์�าข้องตี วิแปร เค์ร,�องม,อวิ�จั ย

- แบีบีที่ดสอบี- แบีบีมาตีราส�วินประมาณค์�า- แบีบีสอบีถุาม- แบีบีส งเกตี - แบีบีส มภาษณ"- ฯลฯ

ข้�อม�ลตี วิแปร

เค์ร,�องม,อวิ ด

Page 169: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณภาพิข้องข้�อม�ล1. การค์วิบีค์%มค์%ณภาพิข้องข้�อม�ลจัากการปฏิ�บี ตี�งานสนาม

1. การวิางแผน การที่ดสอบีเค์ร,�องม,อ - แบีบีสอบีถุาม - แบีบีส มภาษณ" การเก)บีข้�อม�ลเช�งค์%ณภาพิ Case Study

ภาษาล�าด บีข้�อค์วิามที่ดลองใช�เวิลาที่��ใช�

2. ช�วิงเวิลาที่��ส�ารวิจั- เวิลาที่��อ�างอ�ง

- เวิลาที่��เหมะสมในการเก)บีข้�อม�ล- ค์วิามสะดวิกในการเด�นที่างค์�าใช�จั�าย

Page 170: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. การเตีร�ยมอ%ปกรณ"* บี ตีรประจั�าตี วิ* แบีบีสอบีถุาม/ส มภาษณ"* ค์��ม,อปฏิ�บี ตี�งาน* แฟั�ม/ถุ%งพิลาสตี�ก/ร�ม* แผนที่�� + รถุยนตี"

ปากกา/ด�นสอ

ข้องตีอบีแที่น ?

4. การประสานงานก บีบี%ค์ค์ลในเข้ตีส�ารวิจั * ก�าน น/ผ��ใหญ�บี�าน/อบีตี . ฯลฯ > ผ��วิ�า “CEO” * เบีอร"โที่รศ พิที่" [ปกตี� + ฉ%กเฉ�น]

* จั%ดน ดหมาย เวิลา/สถุานที่��

Page 171: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. บีที่บีาที่และค์%ณสมบี ตี�ผ��ปฏิ�บี ตี�งานสนาม1. บีที่บีาที่

* อธี�บีายให�ผ��ตีอบีเห)นค์วิามส�าค์ ญ และประโยชน"ข้องงานวิ�จั ย* ถุามค์�าถุามให�ผ��ตีอบีเข้�าใจั ตีอบีวิ ตีถุ%ประสงค์"ที่��ผ��วิ�จั ยตี�องการ* ตี�องเก)บีข้�อม�ลด�วิยค์วิามซึ่,�อส ตีย" ไม�ล�าเอ�ยง (ไม�สร�างข้�อม�ลเที่)จั)* ส งเกตีพิฤตี�กรรม และสภาพิแวิดล�อม

Page 172: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. ค์%ณสมบี ตี�* ค์วิามร��/ประสบีการณ"* ค์วิามตี 3งใจั/อดที่น/ซึ่,�อส ตีย"/ร บีผ�ดชอบี* บี%ค์ล�กภาพิ/ที่ ศนค์ตี�

เห)นประโยชน"และค์วิามส�าค์ ญข้องข้�อม�ลจัร�ง3. การฝึEกอบีรมผ��ปฏิ�บี ตี�งานสนาม

* หล กส�ตีรการฝึEกอบีรม ( วิ ตีถุ%ประสงค์" กตี�กา ฯ )* วิ�ธี�การฝึEกอบีรม บีรรยาย/ส มมนา/ฝึEกปฏิ�บี ตี�ฯ* หล กการส มภาษณ" ที่ดลองปฏิ�บี ตี�

ค์รบีถุ�วิน ? ถุ�กตี�อง ? เช,�อถุ,อได� ?ก�อน ส มภาษณ" หล ง

Page 173: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. การส มภาษณ"/วิ�ธี�ปฏิ�บี ตี�ตี�อผ��ให�ส มภาษณ"1. สร�างค์วิามเป7นม�ตีร เป7นก นเอง2. บีอกวิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการส มภาษณ"3. “ ”ให�ค์วิามม �นใจัวิ�า ข้�อม�ลส�วินตี วิเป7นค์วิามล บี4. แสดงค์วิามสนใจัค์�าพิ�ด ค์�าตีอบี อย�างจัร�งจั ง5. ถุ�าส มภาษณ"ตีามแบีบี/ โค์รงสร�าง ค์วิรเร�ยงตีามแบีบี ไม�ม�แบีบี/ กรอบี ค์วิรสอดค์ล�องตี�อเน,�อง6. อย�าตี 3งค์�าถุามนอกเร,�องโดยไม�จั�าเป7น7. ระม ดระวิ งในการตี 3งค์�าถุาม

- ค์วิามเร�ยบีง�ายข้องถุ�อยค์�า- ค์�าถุามน�า/ ……ช กจั�ง .(ตีอบีตีามใจัผ��ส มภาษณ")

Page 174: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

8. ค์วิรใช�การส งเกตี% ม�ไหวิพิร�บี ระหวิ�างส มภาษณ"9. อย�าใช�ตี วิย�อ/ ส ญล กษณ" บี นที่6กค์�าตีอบี10. ข้อบีค์%ณผ��ตีอบีส มภาษณ"และกล�าวิอ�าลา

ค์วิามผ�ดพิลาดข้องน กวิ�จั ย

- ข้าดประสบีการณ" ม,อใหม�- เตีร�ยมตี วิไม�มากพิอ- สถุานการณ"แวิดล�อมค์%กค์าม

3. การส มภาษณ"/ วิ�ธี�ปฏิ�บี ตี�ตี�อผ��ให�ส มภาษณ" (ตี�อ)

“ RESEARCHER ”

Page 175: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณข้องน กวิ�จั ยที่��ด� 1. ค์%ณล กษณะด�านอารมณ"และค์วิามร��ส6ก (Emotion)

1.1 ม�ค์วิามสนใจั อยากร�� อยากเห)น ตีลอดเวิลา1.2 ม�ที่ ศนค์ตี�ที่��ด�ตี�อการแสวิงหาค์วิามร�� หร,อการวิ�จั ย1.3 ม�ค์วิามร�� และสน%กในการที่�างาน1.4 ม�จั�ตีใจัด� ประสานงานก บีผ��อ,�นได�1.5 ม�ค์วิามกระตี,อร,อร�นในการที่�างานวิ�จั ย 2 . ค์%ณล กษณะด�านค์วิามร�� (Knowledge)

2.1 ม�ค์วิามร��ค์วิามสามารถุในการวิ�เค์ราะห"2.2 ที่�างานอย�างม�ระบีบี ตีามแผนงานที่��วิางไวิ�2.3 ม�ค์วิามร��ในระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย วิ�ธี�การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล โดยเฉพิาะวิ�ธี� การที่างสถุ�ตี� และเค์ร,�องม,อสน บีสน%นการวิ�จั ย2.4 ม�ค์วิามร��ค์วิามสามารถุในการส งเค์ราะห"และสร%ปผล

Page 176: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์%ณล กษณข้องน กวิ�จั ยที่��ด� (ตี�อ)

3 . ค์%ณล กษณะด�านการตี ดส�นใจั (Decision)3.1 กล�าค์�ด กล�าตี ดส�นใจั3.2 ม�ค์วิามรอบีค์อบี ตี ดส�นใจัด�วิยเหตี%ผล3.3 เป7นค์นม�เหตี%ผล3.4 ม�ค์วิามสามารถุในการค์วิบีค์%มตีนเองให�กระที่�าตีามหล กวิ�ชาและแผน ที่��วิางไวิ�3.5 ม�ค์วิามสามารถุในการประเม�นส��งตี�าง ๆ ได�ถุ�กตี�อง

4. ฝึEกฝึนตีนเองให�เป7นค์นช�างส งเกตี จัดจั�าส��งตี�าง ๆ ได�อย�างแม�นย�า5. ฝึEกฝึนตีนเองให�ยอมร บีค์วิามจัร�งและค์วิามค์�ดเห)นข้องผ��อ,�น

Page 177: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ระเบี�ยบีวิ�ธี�การวิ�จั ย (Research Methodology) จัะเป7นการน�าเอาวิ�ธี�การที่างวิ�ที่ยาศาสตีร" มาประย%กตี"ใช�ก บีการศ6กษาข้�อเที่)จัจัร�งในเร,�องหน6�งเร,�องใด โดยม�ข้ 3นตีอนพิ,3นฐานส�าค์ ญ ด งน�3

1. การก�าหนดประเด)นป*ญหา (Statement of the Problem)

2. การที่บีที่วินวิรรณกรรม (Review of Literature)

3 . การก�าหนดวิ ตีถุ%ประสงค์"และกรอบีแนวิค์�ด (Conceptual Framework)

4 . การออกแบีบีวิ�จั ย (Research Design) 5 . การก�าหนดประชากรและการเล,อกตี วิอย�าง

(Target Population and Samples) 6 . การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล (Data Collection) 7 . การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล (Data Analysis) 8 . การน�าเสนอและการเข้�ยนรายงาน

(Reporting) 9 . การวิางแผนและการค์วิบีค์%มงานวิ�จั ย

(Research Planning and Controling)

Page 178: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภ�ม� 2 : ร�ปแบีบีการเข้�ยนวิ ตีถุ%ประสงค์"งานวิ�จั ยที่างด�านส งค์มศาสตีร"

• ศึ1กำษ�…• ว�เคร�ะห"…• เปร�ยบเท�ยบ…• เข้ �ใจัถ1ง...

• พฤตั�กำรรม• ผลกำระทบ• ป-ญห�• คว�มร! • ท�ศึนคตั�• ค��น�ยม• ข้ อเท�จัจัร�ง• คว�มส�มพ�นธี"

• เพ,*อ …….

Page 179: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : โค์รงการวิ�จั ยเร,�อง : “พิฤตี�กรรมการร บีข้�าวิสารข้องเยาวิชนเก��ยวิก บี การรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"”

วิ ตีถุ%ประสงค์"

1. เพิ,�อศ6กษาถุ6งพิฤตี�กรรมการร บีข้�าวิสารการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"ข้องเยาวิชน2. เพิ,�อศ6กษาถุ6งส,�อที่��เข้�าถุ6งเยาวิชนในการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"บี�อยค์ร 3งที่��ส%ด3. เพิ,�อศ6กษาค์วิามร�� ที่ ศนค์ตี�ข้องเยาวิชนในการรณรงค์"ป�องก นโรค์เอดส"

Page 180: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : บี ตีรแข้)งบี นที่6กข้�อม�ล Memo Card ข้นาด 5”x 8” หร,อ 4” x 6”

ด�านหน�า ด�านหล งเลข้ที่��……..

ช,�อ - นามสก%ล/หน�วิยงาน………………………….ช,�อ/ประเภที่หน งส,อ……………………………….ห วิข้�อเร,�อง……….. ……………………………….หมายเลข้หน�า ……………………………………..หน�วิยงาน/สถุานที่��พิ�มพิ" …………………………..ปBที่��พิ�มพิ" ……… ……เล�มที่�� ..ค์ร 3งที่��พิ�มพิ"………….เลข้ที่��หม��หน งส,อ …………………………………..สถุานที่��เก)บีข้�อม�ล ………………………………….วิ นเด,อนปBที่��บี นที่6ก …………………………………หมายเหตี%…………………………………………..

สารส�าค์ ญ……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..……………………………………………………..

Review Literature

Page 181: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : ตี วิแปรและการร�างแบีบีสอบีถุาม “โค์รงการวิ�จั ยเร,�อง ที่ ศนค์ตี�ข้องผ��บีร�โภค์ในเข้ตีจั งหวิ ดข้อนแก�นที่��ม�ตี�อ

”ยาสม%นไพิรที่��ผล�ตีภายในประเที่ศ

1 . เพิศ (SEX) 2. อาย% (AGE) 3. อาช�พิ (OCCUPATION) 4. สถุานภาพิสมรส (MARITAL STATUS) 5. ค์%ณวิ%ฒ�ที่างการศ6กษา (DEGREE) 6. เง�นเด,อน (SALARY) 7. จั�านวินค์นในค์รอบีค์ร วิ (Number of Family)

1. ค์�าถุามเก��ยวิก บี ข้�อม�ลส�วินตี วิ

Page 182: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�าง : ตี วิแปรและการรางแบีบีสอบีถุาม (ตี�อ)8. เหตี%ที่��ใช�9. ย��ห�อข้องสม%นไพิรที่��ผล�ตีในประเที่ศ10. ผ��ใช�11. ผ��ซึ่,3อ12. ค์วิามเหมาะสม15. ส��งที่��ตี�องการให�ม�16. ผลตี�อส��งแวิดล�อม

17. ป*จัจั ยที่��ตี ดส�นใจัซึ่,3อ21. น�ยมใช�ตีามเพิ,�อน22. ข้�อที่��ค์วิรแก�ไข้และปร บีปร%ง23. เม,�อเปร�ยบีเที่�ยบีก บีสม%นไพิรตี�างประเที่ศ

2. ค์�าถุามเก��ยวิก บี ที่ ศนค์ตี�

12. ราค์า13. ข้นาด14. ภาชนะบีรรจั%ภ ณฑ์"

17. ย��ห�อ18. ค์%ณภาพิ19. ราค์า20. สะดวิก

Page 183: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีาราง แผนงานการวิ�จั ย : การบีร�หารเวิลาเข้�ยนในร�ป Gantt Chart

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12

1. ศ6กษาเอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง2. สร�างเค์ร,�องม,อ3. ที่ดลองใช�และปร บีปร%งเค์ร,�องม,อ4. รวิบีรวิมข้�อม�ล5. ประมวิลผลและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล6. แปลผลและเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย7. พิ�มพิ"รายงานการวิ�จั ย

ก�จักรรมและข้ 3นตีอนการด�าเน�นการวิ�จั ย ( )ระยะเวิลา เด,อน

Page 184: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

บีที่สร%ป : การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย

1. การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย เป7นข้ 3นตีอนที่��ผ��วิ�จั ยด�าเน�นการภายหล งจัากการ วิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลและแปลผลเร�ยบีร�อยแล�วิ ถุ,อวิ�าเป7นข้ 3นตีอนที่��ม�ค์วิามส�าค์ ญ อ�กข้ 3นตีอนหน6�ง เพิราะวิ�าเป7นข้ 3นตีอนที่��ผ��วิ�จั ยจัะได�เสนอข้�อค์�นพิบีที่��ส�าค์ ญ จัากการวิ�จั ย เผยแพิร�ไปย งผ��ใช�ผลการวิ�จั ย หร,อสาธีารณชน โดยเฉพิาะ อย�างย��งแหล�งที่��ให�การสน บีสน%นการวิ�จั ยน 3น ๆ

2. ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ส�วินใหญ�จัะม�องค์"ประกอบี 3 ส�วิน ได�แก� 2.1) ส�วินน�า เป7นส�วินที่��ประกอบีด�วิย ปกนอก ใบีรองปก หน�าช,�อเร,�อง บีที่ค์ ดย�อ ก�ตีตี�กรรมประกาศ สารบี ญ สารบี ญตีาราง และสารบี ญภาพิ

Page 185: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

1) บีที่น�า2) เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง3) วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย4) ผลการวิ�จั ย5) สร%ปผลการวิ�จั ย อภ�ปรายผล และข้�อเสนอแนะ

2.3) ส�วินอ�างอ�ง เป7นส�วินที่��ประกอบีด�วิยบีรรณาน%กรม ภาค์ผนวิก และประวิ ตี�ผ��วิ�จั ย

3. วิ�ธี�การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยในแตี�ละองค์"ประกอบี หร,อแตี�ละส�วินที่ 3ง 3 ส�วิน ด งกล�าวิข้�างตี�น ม�หล กเกณฑ์"และวิ�ธี�การเข้�ยนที่��ม�ล กษณะเฉพิาะ แตี�อย�างไรก) ตีาม หล กเกณฑ์"และวิ�ธี�การเข้�ยนด งกล�าวิ บีางองค์"กรหร,อสถุาบี นอาจัม�แนวิ ปฏิ�บี ตี�ข้องตีนเอง เพิ,�อให�ผ��วิ�จั ยใช�เป7นหล กในการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ให�เป7น ไปในแนวิเด�ยวิก น

2.2) ส�วินเน,3อเร,�อง เป7นส�วินที่��ส�าค์ ญแบี�งออกเป7นบีที่ ๆ จัะเป7นก��บีที่ก)ได� แตี�ใน การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ส�วินใหญ�จัะแบี�งออกเป7น 5 บีที่ ได�แก�

Page 186: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย การเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

4. ข้�อค์วิรระวิ งและค์วิรปฏิ�บี ตี�ในการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ที่��ผ��วิ�จั ยพิ6งตีระหน ก เพิ,�อให�รายงานการวิ�จั ยน 3นม�ค์วิามสมบี�รณ" สร%ปได�ด งน�3 1) ม�ค์วิามตีรงประเด)น โดยม%�งตีอบีป*ญหาการวิ�จั ยเที่�าน 3น 2) ม�ค์วิามถุ�กตี�องไม�บี�ดเบี,อนไปจัากข้�อเที่)จัจัร�งที่��ค์�นพิบี 3) ม�ค์วิามช ดเจันในการส,�อค์วิามหมายไม�ค์ล%มเค์ร,อวิกวิน 4) ม�ค์วิามส�ารวิมข้องผ��วิ�จั ยเอง โดยไม�ยกย�องตีนเอง 5) ม�ค์วิามสอดค์ล�องในการเข้�ยนที่%กบีที่ที่%กตีอนให�เป7นอ นหน6�งอ นเด�ยวิก น 6) ม�ค์วิามสม��าเสมอค์งเส�นค์งวิาในการใช�ถุ�อยค์�าหร,อข้�อค์วิามใด ๆ 7) ม�ค์วิามส�าค์ ญก�อนหล งข้องส��งที่��ค์�นพิบีโดยล�าด บีวิ�าส��งที่��ส�าค์ ญที่��ส%ดอย��ใน อ นด บีแรกเพิ,�อไม�ให�เก�ดค์วิามส บีสน 8) ม�จัรรยาบีรรณข้องน กวิ�จั ยโดยย6ดม �น ซึ่,�อส ตีย"ตี�อส��งที่��ตีนศ6กษา

Page 187: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ยร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย รายงานการวิ�จั ยโดยที่ �วิไปไม�วิ�าจัะเป7นรายงานการวิ�จั ยในสาข้าใด ๆ จัะม�ร�ปแบีบีหร,อโค์รงสร�างที่��หลากหลายและแตีกตี�างก น ที่ 3งน�3ข้63นอย��ก บีแนวิปฏิ�บี ตี�ข้องสถุาบี น องค์"กรหร,อหน�วิยงานที่��ก�าหนดไวิ�ให�ผ��วิ�จั ยปฏิ�บี ตี�ตีาม แตี�หากพิ�จัารณาโดยรวิมแล�วิส�วินใหญ�จัะม�ร�ปแบีบีและโค์รงสร�างที่��ประกอบีด�วิย 3 ส�วิน ได�แก�

1) ส�วินน�า 2) ส�วินเน,3อเร,�อง 3) ส�วินอ�างอ�ง (พิวิงร ตีน" ที่วิ�ร ตีน" 2538, : - 195196) ส�าหร บีรายละเอ�ยดข้องแตี�ละส�วินด งน�3

1. ส�วินน�า (Preliminary Section) ประกอบีด�วิย 1) ปกนอก 6) สารบี ญ

2) ใบีรองปก 7) สารบี ญตีาราง 3) หน�าช,�อเร,�อง 8) สารบี ญภาพิประกอบี 4) บีที่ค์ ดย�อ 5) ก�ตีตี�กรรมประกาศ

Page 188: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

2. ส�วินเน,3อเร,�อง (The Body of the Report)

ส�วินเน,3อเร,�องในรายงานการวิ�จั ยประกอบีด�วิยเน,3อเร,�องที่��ผ��วิ�จั ยแบี�งออกเป7น บีที่ ๆ จั�านวินบีที่จัะไม�แน�นอนข้63นอย��ก บีปร�มาณข้องเน,3อเร,�องและวิ�ธี�การวิ�จั ย

ส�าหร บีรายงานการวิ�จั ยที่างส งค์มศาสตีร"โดยที่ �วิไปน�ยมแบี�งบีที่ตี�าง ๆ ออกเป7น5 บีที่ ด งน�3บีที่ที่�� 1 บีที่น�า (Introduction) ประกอบีด�วิย

1) ค์วิามเป7นมาและค์วิามส�าค์ ญข้องป*ญหา 6) ข้�อจั�าก ดข้องการวิ�จั ย 2) วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการวิ�จั ย 7) น�ยามศ พิที่"เฉพิาะ 3) สมมตี�ฐานในการวิ�จั ย 8) ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี 4) ข้อบีเข้ตีข้องการวิ�จั ย 5) ข้�อตีกลงเบี,3องตี�น

Page 189: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

บีที่ที่�� 2 เอกสารและงานวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง (Review of Related Literature)ประกอบีด�วิย

1) ค์วิามหมายข้องค์�าที่��เป7นค์�าหล ก (key Word ) ข้องเร,�อง 2) แนวิค์�ดและที่ฤษฎี�ที่��เก��ยวิข้�อง 3) ผลการวิ�จั ยที่��เก��ยวิข้�อง

บีที่ที่�� 3 วิ�ธี�ด�าเน�นการวิ�จั ย ประกอบีด�วิย1) ประชากรและกล%�มตี วิอย�าง2) เค์ร,�องม,อที่��ใช�ในการวิ�จั ย3) การรวิบีรวิมข้�อม�ล4) การวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ล

Page 190: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

บีที่ที่�� 4 ผลการวิ�จั ย ประกอบีด�วิย1) ล กษณะที่ �วิไปข้องกล%�มตี วิอย�าง2) ผลการวิ�จั ยตีามวิ ตีถุ%ประสงค์" ( เร�ยงล�าด บีจัากข้�อ 1 ไป ในส�วินน�3อาจัม�ตีาราง และแผนภ�ม�ตี�าง ๆ ประกอบี)

บีที่ที่�� 5 สร%ปผลการวิ�จั ย อภ�ปรายผล และข้�อเสนอแนะ ในบีที่ที่�� 5 น�3จัะกล�างถุ6ง ตีามประเด)นที่ 3ง 3 ข้องบีที่ตีามล�าด บี ค์,อ1) สร%ปผลการวิ�จั ย2) อภ�ปรายผล3) ข้�อเสนอแนะ

Page 191: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ร�ปแบีบีการเข้�ยนรายงานการวิ�จั ย ((ตี�อตี�อ))

3. ส�วินอ�างอ�ง (Reference Section) 1) บีรรณาน%กรม (Bibliography) 2) ภาค์ผนวิก (Appendix) 3) ประวิ ตี�ผ��วิ�จั ย

วิ�จัย� ปญญาน� พิล�การวิ�จั ยเป7นพิล งแห�งป*ญญา

Page 192: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การตี 3งสมมตี�ฐานSetting

Hypothesis การตี 3งสมมตี�ฐานแบี�งเป7น 2 ประเภที่ใหญ�ๆค์,อ

1. สมมตี�ฐานที่างวิ�จั ย ( research hypothesis ) หร,อสมมตี�ฐานที่างวิ�ที่ยาศาสตีร"( scientific hypothesis )

2. สมมตี�ฐานที่างสถุ�ตี� ( statistical hypothesis )

Page 193: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างวิ�จั ย ( research hypothesis )

ค,อกำ�รค นค��ตัอบเพ,*อตัอบป-ญห�หร,อค�ดคะเน ค��ตัอบ โดยอ�จัม�

พ,+นฐ�นหร,อหล�กำกำ�รเกำ�*ยวกำ�บทฤษฎี�ท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บ ป-ญห�น�+น

กำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ยควรม�หล�กำกำ�ร หร,อเหตั�ผลท�*เหม�ะสม

โดยอ�ศึ�ยพ,+นฐ�นม�จั�กำผลง�นว�จั�ยท�*เกำ�*ยวข้ องกำ�บห�ว เร,*องท��กำ�รว�จั�ย

โดยกำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นท�งกำ�รว�จั�ยจั��เป4นตั องกำล��วน��ข้1+นม�กำ�อนท�*จัะ

ตั�+งสมมตั�ฐ�น ไม�ควรตั�+งสมมตั�ฐ�นข้1+นม�ลอยๆโดยไม�ม�ทฤษฎี�อ �งอ�ง

Page 194: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ล กษณะการตี 3งสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยที่��ด�ค์วิรม�ด งน�3

1. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นควรม�คว�มช้�ดเจันและเฉพ�ะเจั�ะจัง2. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นตั องเป4นส�*งท�*ทดสอบได

3. สมมตั�ฐ�นท�*ตั�+งข้1+นไม�ควรเป4นส�*งท�*ม�ข้อบเข้ตักำว �งจันเกำ�นไป4. สมมตั�ฐ�นควรตั�+งให สอดคล องกำ�บคว�มจัร�งท�*ปร�กำฏอย!�ในป-จัจั�บ�น ในเร,*องท�*จัะศึ1กำษ�

5. ภิ�ษ�ท�*ใช้ ตั�+งสมมตั�ฐ�นควรเป4นค��พ!ดท�*ง��ย ๆ เพ,*อให คว�มหม�ยช้�ดเจัน

Page 195: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ประโยชน"ข้องการตี 3งสมมตี�ฐานสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยม�ประโยชน"ด งน�3

1. ช้�วยให ผ! ว�จั�ยส�ม�รถเล,อกำตั�วแปรท�*ตั องกำ�รศึ1กำษ�ว��ม�ตั�วแปรอะไรบ �ง2. ช้�วยให ผ! ว�จั�ยเล,อกำข้ อม!ลท�*น��ม�ศึ1กำษ�ได ถ!กำตั องตัรงประเด�น

3 . ช้�วยจั��กำ�ดข้อบเข้ตักำ�รว�จั�ยและท��ให ป-ญห�ในกำ�รว�จั�ยช้�ดเจันข้1+น4. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยร! ว��ควรใช้ แบบกำ�รว�จั�ย (research design ) แบบใดจั1งจัะเหม�ะสมกำ�บป-ญห�ท�*ผ! ว�จั�ยตั องกำ�รศึ1กำษ�

5. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��ควรใช้ กำล��มตั�วอย��งอย��งไร

Page 196: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��จัะเกำ�บรวบรวมข้ อ ม!ลอย��งไร7.ช้�วยท��ให ผ! ว�จั�ยทร�บว��จัะใช้ สถ�ตั�อะไรทดสอบสมมตั�ฐ�น

8.ช้�วยกำ��หนดข้อบเข้ตัในกำ�รแปรคว�มหม�ยข้องผลง�นกำ�รว�จั�ย ว��ควรสร�ปออกำม�ในร!ปแบบใด

ล กษณะการตี 3งสมมตี�ฐานที่างวิ�จั ยที่��ด� (ตี�อ)

อย��งไรกำ�ตั�ม สมมตั�ฐ�นข้องกำ�รว�จั�ยแม ว��จัะม�ประโยช้น"ตั�อกำ�รว�จั�ย แตั�กำ�ไม�จั��เป4นตั องม�กำ�รตั�+งสมมตั�ฐ�นกำ�รว�จั�ยท�กำเร,*อง

Page 197: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สมมตี�ฐานที่างสถุ�ตี�(Statistical hypothesis)

หม�ยถ1งข้ อคว�มท�*เกำ�ยวข้ องกำ�บพ�ร�ม�เตัอร"ท�*ย�งไม�ทร�บค�� ซึ่1*งสมมตั�ฐ�นท�งสถ�ตั�น�+นประกำอบด วย 2 ส�วน ค,อ1. สมมตั�ฐ�นศึ!นย"(Null hypothesis) สมมตั�ฐ�นท�*ระบ�คว�มไม�แตักำตั��ง ข้องค��พ�ร�ม�เตัอร" “ ”จัะม�เคร,*องหม�ยเท��กำ�นปร�กำฏเสมอ

ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ แทนสมมตั�ฐ�นศึ!นย"ค,อ0H

เช้�น 20:0 H หม�ยถ1งค��เฉล�*ยข้องกำล��มประช้�กำรม�ค��เท��กำ�บ 20210 : H หม�ยถ1งค��เฉล�*ยข้องกำล��มประช้�กำรกำล��มท�* 1

ม�ค��เท��กำ�บค��เฉล�*ยช้องประช้�กำรกำล��มท�* 2

Page 198: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. สมมตั�ฐ�นเล,อกำ (alternative hypothesis) หม�ยถ1ง สมมตั�ฐ�นท�*ระบ�ถ1ง ค��พ�ร�ม�เตัอร"ในล�กำษณ์ะท�*เป4นส�วนประกำอบข้องสมมตั�ฐ�นศึ!นย" ว�� ถ �สมมตั�ฐ�นศึ!นย"ไม�ถ!กำตั อง ส�*งท�*ควรเป4นค,อข้ อใด

ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ แทนค,อ1Hกำ. สมมตั�ฐ�นเล,อกำแบบไม�ม�ท�ศึท�ง(non directional alternative hypothesis)

เช้�น79:

79:

1

0

H

H

จั�กำกำ�รกำ��หนด ค�� อ�จัม�กำกำว�� 79 หร,อ น อยกำว�� 79 กำ�ได ด�งน�+นกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นล�กำษณ์ะน�+จั1งเป4น

กำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบสองฐ�น (Two-tailed test)

79:1 H

Page 199: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

แผนภิ�พท�* 1 แสดงกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบสองท�ง

Page 200: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้. สมมตั�ฐ�นเล,อกำแบบม�ท�ศึท�ง (directional alternative hypothesis) ใช้ ในกำรณ์�ท�*ผ! ว�จั�ยม�คว�มค�ดค�อนข้ �งเฉพ�ะเจั�ะจัง และม�ท�ศึท�งแน�ช้�ดว��

ไปในท�ศึท�งใดเช้�น

79:

79:

1

0

H

Hสมมตั�ฐ�นค,อ

Page 201: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

79:

79:

1

0

H

Hสมมตั�ฐ�นค,อ

Page 202: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ศ พิที่"ที่��เก��ยวิข้�องก บีการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน1. คว�มม�น�ยส��ค�ญ(level of significance) ระด�บหร,อคว�มน��จัะเป4น ข้องคว�มเส�*ยงในกำ�รท�*จัะสร�ปผ�ดพล�ดบนพ,+นฐ�นข้องข้ อม!ลท�*ม�อย!� ส�ญล�กำษณ์"แทนระด�บคว�มม�น�ยส��ค�ญค,อ

2. บร�เวณ์ข้องกำ�รปฏ�เสธีสมมตั�ฐ�น(region of rejection)

3. บร�เวณ์ข้องกำ�รยอมร�บสมมตั�ฐ�น (region of acceptance)

4. ค��ว�กำฤตั(critical value)จั�ดแบ�งระหว��งบร�เวณ์ยอมร�บและปฏ�เสธี5. คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�* 1 (Type 1 error) ส�ญล�กำษณ์"ท�*ใช้ ค,อ

6. คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�* 2(type 2 error) ส�ญล�กำษณ์"ค,อ

7. กำ�รสร�ปผลกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�น

Page 203: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตีารางที่�� 1 สร%ปการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน

( ) ถ!กำตั องหร,อเป4นจัร�ง ( )ผ�ดหร,อเป4นเท�จั

ปฏ�เสธี คว�มค�ดเคล,*อนช้น�ดท�*

1 ( type 1 error)

อ��น�จัข้องกำ�รทดสอบหร,อตั�ดส�นใจัถ!กำตั อง

ยอมร�บ ตั�ดส�นใจัถ!กำตั องหร,อข้ อ

สร�ปท�*ถ!กำตั อง 2 คว�มค�ดเดล,*อนท�*

(type 2 error)

สภิ�พตั�มคว�มจัร�ง

กำ�รตั�ดส�นใจั

Page 204: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

สร%ปข้ 3นตีอนข้องการที่ดสอบีสมมตี�ฐาน1. กำ��หนดศึ!นย"สมมตั�ฐ�นศึ!นย" (null

hypothesis ) และสมมตั�ฐ�นเล,อกำ(alternative hypothesis)2. เล,อกำใช้ ค��สถ�ตั�ท�*ถ!กำตั องและเหม�ะสมในกำ�รทดสอบสมมตั�ฐ�น

3. กำ��หนดค��ว�กำฤตั ผ! ว�จั�ยตั องกำ��หนดระด�บน�ยส��ค�ญ พ�จั�รณ์� ประกำอบค��สถ�ตั� ด�งน�+

Page 205: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

กำ. ถ �ทดสอบแบบ 2 ท�ง โดยให ค��สถ�ตั� Z ท�*ระด�บน�ยส��ค�ญ .05 เช้�น

80:

80:

1

0

H

H

ระด�บน�ยส��ค�ญ 0.05 ด�งน�+นพ,+นท�*ใตั โค งปกำตั�ท�*จัะน��ไปห�ค��Z ค,อ 0.975 ค�� Z จั�กำตั�ร�ง ค,อ 1.96 ด�งน�+นค��ว�กำฤตัค,อ96.1

0.950.025 0.025-1.96 1.96

Page 206: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้. ถ �ทดสอบสมมตั�ฐ�นท�งเด�ยว โดยใช้ ค�� Z ท�*ระด�บน�ยส��ค�ญ 0.05

80:

80:

1

0

H

H

0.05

Z= 1.65

0.095

Page 207: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. กำ��หนดกำฎีกำ�รตั�ดส�นใจั อ�จัเป4นด�งน�+

5. ค��นวณ์ค��สถ�ตั�6. สร�ปผลกำ�รทดสอบ

4.1 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ในกำ�รค��นวณ์ม�กำกำว��ค��ว�กำฤตั ในกำรณ์� ท�*ทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบท�งข้ว�ม,อ

0H

4.2 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ท�*ค��นวณ์น อยกำว��ค��ว�กำฤตั ในกำรณ์�ท�* ทดสอบสมมตั�ฐ�นแบบท�งเด�ยวซึ่ �ยม,อ

0H

4.3 ปฏ�เสธี ถ �ค��สถ�ตั�ท�*ค��นวณ์ม�กำกำว��ค��ว�กำฤตัท�*อย!�ท�งข้ว�ม,อ และน อยกำว��ค��ว�กำฤตัท�*อย!�ท�งซึ่ �ยม,อ

0H

0H

Page 208: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ตี วิอย�างเร,*องเจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร"และกำ�รสน�บสน�นข้องผ! ปกำครองน�กำเร�ยนท�*ร �วมท��และไม�ร�วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

วิ ตีถุ%ประสงค์" เพ,*อเปร�ยบเท�ยบเจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร" และกำ�รสน�บสน�นข้องผ! ปกำครองตั�อกำ�รท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"ระหว��งน�กำเร�ยนช้�+นม�ธียมศึ1กำษ�ตัอนปล�ยท�*ร �วมท��และไม�ร�วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

สมมตั�ฐ�นกำ�รทดลอง น�กำเร�ยนท�*ร �วมท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร" ม�เจัตัคตั�เกำ�*ยวกำ�บว�ทย�ศึ�สตัร"และได ร�บกำ�รสน�บสน�นจั�กำผ! ปกำครองตั�อกำ�รท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"แตักำตั��งจั�กำน�กำเร�ยนท�*ไม�ช้�วยท��โครงง�นว�ทย�ศึ�สตัร"

Page 209: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องการส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องประชาชน ประชาชน ((Poll)Poll)

Page 210: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องการส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นข้องประชาชน ประชาชน ((Poll)Poll) 1 การส�ารวิจั Survey/poll

น บี,จัด,บี นที่6ก,รวิบีรวิม Survey Research/Sampling Survey2. ค์วิามค์�ดเห)น Opinion การร บีร��[Knowlege]• เร,�องอะไร ที่ ศนค์ตี� [Attitude] ค์วิามเช,�อ[Belief] พิฤตี�กรรม [Practice]3. ประชาชน Population/People Public• ประชากรที่��ศ6กษาประชากรที่��ศ6กษา//สาธีารณชนสาธีารณชน//มหาชนมหาชน• ตี วิอย�างตี วิอย�าง//ค์วิามเห)นตี วิแที่นค์วิามเห)นตี วิแที่น

ประชาชน ประชาชน (Sample)(Sample)

Page 211: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ค์วิามหมายข้องโพิลPublic Opinion Polls

1. วิ�ธี�ในการสอบีถุามประชาชนอย�างเป7นระบีบีเพิ,�อ ศ6กษาค์วิามเห)นเก��ยวิก บีเร,�องหร,อประเด)น (issue) ซึ่6�งปกตี�ใช�ตี วิอย�างจัากประชากรที่��ศ6กษา

A Modern Dictionary A Modern Dictionary of Sociology (1969) of Sociology (1969) โดย โดย TheodorsonTheodorson

Page 212: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Public Opinion Poll

การส�ารวิจั (Surveys ) ซึ่6�งสอบีถุามค์วิามเห)นข้องสาธีารณชนเก��ยวิก บีเร,�องบีางเร,�อง

- The Practioc of Social Rescarch, 1986- Methods of Social Rescarch, 1987

Page 213: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

An Introduction

1977To Surveys, and Data Analyic,

Survey Research

เป7นเค์ร,�องม,อในการรวิบีรวิมข้�าวิสารตี�าง ๆ ที่��ได�จัากการส�ารวิจั(Survey Research) 3 ประเภที่

1. ค์วิามเห)น Opinions ตี 3งค์�าถุาม

2. ที่ ศนค์ตี� (Attitudes )ตี�อเร,�องน 3น

3. ข้�อเที่)จัจัร�ง (Facts ) เก��ยวิก บีบี%ค์ค์ลที่��ส มภาษณ"

Page 214: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โพิลเที่�ยม โพิลเที่�ยม ((Pseudo - Polls Straw Polls Junk PollsPseudo - Polls Straw Polls Junk Polls))

ค์วิามเป7นตี วิแที่น สร%ปส��ประชากรที่ 3งหมดไม�ได� (Representativeness)โที่รศ พิที่"/หน งส,อพิ�มพิ"/โที่รที่ ศน"/วิ�ที่ย% (Vote)จั%ดบีกพิร�อง

ค์�าถุามช�3ช�อง (Loadedquestions)การใช�ค์�าไม�เหมาะสม Unfair Questionsค์�าที่��ที่�าให�เข้�าใจัผ�ด (Misleading)

Page 215: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

มาตีรฐานในการรายงานผลโพิล NCPP (National Council on Poblic Poll)1. 1. ผ��ให�ที่%นสน บีสน%นการส�ารวิจัผ��ให�ที่%นสน บีสน%นการส�ารวิจั

2. 2. วิ นเด,อนปB ที่��ส มภาษณ" หร,อ ช�วิงส�ารวิจั วิ นเด,อนปB ที่��ส มภาษณ" หร,อ ช�วิงส�ารวิจั3. 3. วิ�ธี�การที่��จัะให�ได�มาซึ่6�งการส มภาษณ"อย�างไร เช�น วิ�ธี�การที่��จัะให�ได�มาซึ่6�งการส มภาษณ"อย�างไร เช�น ส มภาษณ"โที่รศ พิที่"ส มภาษณ"โที่รศ พิที่",,ไปรษณ�ย"ไปรษณ�ย", , อ�นเตีอร"เน)ตีอ�นเตีอร"เน)ตี

4. 4. ประชากรที่��ศ6กษาประชากรที่��ศ6กษา5. 5. ข้นาดตี วิอย�างจั�านวินแบีบีสอบีถุามที่��ส�งออกและตีอบีกล บีข้นาดตี วิอย�างจั�านวินแบีบีสอบีถุามที่��ส�งออกและตีอบีกล บี

6. 6. ข้นาดและการพิรรณากล%�มตี วิอย�างย�อยวิ�าค์�าตีอบีใด ข้นาดและการพิรรณากล%�มตี วิอย�างย�อยวิ�าค์�าตีอบีใด มาจัากกล%�มใจัมาจัากกล%�มใจั

7. 7. ค์�าถุามจัร�งที่��ใช�ถุามในเร,�องที่��รายงานค์�าถุามจัร�งที่��ใช�ถุามในเร,�องที่��รายงาน

Page 216: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โพิล Poll Media (ส,�อ)

People ประชาชน

9. 9. ระบี%อ ตีราค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนข้องการส%�ม ระบี%อ ตีราค์วิามค์ลาดเค์ล,�อนข้องการส%�ม ((Sampling ErrorSampling Error)) และระด บีค์วิามเช,�อม 3น และระด บีค์วิามเช,�อม 3น ((Confidence IntervalConfidence Interval))

8. ร�อยละที่��ข้�อสร%ปเป7นฐาน

Page 217: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีResponsed Rate

RR = R x 100nโดยการส มภาษณ"

RR = 85 ค์�อยข้�างด�, ด� , ด�มาก70 - 84 ไม�เลวิ แตี�ไม�ด�น ก

50 - 69 ไม�ค์�อยด� โอกาสเก�ดอค์ตี�ได�50 ไม�ไหวิแน� ไม�ค์วิรวิ�เค์ราะห"ไม�ค์วิรรายงานผลโพิลโดยส มภาษณ" โพิลโดยส มภาษณ" RR 80%RR 80%

Page 218: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีกล บี โดยที่างไปรษณ�ย"อ ตีราการตีอบีกล บี โดยที่างไปรษณ�ย" Mail - ReponsedMail - Reponsed

50 50 เพิ�ยงพิอตี�อการวิ�เค์ราะห"เพิ�ยงพิอตี�อการวิ�เค์ราะห" 6060 ด�ด�

70 70 ด�มากด�มาก ** ** โพิลที่างไปรษณ�ย" ค์วิรม�อ ตีราการตีอบีร�อยละ โพิลที่างไปรษณ�ย" ค์วิรม�อ ตีราการตีอบีร�อยละ 5050

อ ตีราค์วิามส มบี�รณ"ข้องการตีอบีข้�อค์วิามบีางข้�อที่�� Sensitive ?? ไม�ตีอบี ไม�ออกค์วิามค์�ดเห)น

Page 219: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ข้�อค์วิามที่��ไม�ม�การตีอบี Non Response

อาจัจัะเป7นเร,�องที่��ไม�ม�ค์วิามเห)นจัร�ง ๆ ไม�ตีอบี ไม�ใช� ไม�แน�ใจั, ไม�ที่ราบี, ย งไม�ตี ดส�นใจั

ล,มบี นที่6ก (Mising data)จัะจั ดการอย�างไร

- รายงานโดยประมวิลผลวิ�าจั�านวิน (ร�อยละเที่�าไร�)- ถุ�าม�อ ตีราส�งเก�นร�อยละ 20 อาจัจัะม�ป*ญหาก บีผลการส�ารวิจั

Page 220: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

อ ตีราการตีอบีเน,3อหาค์รบีถุ�วินส มบี�รณ"อ ตีราการตีอบีเน,3อหาค์รบีถุ�วินส มบี�รณ" Completion Rate : CRCompletion Rate : CR

CR = จั�านวินตี วิอย�าง - จั�านวินแบีบีที่��ไม�สมบี�รณ"/ไม�ตีอบีจั�านวินตี วิอย�าง

90% เช,�อถุ,อได�/ด� - 60 89% การยอมร บีน�อย

Page 221: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

• โพิลและประชาธี�ปไตียโพิลและประชาธี�ปไตีย• โพิลให�โอกาศก บีประชาชนได�ม�ส�วินร�วิมแสดงโพิลให�โอกาศก บีประชาชนได�ม�ส�วินร�วิมแสดง ค์วิามเห)นค์วิามเห)น• โพิลให�โอกาสประชาชนได�เร�ยนร��จัากค์นอ,�นๆโพิลให�โอกาสประชาชนได�เร�ยนร��จัากค์นอ,�นๆ

Page 222: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. Benchmark Survey (BS)

- - ตี�องการร��ภาพิล กษณ"ข้องผ��สม ค์ร ตีามล กษณะ ตี�องการร��ภาพิล กษณ"ข้องผ��สม ค์ร ตีามล กษณะ ข้องผ��ม�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3งข้องผ��ม�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3ง

- - เปร�ยบีเที่�ยบีค์��แข้�งเปร�ยบีเที่�ยบีค์��แข้�ง- - ประเม�นค์วิามก�าวิหน�าผลการรณรงค์"หาเส�ยงประเม�นค์วิามก�าวิหน�าผลการรณรงค์"หาเส�ยง

Page 223: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

2. Trial Heat Surveys

ตี�องการร��วิ�าจัะเล,อกใค์รใจับีรรดาผ��สม ค์รหร,อที่�านจัะลงค์ะแนนให�ใค์ร

ประเม�นค์ะแนนรณรงค์"

Page 224: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. 3. Tracking PollsTracking Polls

- (TP) - (TP) ที่�าโพิลชน�ดวิ นตี�อวิ นใกล� ๆ ที่�าโพิลชน�ดวิ นตี�อวิ นใกล� ๆ วิ นเล,อกตี 3ง วิ นเล,อกตี 3ง - 37- 37 วิ นวิ น - - ตี�ดตีามอย�างกระช นช�ดตี�ดตีามอย�างกระช นช�ดเพิ,�อการรณรงค์"เพิ,�อการรณรงค์"

Page 225: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

4. 4. Cross - Section (CS)Cross - Section (CS)

หร,อ หร,อ Panel Survey PSPanel Survey PSPSPS - - ตี�ดตีามส มภาษณ"ค์นเด�มมากกวิ�า ตี�ดตีามส มภาษณ"ค์นเด�มมากกวิ�า 2 2 ค์ร 3งค์ร 3ง

วิ�าเปล��ยนแปลงหร,อไม�วิ�าเปล��ยนแปลงหร,อไม�- - ที่�าเวิลาใด เวิลาหน6�ง อาจัจัะที่�าหลายค์ร 3งได� ที่�าเวิลาใด เวิลาหน6�ง อาจัจัะที่�าหลายค์ร 3งได�

Page 226: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

5. (Focus Groups Survey)

FG = FG = ในที่างการเที่ค์น�ค์ไม�ในที่างการเที่ค์น�ค์ไม�ใช�โพิลใช�โพิล = = เป7นการสอบีถุามเป7นการสอบีถุามค์นที่��เป7น ค์นที่��เป7น KI KI ประมาณ ประมาณ - 10 - 10

20 20 ค์นค์น = = ค์าดเดาวิ�าใค์รค์วิรค์าดเดาวิ�าใค์รค์วิรจัะได�ร บีการเล,อกตี 3งจัะได�ร บีการเล,อกตี 3ง

Page 227: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

6. 6. Deliberation Opinion Polls (DOP)Deliberation Opinion Polls (DOP) รวิม รวิม FG FG และส�ารวิจัและส�ารวิจั

เอาตี วิแที่นมารวิมก นเอาตี วิแที่นมารวิมก น

ให�ข้�อม�ลข้�าวิสารให�ข้�อม�ลข้�าวิสาร

เป9ดโอกาสให�อภ�ปรายเป9ดโอกาสให�อภ�ปราย//ซึ่ กถุามซึ่ กถุาม

ส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นตี�อป*ญหาส�ารวิจัค์วิามค์�ดเห)นตี�อป*ญหา

Page 228: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

7. Exit Polls (EP)ส มภาษณ"ผ��ใช�ส�ที่ธี�Fเล,อกตี 3งแล�วิ ณ ที่างออก(Exit ) จัากค์�หาที่�านลงค์ะแนน หร,อ เล,อกใค์รหร,อเล,อกเบีอร"ใหน ? พิรรค์ใด ?

วิ ดจัากผ��ลงค์ะแนน จัร�ง ถุ�าตีอบีจัร�งที่�าเร)วิ 1 - 3 ช �วิโมง จัะที่ายผลการเล,อกตี 3งได�เร)วิ / ถุ�กตี�อง หล งป9ดห�บีเล,อกตี 3ง

Page 229: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

การจั ดที่�าโพิลเป7นวิ�ธี�การที่างสถุ�ตี�และวิ�จั ยเช�งส�ารวิจั

1. ก�าหนดกล%�มตี วิอย�าง และ วิ�ธี�การเล,อกตี วิอย�าง2. ก�าหนดวิ�ธี�การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล

3. สร�างแบีบีสอบีถุามหร,อแบีบีส มภาษณ"ในการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล4. เก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลจัากตี วิอย�างตีามแผนที่��ก�าหนดไวิ�5. ประมวิลผลและวิ�เค์ราะห"ข้�อม�ลที่��ได�ค์วิามถุ��/ ร�อยละ (ตีามประเด)นข้�อถุาม)

6. การสร%ปผลและรายงานผลการศ6กษา

Page 230: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

โค์รงสร�างข้องการที่�าโพิล (The Structure of Poll Conducting)ม�องค์"ประกอบี 3 ส�วิน

ส�วินที่�� 1 การจั ดเตีร�ยม วิางแผน และก�าหนดกรอบีการที่�างาน ด งน�3- การมองสถุานการณ" สภาพิป*ญหา หร,อปรากฎีการณ"ที่างส งค์ม- ก�าหนดห วิข้�อเร,�อง- ระบี%ที่��มาและค์วิามส�าค์ ญข้องโค์รงการ- วิ ตีถุ%ประสงค์"ข้องการที่�าส�ารวิจั- ประโยชน"ที่��ค์าดวิ�าจัะได�ร บี- ข้อบีเข้ตีข้องการส�ารวิจั- การที่บีที่วินที่ฤษฎี� วิรรณกรรม (บีางโค์รงการ)- การตี 3งสมมตี�ฐานในการวิ�จั ย (บีางโค์รงการ)- กรอบีแนวิค์�ดที่��ใช�ในการส�ารวิจั

Page 231: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินที่�� 2 ระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่�าโพิล ประกอบีด�วิย- - การก�าหนดประชากรเป�าหมาย การก�าหนดประชากรเป�าหมาย- - ข้นาดตี วิอย�างข้นาดตี วิอย�าง- - เที่ค์น�ค์การส%�มตี วิอย�างเที่ค์น�ค์การส%�มตี วิอย�าง- - การสร�างเค์ร,�องม,อวิ ดการสร�างเค์ร,�องม,อวิ ด- - การเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ลการเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล- - กรรมวิ�ธี�ที่างข้�อม�ลอ นประกอบีด�วิย การตีรวิจัสอบี กรรมวิ�ธี�ที่างข้�อม�ลอ นประกอบีด�วิย การตีรวิจัสอบี การลงรห ส การป�อนข้�อม�ล การลงรห ส การป�อนข้�อม�ล- - การประมวิลผล และการเล,อกใช� สถุ�ตี�ที่��เหมาะสม การประมวิลผล และการเล,อกใช� สถุ�ตี�ที่��เหมาะสม

Page 232: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ส�วินที่�� 3 ผลการส�ารวิจั ประกอบีด�วิย

- การวิ�เค์ราะห"และเข้�ยนผลสร%ปการส�ารวิจั - การอภ�ปรายผล (ถุ�าม�)- ข้�อม�ลที่ �วิไปข้องน กที่�าโพิล

Page 233: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. ค์%ณภาพิข้องน กที่�าโพิลค์วิรม�ค์วิามเช��ยวิชาญและผ�านการเร�ยนร�� หล กส�ตีรการที่�าโพิล

2. ระเบี�ยบีวิ�ธี�การที่�าโพิลที่��ใช� หมายถุ6ง การส%�มตี วิอย�างที่��เป7นตี วิแที่น ค์นที่ �วิ ๆ ไปได� ข้นาดตี วิอย�างที่��เหมาะสม และแบีบีสอบีถุามที่��เช,�อถุ,อ ได�วิ�าให�ข้�อม�ลที่��ม�ค์%ณภาพิไม�เอนเอ�ยงหร,อช�3น�าให�เก�ดประโยชน"ตี�อ ฝึKายหน6�งฝึKายใด3. งบีประมาณสน บีสน%นโค์รงการ ตี�องไม�เก��ยวิข้�องก บีพิรรค์การเม,อง หร,อ กล%�มการเม,อง4. ค์ณะน กที่�าโพิล ที่�มวิ�จั ย รวิมไปถุ6งพิน กงานเก)บีรวิบีรวิมข้�อม�ล ตี�องไม�ย%�งเก��ยวิก บีกล%�มการเม,องหร,อพิรรค์การเม,องใด ๆ

Page 234: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. 1. ใค์รให�งบีประมาณสน บีสน%นใค์รให�งบีประมาณสน บีสน%น โค์รงการน 3น ๆ โค์รงการน 3น ๆ 2. 2. การส%�มตี วิอย�างที่�าอย�างไร น กที่�าการส%�มตี วิอย�างที่�าอย�างไร น กที่�า

โพิลตี�องช�3แจังได�โพิลตี�องช�3แจังได�3. 3. อออบีแบีบีสอบีถุามอย�างไร ม�การ อออบีแบีบีสอบีถุามอย�างไร ม�การที่ดสอบีค์วิามน�าเช,�อถุ,อที่ดสอบีค์วิามน�าเช,�อถุ,อ ข้องแบีบีสอบีถุามก�อนหร,อไม�ข้องแบีบีสอบีถุามก�อนหร,อไม�4. 4. ใช�วิ�ธี�อะไรเก)บีข้�อม�ล การส มภาษณ" ใช�วิ�ธี�อะไรเก)บีข้�อม�ล การส มภาษณ" , , การส�งที่างไปรษณ�ย"การส�งที่างไปรษณ�ย",,

หร,อการโที่รศ พิที่"หร,อการโที่รศ พิที่"5. 5. เก)บีข้�อม�ลช�วิงเวิลาใด เพิราะช�วิง เก)บีข้�อม�ลช�วิงเวิลาใด เพิราะช�วิงเวิลาอาจัส�งผลตี�อที่ ศนค์ตี�เวิลาอาจัส�งผลตี�อที่ ศนค์ตี� พิฤตี�กรรมและค์วิามเห)นข้องพิฤตี�กรรมและค์วิามเห)นข้องประชาชนประชาชน6. 6. การวิ�เค์ราะห"และสร%ปผล ที่�าก น การวิ�เค์ราะห"และสร%ปผล ที่�าก นอย�างไรอย�างไร

Page 235: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

1. น กที่�าโพิลตี�องด�าเน�นการอย�างระม ดระวิ งในการพิ ฒนาการ ออกแบีบีที่�าโพิลและเค์ร,�องม,อตี�าง ๆ โดยด�าเน�นการที่%ก ข้ 3นตีอนอย�างสมเหตี%สมผลเพิ,�อร บีประก นค์วิามน�าเช,�อถุ,อ และค์วิามเที่��ยงตีรงในผลโพิลน 3น

2. น กที่�าโพิลไม�ค์วิรเล,อกใช�เค์ร,�องม,อในการวิ�จั ยและวิ�ธี� วิ�เค์ราะห"โดยเช,�อวิ�าค์วิามสามารถุข้องเค์ร,�องม,อและ วิ�ธี�วิ�เค์ราะห"น 3นน�าไปส��การสร%ปผลส�ารวิจัที่��ช�3ประโยชน" แก�ฝึKายใดอย�างม�อค์ตี�

Page 236: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

3. น กที่�าโพิลค์วิรให�ค์�าแนะน�าด�วิยหล กวิ�ชาการอย�างม,ออาช�พิ โดยเหมาะสมก บีข้อบีเข้ตีข้องป*ญหาในการวิ�จั ยที่��ตีน ด�าเน�นการอย��เที่�าน 3น

4. น กที่�าโพิลไม�ค์วิรตี�ค์วิามหมายผลส�ารวิจัเก�นข้อบีเข้ตี ไปจัากข้�อม�ลที่��ม�อย��ในโค์รงการวิ�จั ยน 3น

5. น กที่�าโพิลค์วิรบีรรยายอย�างช ดเจันเก��ยวิก บีระเบี�ยบีวิ�ธี�การ ที่�าโพิลและผลส�ารวิจัที่��ค์�นพิบีในรายละเอ�ยดที่��เหมาะสม โดยไม�น�าเสนอผลส�ารวิจัที่��ลดที่อนส�ที่ธี�เสร�ภาพิส�วินบี%ค์ค์ล ข้องเอกชน

ตี�อ

Page 237: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)
Page 238: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

Game of Objectives and Empowering

1. กร%ณาใช�ค์วิามสามารถุข้องที่�านปฏิ�บี ตี�งานช�3นน�3ให�ส�าเร)จัล%ล�วิงไปด�วิยด� และม�ประส�ที่ธี�ภาพิ2. งานช�3นน�3ที่��ที่�านตี�องปฏิ�บี ตี� ค์,อ การบีวิกส ญล กษณ"ตี�าง ๆ ( เลข้หล กร�อย 4 จั�านวิน) ข้�างล�างน�3 ส ญล กษณ"ตี�าง ๆ น 3นม�ค์�าเป7นตี วิเลข้ตี 3งแตี� 1 ถุ6ง 9 3. เค์ร,�องหมาย + ก)ค์,อ บีวิก (รวิม) ไม�ม�ค์�าที่างตี วิเลข้4. ส ญล กษณ"ที่��ม�ล กษณะเหม,อนก นในป*ญหาค์ณ�ตีศาสตีร"น�3 ม�ค์�าตี วิเลข้ตี วิเด�มเสมอ (ค์งที่��) 5. ผลล พิธี"ที่��ได�จัากการบีวิกส ญล กษณ"ตี�าง ๆ ปรากฏิอย��ใตี�เส�นที่6บี

Page 239: ระเบียบวิธีการวิจัย (Research Methodology)

ให�ใช�เวิลาที่�า 10 – 15 นาที่�

666

+6 6

2 6 9 6