traveler-nan (p.62-65)

4
ที่ฟ้า (น ่าน) น่าน อยู่ทางภาคเหนือตอนบนของไทย แม้จะมีขนาดกว้างเป็นอันดับ 13 แต่กลับมีจำนวนประชากรค่อนข้างเบาบาง พื้นที ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญ แม้ว่าน่านจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ แต่ด้วยสถานทีทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติซึ่งซ่อนตัวอยู่เกือบทุกอำเภอ สถานที่เหล่านี้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวอันเต็มเปี่ยมด้วยความหมายจาก ระยะเวลาที่ผันผ่าน รวมถึงความสวยงามของธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่ ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกไม่นาน ’น่าน’ จะเป็นอีกปลายทาง หนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว การเดินทางจากเชียงใหม่ไปน่านโดยรถทัวร์ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่ด้วยทิวทัศน์อันสวยงามก็ทำให้เราเพลิดเพลิน จนลืมเส้นทางที่คดเคี้ยวและน่าเวียนหัวไปได้บ้าง สถานีขนส่งเมืองน่านมีขนาดเล็ก ไม่วุ่นวาย มีรถสามล้อคอยรับส่งผู้โดยสาร แต่ทีน่าสนใจเห็นจะเป็นโครงการ “น่านเมืองจักรยาน” ที่มีการแบ่งถนนไว้สำหรับเป็นช่องทางการสัญจรของจักรยานโดยเฉพาะ “ลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เปลี่ยนผืนฟ้าให้เป็นสีส้ม สีแดง สีทอง แตกต่างกันไป มีเมฆฝนก้อนโตสีดำทะมึน และกลุ่มหมอกหนาสีขาวที่คล้าย ละอองฝนเม็ดเล็กๆ พัดผ่านมาเป็นระลอก ตัดกับสีภูเขาเขียวข้างหน้าสวยงาม ราวกับมีจิตรกรมาแต่งแต้มไว้”

Upload: sirikul-bowornruangrit

Post on 07-Mar-2016

218 views

Category:

Documents


1 download

DESCRIPTION

2 1 วัดภูมินทร์ 2พระธาตุ ช้างค้ำวัดหลวงกลางเวียง 3 หอไตรวัดหัวข่วงเป็นงานศิลปะอันเก่าแก่ของช่าง สกุลน่าน 2 3

TRANSCRIPT

Page 1: Traveler-NAN (P.62-65)

ที่ฟ้า (น่าน)

น่าน อยู่ทางภาคเหนือตอนบนของไทย แม้จะมีขนาดกว้างเป็นอันดับ 13 แต่กลับมีจำนวนประชากรค่อนข้างเบาบาง พื้นที

ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำน่าน หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญ แม้ว่าน่านจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ แต่ด้วยสถานที่

ทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติซึ่งซ่อนตัวอยู่เกือบทุกอำเภอ สถานที่เหล่านี้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวอันเต็มเปี่ยมด้วยความหมายจาก

ระยะเวลาที่ผันผ่าน รวมถึงความสวยงามของธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่ ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากว่าอีกไม่นาน ’น่าน’ จะเป็นอีกปลายทาง

หนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

การเดินทางจากเชียงใหม่ไปน่านโดยรถทัวร์ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง แต่ด้วยทิวทัศน์อันสวยงามก็ทำให้เราเพลิดเพลิน

จนลืมเส้นทางที่คดเคี้ยวและน่าเวียนหัวไปได้บ้าง สถานีขนส่งเมืองน่านมีขนาดเล็ก ไม่วุ่นวาย มีรถสามล้อคอยรับส่งผู้โดยสาร แต่ที่

น่าสนใจเห็นจะเป็นโครงการ“น่านเมืองจักรยาน”ที่มีการแบ่งถนนไว้สำหรับเป็นช่องทางการสัญจรของจักรยานโดยเฉพาะ

“ลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เปลี่ยนผืนฟ้าให้เป็นสีส้ม สีแดง สีทอง

แตกต่างกันไป มีเมฆฝนก้อนโตสีดำทะมึน และกลุ่มหมอกหนาสีขาวที่คล้าย

ละอองฝนเม็ดเล็กๆ พัดผ่านมาเป็นระลอก ตัดกับสีภูเขาเขียวข้างหน้าสวยงาม

ราวกับมีจิตรกรมาแต่งแต้มไว้”

Page 2: Traveler-NAN (P.62-65)

เราใช้จักรยานเช่าเป็นพาหนะในการเดินทางเพื่อให้ตรง

กับสโลแกนของเมืองโดยเริ่มต้นกันที่วัดภูมินทร์ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่อง

ของจิตรกรรมฝาผนังดังที่ปรากฎอยู่ในคำขวัญของจังหวัดภายใน

บริเวณวัดมีวิหารทรงจัตุรมุขประดิษฐานพระพุทธมหาพรหมอุดม

สักยมุนี4องค์หันพระพักตร์ออกทางประตูทั้งสี่ทิศและเมื่อมอง

ไปยังฝาผนังก็พบกับความงดงามของภาพจิตรกรรมฝาผนังอัน

เก่าแก่ตามคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา เมื่อไหว้พระเสร็จเรียบร้อย

เราก็เดินชมบริเวณรอบวัด มีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน เจดีย์พระมาลัย

โปรดโลก และศาลเจ้าพ่อเจตบุตรพรหมมินทร์ แต่สิ่งที่สะดุด

สายตาของเราในวันนั้น คือชายสูงอายุนั่งบริเวณศาลาข้างวัด

ดูเหมือนเขาจะพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่พู่กันจุ่มสีกับกระดาน

วาดรูปเบื้องหน้าเมื่อสอบถามจึงทราบว่าคุณจรูญบุญสวนเป็น

จิตรกรสีน้ำมันที่มาแสดงผลงาน ณ หอศิลป์ริมน่าน ผลงานส่วน

ใหญ่ของคุณจรูญจะเป็นภาพทิวทัศน์และดอกไม้ ก่อนจะกลับ

บ้านจึงมาวาดรูปสถานที่สำคัญแห่งนี้เก็บไว้

เมื่อล้อจักรยานเริ่มหมุนช้าลงเป็นสัญญาณว่าพลังงาน

กำลังจะหมดสิ้น เราจึงแวะหาของกินที่ ร้านข้าวซอยต้นน้ำ ซึ่ง

ไม่ไกลจากวัดภูมินทร์นักร้านไม้เล็กๆเขียนสโลแกนไว้หน้าร้านว่า

“บ้าน ๆ อร่อยได้ใจ” เมนูแนะนำของร้านนี้เป็น ข้าวซอยไก่-เนื้อ

ราดกะทิเพิ่มความหอมมัน นอกจากนี้ยังมีข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว

และบะหมี่ที่รสชาติไม่แพ้กันอีกด้วย

เมื่อเรี่ยวแรงกลับมาอีกครั้ง เราจึงปั่นจักรยานย้อนกลับ

ไปทางเดิมเป็นจังหวะเดียวกันกับเสียงออดเลิกเรียนดังขึ้นมาจาก

โรงเรียนนันทบุรีวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

(วัดหลวงกลางเวียง)ภาพของเด็กๆที่กำลังเล่นกันบางคนก็กำลัง

จูงจักรยานคู่ใจเตรียมพร้อมจะกลับบ้าน ช่างชวนให้ยิ้มตามเมื่อ

คิดย้อนถึงวัยเยาว์ วัดหลวงกลางเวียงแห่งนี้มีพระบรมธาตุทรง

ลังกา ที่รอบฐานก่ออิฐและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัวด้านละ 4 เชือก

มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก และยังมีวิหารเก่าแก่ประดิษฐานพระพุทธ-

นันทบุรีศรีศากยมุนีและหลวงพ่อพระเจ้าหลวงอีกด้วย

เมื่อปั่นจักรยานไปอีกหนึ่งช่วงถนน ก็พบความงามแบบ

ท้องถิ่นล้านนาที่วัดหัวข่วง เป็นงานศิลปะสกุลช่างเมืองน่าน ภาย

ในวัดมีหอไตรทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุข ใต้ถุนก่อทึบและธรรมาสน์ทรง

สี่เหลี่ยม ยอดเป็นรูปน้ำเต้าสลักลายลงรักปิดทอง แต่น่าตกใจที่

ข้างหอไตรมีป้ายไม้ติดไว้ว่า “อันตราย หอไตรอายุ 402 ปี ชำรุด

ผุผัง ยังขาดงบประมาณที่จะบูรณะ” ทำให้เราสังเกตเห็นได้ว่า

แม้วัดนี้จะเป็นวัดอีกแห่งที่ขึ้นชื่อแต่บรรยากาศภายในวัดและการ

ดูแลกลับต่างจากสองวัดที่ผ่านมา

ปิดท้ายการเดินทางของวันแรกด้วย “ร้านของหวาน

ป้านิ่ม”ที่นี่ขายทั้งขนมหวานและไอศกรีมซึ่งทำเองกับมือเมนูเด็ด

ของร้านคือ ไอศกรีมไข่แดง โดยจะใส่ไข่แดงดิบลงไปในไอศกรีม

รสช็อกโกแลตชิพกับกะทิ คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ก็จะได้ไอศกรีม

ที่มีรสชาติหวานมันอร่อยกลมกล่อม

1

2

3

1 วัดภูมินทร์

2พระธาตุช้างค้ำวัดหลวงกลางเวียง

3 หอไตรวัดหัวข่วงเป็นงานศิลปะอันเก่าแก่ของช่าง

สกุลน่าน

Page 3: Traveler-NAN (P.62-65)

เริ่มต้นของเช้าวันถัดมาด้วยความสดใส อาจเป็นเพราะในช่วงกลางดึกที่ผ่านมามีฝนตก

ส่งผลให้อากาศเย็นนอนหลับสบาย เราออกกำลังกายยามเช้าด้วยการขี่จักรยานไปตลาด การเป็น

คนต่างถิ่นก็ทำให้มีการหลงทางบ้าง ซึ่งเราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านเพียงอย่างเดียว

แต่ยังได้มิตรภาพและรอยยิ้มที่สวยงามเป็นของแถมมาอีกด้วย ที่ตลาดตั้งจิตนุสรณ์มีขายทุกอย่าง

ตั้งแต่เสื้อผ้ายันอาหารสด กลิ่นหอมของไก่ทอดและหมูปิ้ง สีสันสวยงามของขนมหวาน แม่บ้าน

พ่อบ้านจับจ่ายซื้อของ พระสงฆ์บิณฑบาต เด็ก ๆ กำลังจะไปโรงเรียน ทุกคนต่างใช้ชีวิตอย่างเรียบ

ง่ายและไม่รีบร้อน

ก่อนภารกิจวันใหม่จะเริ่มต้น เราก็ไม่พลาดร้านอร่อยในย่านนี้ “ร้านเจ๊เล็ก” อยู่ห่างจาก

ตลาดไปประมาณหนึ่งช่วงถนน ขายทั้งข้าวมันไก่ หมูแดง หมูกรอบ และขาหมู แต่น้ำจิ้มที่นี่จะมี

รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่เคยทานกันทั่วไป

ขี่เลียบไปตามทางจักรยานริมน้ำน่านก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เจอชาวบ้านกำลังซ้อม

พายเรือ เพราะที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการแข่งเรือ การขี่จักรยานเช่นน้ีทำให้เราได้ใช้ชีวิตในจังหวะที่

ช้าลงอยู่กับตัวเองมากขึ้นได้คิดและได้เห็นในสิ่งที่เคยมองข้ามไปในช่วงเวลาที่เราเร่งรีบปั่นจักรยาน

ไปเรื่อย ๆ จนไปถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดภูมินทร์ โดยแต่เดิมเป็นคุ้ม

เจ้าผู้ครองนครน่านเรียกว่าหอคำ ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารสองชั้น เก็บค่าเข้าชม 20 บาท แต่มี

ข้อแม้ว่าห้ามถ่ายรูป

เมื่อเดินขึ้นไปชั้นบนจะพบกับพระพุทธรูปทรงเครื่องทำจากไม้หลัก (ไม้ที่เอามาต่อกัน)

มีการจัดแสดงโบราณวัตถุมากมาย เช่น ผ้าซิ่น เครื่องถ้วย เครื่องประดับ หีบพระธรรม วิหารและ

สถูปจำลอง เป็นต้นสิ่งที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือปูชนียวัตถุสำคัญคู่เมืองน่านอย่างงาช้างดำ เป็นงา

ปลีสีน้ำตาลเข้ม ยาว 97 ซม. วัดโดยรอบ 47 ซม. มีจารึกอักษรธรรมล้านนาภาษาไทยสลักไว้ว่า

“กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน” คือประมาณ 18 ก.ก. ซึ่งอดีตเจ้าผู้ครองนครน่านได้จากเมืองเชียงตุง

ส่วนชั้นล่างจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านเมืองน่านในอดีต

ถึงเวลาบอกลาความสวยงามจากฝีมือมนุษย์ เพื่อไปเปิดรับความงามที่ธรรมชาติสรรค์

สร้างขึ้นมาบ้าง แต่อุปสรรคในการเดินทางคือฝน เนื่องจากดอยบางแห่งมีถนนที่ไม่เอื้อต่อการ

เดินทาง เราจึงเลือกไปอุทยานแห่งชาตินันทบุรี เพราะถนนเป็นทางลาดยางเกือบตลอดสาย เว้น

เพียงประมาณ 4 ก.ม. สุดท้ายที่เป็นดินโคลน ที่ถนนลื่นและยากพอสมควรสำหรับการขับรถในฤดู

ฝนเช่นนี้

อุทยานแห่งชาตินันทบุรี มีพื้นที่ประมาณ 548,125 ไร่ ควบคุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่า

น้ำยาว-น้ำสวด ในท้องที่ อ.ท่าวังผา อ.เมือง และ อ.บ้านหลวง ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขา

สลับซับซ้อนวางตัวในแนวเหนือใต้ทางทิศตะวันตกของจังหวัดจนไปจรดกับประเทศลาว

1

2

Page 4: Traveler-NAN (P.62-65)

ระหว่างทางที่มานั้นแสงแดดค่อนข้างร้อนแรง แต่ข้างบนนี้อากาศกลับ

รู้สึกเย็น เราไปทันได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินที่ผาช้าง หน้าที่ทำการอุทยานฯ พอดี

ลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เปลี่ยนผืนฟ้าให้เป็นสีส้ม สีแดง สีทอง แตกต่าง

กันไป มีเมฆฝนก้อนโตสีดำทะมึน และกลุ่มหมอกหนาสีขาวที่คล้ายละอองฝนเม็ด

เล็กๆพัดผ่านมาเป็นระลอกตัดกับสีภูเขาเขียวข้างหน้าสวยงามราวกับมีจิตรกรรม

มาแต่งแต้มไว้

ดาวประจำเมืองเผยตัวมาเป็นสิ่งแรกบนท้องฟ้าหลังจากที่ตะวันลับไป

แล้วน่าดีใจที่ท้องฟ้าค่อนข้างเปิดในฤดูฝนแบบนี้ยิ่งความมืดมาเยือนมากเท่าไหร่

หมู่มวลดวงดาวน้อยใหญ่ก็เปล่งแสงแสดงตัวออกมามากขึ้นเท่นั้น ราวกับฟ้ามี

พื้นที่กว้างขวางไม่เพียงพอต่อจำนวนของดวงดาว แม้อุณหภูมิของอากาศเริ่มลด

ต่ำลงแต่ความหนาวและดวงดาวก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี

เดินฝ่าความมืดไปอีกสักนิด ด้านข้างที่ทำการอุทยานฯ มีจุดชุมวิวอีก

หนึ่งจุด มองออกไปจะเห็น อ.ท่าวังผาในยามกลางคืน ดวงจันทร์ครึ่งดวงลอยอยู่

บนฟ้าท่ามกลางกลุ่มเมฆฝน ผืนนาอันกว้างใหญ่ มีเพียงแสงไฟจากถนนและบ้าน

เรือน ราวกับว่ามีดาวอยู่ทั้งบนฟ้าและพื้นดิน เมื่อหมอกหนาเริ่มยึดครองพื้นที่รอบ

ตัวมากขึ้นเราจึงต้องบอกลาค่ำคืนอันสวยงามแต่เพียงเท่านี้ บรรยากาศในตอนเช้าถูกห้อมล้อมไปด้วยสายหมอกเย็นๆเราออกเดินทางต่ออีกประมาณ1ก.ม.เพื่อ

ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยวาว แต่ก็ต้องผิดหวังเนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ เห็นแค่เพียงกลุ่มเมฆฝนหนาทึบ

เท่านั้น

อุทยานฯแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำตกตาดวาวน้ำตกสันติสุขและน้ำตก

นันทบุรีซึ่งมีน้ำไหลตลอดทั้งปีสภาพป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์สัตว์ป่าหายากรวมไปถึงนกนานาชนิดยิ่งถ้าหากมาใน

ช่วงเวลาต้นปีก็จะได้พบกับความงามของดอกนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่ดอยวาวอีกด้วย

บางครั้งเครื่องมือทางเทคโนโลยีอาจไม่สามารถถ่ายทอดเร่ืองราวได้ดี เท่ากับการบันทึกสิ่งเหล่านี้โดย

ผ่านสายตาของตัวเราแล้วแปรรูปออกมาเป็นประสบการณ์ให้เก็บไว้ เพื่อในวันหนึ่งที่กลับมาย้อนนึกถึง เราคง

ได้เรียนรู้อะไรจากอดีตที่ผ่านมา

ถึงแม้การเดินทางของเราได้สิ้นสุดลงแล้ว เก็บของใส่กระเป๋าจำนวนเท่ากับขามา แต่ดูเหมือนว่า

น้ำหนักในกระเป๋าจะมากขึ้น อาจเป็นเพราะความประทับใจและความทรงจำดีๆ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาจากการ

เดินทางมาน่านในครั้งนี้

1 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

2ซุ้มทางเดินที่สวยงามบริเวณหน้า

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน

3 จุดชมพระอาทิตย์ตกดินยอด

ผาช้างอุทยานแห่งชาตินันนทบุรี

4 จุดชมวิวข้างที่ทำการอุทยานฯ

ในยามเช้า

3

4