pat2 bio57
DESCRIPTION
ตัวอย่าง pat2 bio57TRANSCRIPT
PAT2 ÁÕ.¤. 5
7
PAT2 ÁÕ.¤. 5
7แนวข้อ
สอบ
OnDem
and
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
3
2. ข้อใดไม่ใช่ผลจากการชราภาพของเซลล์
1. การเกิดมิวเทชันของ DNA
2. ท�าให้สัตว์มีอายุขัยจ�ากัด
3. เซลล์มีการสร้างอนุมูลอิสระลดลง
4. เซลล์มีการสังเคราะห์โปรตีนและ ATP ลดลง
แนวขอสอบ PAT2 มี.ค. 57
OnDem
and
4
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
5
13. การแก่งแย่งแข่งขันของสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในกรณีใด
1. สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดกินเนื้อเหมือนกัน
2. สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดอยู่ในล�าดับขั้นการกินอาหารเดียวกัน
3. ผู้ล่าคอยควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดอย่างสม�่าเสมอ
4. สิ่งมีชีวิตทั้งสองชนิดต้องการปัจจัยต่างๆ ในการด�ารงชีวิตเหมือนกัน
OnDem
and
6
I2 ความสัมพันธ์ในระบบนเิวÈ
การแข่งขัน (competitive) (-/-) = สิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ฝ่าย (ชนดิเดียวกัน/ ต่างชนดิ) ต่างแก่งแย่งปัจจัยบางอย่างที่มีอยู่อย่างจ�ากัด ผักตบชวาแข่งขันกันแพร่พันธุ์ในสระน�้า นกพิราบและนกเขาแย่งกันกินอาหารภาวะปรสิต (parasitism) (+/-) = สิ่งมีชีวิตชนดิหนึง่อาÈัยอยู่กับสิ่งมีชีวิตอีกชนดิหนึง่ โดยผู้อาÈัยได้รับประโยชน์จากผู้ถูกอาÈัยที่เสียประโยชน์ พยาธิ ใบไม้ในตับของคน กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ พยาธิตัวตืดในทางเดินอาหารของสัตว์ เห็บกับสุนัข ทาก/ เหาดูดเลือดคน ¿าจกับแบคทีเรีย หนอนผีเสื้อกับต้นไม้ที่เป็นอาหาร การวางไข่ ในรังนกตัวอื่นของนกกาเหว่า (ปรสิตสังคม)ภาวะล่าเหยื่อ (predation) (+/-) = ผู้ล่าจับสิ่งมีชีวิตที่เป็นเหยื่อกินเป็นอาหาร โดยผู้ล่าได้ประโยชน์ เหยื่อเสียประโยชน์ (ตาย) กบกินแมลง งูกินกบ นกเค้าแมวล่าเหยื่อ แมงมุมกินแมลง/ ปลากินแพลงก์ตอน แมลงกินน�้าหวาน ตัêกแตนกินหญ้า ต้นกาบหอยแครง/ หยาดน�้าค้าง/ หม้อข้าวหม้อแกงลิง ดักจับแมลงตัวเล็กๆ กินเป็นอาหารภาวะเกื้อกูล (commensalism) (+/0) = ฝ่ายหนึง่ได้ประโยชน์ แต่อีกฝ่ายไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ พืชอิงอาÈัย (epiphyte) เช่น ชายผ้าสีดา กล้วยไม้บนต้นไม้ใหญ่ เหาฉลามกับฉลาม ดอกไม้ทะเล (ซีแอนนีโมน)ี กับปลาการ์ตูน ไลเคนบนเปลือกไม้ หนูกับ Leptospira
ตัวอ่อนสัตว์น�้าใน¿องน�้า สิ่งมีชีวิตชนดิ A สร้างสาร a ซึ่งจ�าเป็นต่อสิ่งมีชีวิตชนดิ B
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
7
ภาวะได้ประโยชน์ร่วมกัน (protocooperation) (+/+) = ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ แต่สามารถแยกกันอยู่ได้โดยไม่ตาย นกเอี้ยงกับควาย ดอกไม้กับแมลง ปูเสฉวนกับดอกไม้ทะเล (ซีแอนนีโมน)ี ดอกไม้ทะเลกับปลาการ์ตูน มดด�ากับเพลี้ย กุ้งพยาบาลกับปลาผีเสื้อ ค้างคาวผสมเกสรให้ต้นกล้วยภาวะพึ่งพา (mutualism) (+/+) = ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ไม่สามารถแยกกันอยู่ได้ ไลเคน โพรโทซัว Trichonympha ในล�าไส้ปลวก ไฮดรากับสาหร่ายสีเขียว แบคทีเรีย Escherichia coli ในล�าไส้ใหญ่ของคน แบคทีเรีย Rhizobium กับรากถั่ว เชื้อรา Mycorrhiza ในรากสน จุลินทรีย์ในสัตว์เคี้ยวเอื้อง แหนแดงกับ Anabaena/ Nostoc
ปะการังกับสาหร่ายซูแซนเทลลี สิ่งมีชีวิต 2 ชนดิ โดยชนดิ A ต้องการสาร b ไปสร้างสาร a และชนดิ B ต้องการสาร a ไปสร้างสาร b ดังนั้นจึงอยู่ร่วมกันภาวะการหลั่งสารห้ามการเจริญหรือการท�าลายล้าง (antibiosis) (0/-) = ฝ่ายหนึง่ไม่ได้ประโยชน์ แต่อีกฝ่ายเสียประโยชน์ ราสีเขียว Penicillium หลั่งสาร antibiotic ท�าให้ bacteria ไม่เจริญ สาหร่ายสีเขียวแกมน�า้เงิน Microcystis หลั่งสาร hydroxylamine ออกมาในน�า้ ท�าให้สัตว์น�า้ตายภาวะการกระทบกระเทือน (amensalism) (0/-) = สิ่งมีชีวิตหนึง่มีผลท�าให้สิ่งมีชีวิตอีกหนึง่ไม่เจริญแต่ไม่มีการหลั่งสารออกมายับยั้ง ต้นไม้ใหญ่เมื่อโตเต็มที่จะบดบังแสง ท�าให้ต้นไม้เล็กได้รับแสงไม่เพียงพอภาวะเป็นกลาง (neutralism) (0/0) = สิ่งมีชีวิตแต่ละชนดิต่างด�ารงชีวิตกันอย่างอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกัน เสือกับหญ้าภาวะย่อยสลาย (saprophytism) (+/0) = ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่ยังคงมีชีวิตอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว และได้ประโยชน์จากการย่อยสลายสารอาหารจากซากสิ่งมีชีวิต ผู้ย่อยสลาย (แบคทีเรีย เห็ด รา ยีสต์) ย่อยสลายซากพืชซากสัตว์
OnDem
and
8
19. ข้อใดเรียงล�าดับของเสียตามปริมาณน�า้ที่สัตว์ต้องใช้ (จากมากไปน้อย) เพื่อช่วยก�าจัดของเสียนั้น
1. แอมโมเนีย ยูเรีย กรดยูริก 2. กรดยูริก ยูเรีย แอมโมเนีย
3. แอมโมเนีย กรดยูริก ยูเรีย 4. ยูเรีย แอมโมเนีย กรดยูริก
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
9
Q metabolic waste
Q1 nitrogenous waste
ammonia (NH3) urea uric acidความเป็นพิÉ/ การละลายน�้า
พลังงานที่ ใช้ก�าจัด
gasพÉิสงูสดุใช้น�า้ในการก�าจดัมากก�าจดัออกในรปู NH4
+ เปลีย่นรปูเป็น urea/ uric acid ได้พบในสิง่มชีวีติทีอ่ยู่ ในน�า้ สิง่มชีวีติเซลล์เดยีว สตัว์หลายเซลล์ชัน้ต�า่ สตัว์ขาข้อทีอ่าÈยัอยู่ ในน�า้ mollusk ทีอ่ยู่ ในน�า้ ปลากระดกูแขง็
liquidพÉิต�า่กว่า NH3
สญูเสยีน�า้น้อยลงเวลาขบัออกสร้างทีต่บั ขบัทางไตในรปูปัสสาวะปริมา³ขึน้อยูก่บัโปรตนีทีก่นิพบในสิง่มชีวีติทีอ่ยูบ่นบก ไส้เดอืนดนิ สตัว์สะเทนิน�า้สะเทนิบก ปลากระดกูอ่อน สตัว์เลีย้งลกูด้วยน�า้นม
solidพÉิต�า่สดุขบัทางอจุจาระallantois เป็นทีเ่กบ็ของเสยีพบในเอม็บริโอของสตัว์เลือ้ยคลาน/ นก อาจสะสมในข้อในผูป่้วยโรค goutพบในสตัว์สงวนน�า้ สตัว์ขาข้อทีอ่าÈยัอยูบ่นบก/ แมลง mollusk ทีอ่ยูบ่นบก สตัว์เลือ้ยคลาน นก
Q2 Q3CO2 น�้าและเกลือแร่
เกดิจากกระบวนการเผาผลาญสารอาหารC6H12O6 + 6O2 + 6H2O + 36ADP + 36Pi → 6CO2 + 12H2O + 36ATPขบัออกทางปอดพชืก�าจดัออกทางปากใบ/ น�ากลบัไปใช้ในการสงัเคราะห์ด้วยแสง
ขบัส่วนทีเ่กนิความต้องการออกขบัในรปู ปัสสาวะ (max) เหงือ่ ลมหายใจ อจุจาระ (min)ขบัออกทางปัสสาวะ เหงือ่ และอจุจาระจะมเีกลอืแร่ปนอยูด้่วยขบัออกทางลมหายใจจะมแีต่น�า้ (gas) เท่านัน้ส�าหรบัพชืเกบ็สะสมไว้ที ่sap vacuole
OnDem
and
10
20. การทดลองการกระตุ้นเซลล์ประสาทด้วยไฟฟ้าเพื่อศึกษาศักย์เยื่อเซลล์ในรูปแบบต่างๆ ถ้าใส่ tetrodotoxin ที่สกัดจาก
ปลาปักเป้าในปริมาณมากพอที่จะปิดกั้นช่องโซเดียมได้ จะเกิดผลในข้อใด
1. เซลล์ประสาทเกิดดีโพลาไรซ์อย่างรวดเร็ว แต่ไม่เกิดรีโพลาไรซ์
2. เซลล์ประสาทมีศักย์เยื่อเซลล์ระยะพักปกติ แต่ไม่เกิดดีโพลาไรซ์
3. เซลล์ประสาทมีศักย์เยื่อเซลล์ระยะพักต�่ากว่าปกติ แล้วจึงเกิดดีโพลาไรซ์
4. เซลล์ประสาทเกิดดีโพลาไรซ์ปกติ แต่เกิดไฮเพอร์โพลาไรซ์จนมีศักย์เยื่อเซลล์ต�่ากว่าปกติ
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
11
สารพÉิจากแบคทเีรีย Clostridium botulinum สร้าง botulinum toxin (botox) = ออกÄทธิìที ่neuroexocytosis apparatus (synaptobrevin) → ยบัยัง้การหลัง่ Ach → กล้ามเนือ้ขาดการรบัรู้ การส่งกระแสประสาท → กล้ามเนือ้ไม่หดตวั → กล้ามเนือ้กะบงัลมหยดุท�างาน → หยดุหายใจ Clostridium tetani สร้าง tetanus toxin = ยบัยัง้การหลัง่ inhibitory neurotransmitter (glycine และ GABA) → ท�าให้เกดิ hyperexcitability ของกล้ามเนือ้ลาย → เพิม่การหดตวัของกล้ามเนือ้ → ชกัเกรง็ (โรคบาดทะยกั)สารก�าจดัÈตัรพูชืกลุม่ organophosphate = ยบัยัง้เอนไซม์ acetylcholinesterase ที ่synaptic cleft →Ach มากเกนิ → กล้ามเนือ้เกรง็และชกักระตกุยาระงบัประสาท ยานอนหลบั (anti-anxiety) = จบัที ่GABA receptor ของ postsynaptic neuron → hyperpolarization → กล้ามเนือ้คลายตวั ยารกัÉาโรคจติเภท (antipsychotic) = จบัที่ dopamine receptor → ลดการหลัง่ dopamine → ลดอาการภาพหลอน/ หแูว่วยากระตุน้ประสาท แอมเ¿ตามนี = เพิม่การหลัง่และลดการดดูกลบัของ dopamine และ norepinephrine ที ่synaptic cleft → dopamine เพิม่มากขึน้ → ตืน่ตวั/ ภาพหลอน/ หแูว่ว คาเ¿อนี = จบัที ่adenosine receptor → เพิม่ความตืน่ตวั/ ลดความเมือ่ยล้าและง่วงนอน นโิคตนิ = จบักบั nicotinic acetylcholine receptor → เพิม่การหลัง่ dopamine ในสมอง → ปลดปล่อยความเครียดทางจติใจ ยาชา = จบักบั receptor ที ่Na+ channel → ยบัยัง้การไหลเข้าของ Na+ → ไม่เกดิ depolarizationพÉิง ู= α -neurotoxin (งเูห่า/ งจูงอาง/ งทูบัสมงิคลา)จบัที ่Ach receptor ที ่postsynaptic neuron(competitive inhibitor ของ Ach) → ไม่เกดิการส่งสารสือ่ประสาท → กล้ามเนือ้อมัพาต → เสยีชวีติปลาปักเป‡า = tetrodotoxin → จบัที ่fast sodium channel→ ยบัยัง้การไหลเข้าของ Na+ channel ในระยะแรก ของ depolarization → ไม่เกดิ action potential
ตัวอย่างสารเคมีที่มีผลต่อการส่งกระแสประสาท
จบัที ่fast sodium channel
OnDem
and
12
27. ข้อใดเป็นผลที่เกิดจากการถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักร
1. เฟอริดอบซินถ่ายทอดอิเล็กตรอนให้ NADP กลายเป็น NADPH+
2. ระบบแสงสองมีการสูญเสียอิเล็กตรอน ท�าให้มีการดึงอิเล็กตรอนจากน�้า
3. โปรตอนในสโตรมามากขึ้น ส่งต่อไปให้ลูเมน อิเล็กตรอนเคลื่อนที่เข้าไปในลูเมน
4. โปรตอนสะสมในลูเมนมากขึ้น ท�าให้เกิดแรงขับโปรตอนออกมานอกลูเมน
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
13
1 antenna ของ PSI ดูดกลืนพลังงานแสง 2 photon กระตุ้นให้ P700 เกิด photo-oxidation 2 antenna ของ PSII รบัพลงังานแสง 2 photon กระตุน้ให้ P680 เกดิ photo-oxidation (เกดิพร้อมกบั PSI)3 e- เกิดการถ่ายทอดแบบไม่เป็นวัฏจักร จาก P700 → Fd → NADP+
4 NADP+ reductase เร่งให้ NADP+ + 2e- + 2H+ (ใน stroma) → NADPH + H+
5 ท�าให้ P700 ขาด e- → P680 จึงชดเชย e- ให้ P7006 e- เกดิการถ่ายทอดแบบไม่เป็นวฏัจกัร จาก P680 → Pq → cytochrome complex → Pc → P7007 ท�าให้ P680 ขาด e- → น�้าชดเชย e- ให้ P6808 พลังงานแสงกระตุ้นให้โมเลกุลของน�า้แตกตัว 9 เกดิ photolysis (Hill’s reaction) ใน thylakoid lumen ใกล้ๆ PSII ดงัสมการ H2O → 2
1 O2 + 2H+ + 2e-
10 เกิดล�าดับการถ่ายทอด e- แบบไม่เป็นวัฏจักร H2O → P680 (PSII) → Pq → cytochrome complex → Pc → P700 (PSI) → Fd → NADP+
e- แต่ละช่วงของการถ่ายทอดมีระดับพลังงานที่ต่างกัน (Z-scheme)11 ระหว่างการถ่ายทอด e- มีการปั๊ม H+ จาก stroma เข้าสู่ thylakoid lumen12 ↑ [H+] = ↓ pH ใน thylakoid lumen 13 เกิดผลต่างของความเข้มข้นและประจุระหว่าง thylakoid lumen กับ stroma14 เกิด facilitated diffusion จาก thylakoid lumen กลับเข้า stroma = chemiosmosis15 เกิด proton motive force16 ATP synthase น�าพลังงานไปสร้าง ATP = photophosphorylation
F1 noncyclic photophosphorylation : เกิดที่ thylakoid หรือ stroma lamella ของพืชทุกกลุ่ม ในสภาวะที่มีแสงเท่านั้น
OnDem
and
14
OnDem
and
แนวข้อสอบ PAT2 มี.ค. 57
15
primaryacceptor
primaryacceptor
NADP+
reductase
NADP+
NADPH
photosystem I
photosystem II
cytochromecomplex
Pq
Pc
ATP
FdFd
F2 cyclic photophosphorylation
1 antenna ของ PSI ดูดกลืนพลังงานแสง 2 photon กระตุ้นให้ P700 เกิด photo-oxidation 2 e- เกิดการถ่ายทอดแบบเป็นวัฏจักร จาก P700 → Fd → cytochrome complex → Pc → P7003 ระหว่างการถ่ายทอด e- มีการปั๊มโปรตอน (H+) จาก stroma เข้า thylakoid lumen4 ↑ [H+] = ↓ pH ใน thylakoid lumen 5 เกิดผลต่างของความเข้มข้นและประจุระหว่าง thylakoid lumen กับ stroma6 ขับเคลื่อนให้ H+ แพร่จาก thylakoid lumen กลับเข้า stroma = chemiosmosis7 เกิด proton motive force8 ATP synthase น�าพลังงานไปสร้าง ATP = photophosphorylation
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการถ่ายทอดอิเล็กตรอนแบบไม่เป็นวัฏจักรและเป็นวัฏจักร
noncyclic photophosphorylation cyclic photophosphorylation
1. e- จะไม่กลับสู่ที่เดิม แต่จะมี e- จาก PSII มาแทนที่ e- ใน PSI
1. e- ที่หลุดจาก chlorophyll ของ PSI จะกลับเข้าสู่ที่เดิม
2. มีการสร้าง NADPH + H+ 2. ไม่มีการสร้าง NADPH + H+
3. มี O2 เกิดขึ้น 3. ไม่มี O2 เกิดขึ้น
4. ใช้รงควัตถุ PSI และ PSII (การท�างานร่วมกันของ PSI และ PSII)
4. ใช้รงควัตถุ PSI เท่านั้น
5. มีกระบวนการ photolysis 5. ไม่มีกระบวนการ photolysis
6. พบในพืชทุกกลุ่ม 6. ส่วนใหญ่พบใน prokaryotic cell
OnDem
and