new สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007....

13
ขอสอบฟสิกส 1 หนา 1 / 11 สาขาวิชาฟสิกส คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ขอสอบปลายภาค 1/2550 วิชา 13-080-131 ฟสิกส 1 สําหรับวิศวกร (Physics I for Engineer) และ วิชา 09-080-131 ฟสิกส 1 (Physics I) สอบวันพฤหัสบดีที27 กันยายน 2550 คะแนนเต็ม 110 คะแนน ชื่อ ...................................................................................................รหัสนักศึกษา .............................................. กลุมนักศึกษา ...................................................................................อาจารยผูสอน... .......................................... คําชี้แจง 1. ขอสอบมีทั้งหมด 10 หนา (ไมรวมสูตร) ประกอบดวย 2 สวนคือ ปรนัย 30 ขอ ทําลงในกระดาษคําตอบที่ได จัดเตรียมไว และอัตนัย 5 ขอ ทําลงในชองวางใตโจทยของขอนั้น 2. หามแยกกระดาษขอสอบออกจากกัน ยกเวนสูตรและคาคงทีสามารถดึงออกได 3. สามารถใชเครื่องคิดเลขได 4. สามารถทดลงในขอสอบได ตอนที1 จงเลือกคําตอบที่ถูกที่สุดของแตละขอแลว X ลงในกระดาษคําตอบ (ขอละ 2 คะแนน) 1. อัมพลิจูดของการเคลื่อนที่แบบมวลติดสปริง มีคา A = 2.84 m และอัตราเร็วสูงสุด v max = 4.36 m/s คาบ ของการเคลื่อนที่นี้มีคาเทาใด . 3.21 วินาที . 6.32 วินาที . 4.09 วินาที . 8.01 วินาที 2. การเคลื่อนที่ของมวลกอนหนึ่ง บรรยายโดยสมการ x(t) = 5sin(30t+20), จงหาอัตราเร็วสูงสุดของมวลกอนนี(v max = ?) . 150 m/s .50 m/s . 15 m/s . 200 m/s 3. ลูกตุมนาฬิกาอยางงาย มีความถี0.6 Hz และมีความ ยาวเสนเชือก 0.7 m จงหาความเรงเนื่องจากแรงโนมถวง (g) ในบริเวณนั้น . 8.8 m/s . 9.2 m/s . 9.81 m/s . 9.94 m/s 4. ทอนเหล็กกลารูปทรงกระบอกตันยาว 4 m มี พื้นที่หนาตัด 0.01 m 2 จงหาความยาวที่หดสั้นลงเมื่อ นํามวลขนาด 5 × 10 4 kg มาวางทับ ( กําหนดให Young’s modulus ของเหล็กกลามีคาเทากับ 2 × 10 11 N/m 2 ) . 1.0 × 10 -4 m . 4.8 × 10 -4 m . 8.0 × 10 -4 m . 9.8 × 10 -4 m 5. ตะกั่วทรงกลมปริมาตร 4 m 3 ถูกโยนลงไปในทะเล ลึก ซึ่งมีความดัน 7 × 10 7 Pa ปริมาตรของตะกั่วจะ ลดลงไปเทาใด (กําหนดให Bulk’s modulus ของ ตะกั่วมีคาเทากับ 0.77 × 10 10 N/m 2 ) . 0.360 m 3 . 0.048 m 3 . 0.036 m 3 . 0.480 m 3

Upload: others

Post on 26-Oct-2020

3 views

Category:

Documents


0 download

TRANSCRIPT

Page 1: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 1 / 11

สาขาวชาฟสกส คณะวทยาศาสตรและเทคโนโลย มหาวทยาลยเทคโนโลยราชมงคลธญบร

ขอสอบปลายภาค 1/2550 วชา 13-080-131 ฟสกส 1 สาหรบวศวกร (Physics I for Engineer) และ วชา 09-080-131

ฟสกส 1 (Physics I)

สอบวนพฤหสบดท 27 กนยายน 2550 คะแนนเตม 110 คะแนน

ชอ ...................................................................................................รหสนกศกษา ..............................................

กลมนกศกษา ...................................................................................อาจารยผสอน... ..........................................

คาชแจง 1. ขอสอบมทงหมด 10 หนา (ไมรวมสตร) ประกอบดวย 2 สวนคอ ปรนย 30 ขอ ทาลงในกระดาษคาตอบทได

จดเตรยมไว และอตนย 5 ขอ ทาลงในชองวางใตโจทยของขอนน ๆ

2. หามแยกกระดาษขอสอบออกจากกน ยกเวนสตรและคาคงท สามารถดงออกได

3. สามารถใชเครองคดเลขได

4. สามารถทดลงในขอสอบได

ตอนท 1 จงเลอกคาตอบทถกทสดของแตละขอแลว X ลงในกระดาษคาตอบ (ขอละ 2 คะแนน)

1. อมพลจดของการเคลอนทแบบมวลตดสปรง มคา

A = 2.84 m และอตราเรวสงสด vmax = 4.36 m/s คาบ

ของการเคลอนทนมคาเทาใด

ก. 3.21 วนาท ข. 6.32 วนาท

ค. 4.09 วนาท ง. 8.01 วนาท

2. การเคลอนทของมวลกอนหนง บรรยายโดยสมการ

x(t) = 5sin(30t+20), จงหาอตราเรวสงสดของมวลกอนน

(vmax = ?)

ก. 150 m/s ข.50 m/s

ค. 15 m/s ง. 200 m/s

3. ลกตมนาฬกาอยางงาย มความถ 0.6 Hz และมความ

ยาวเสนเชอก 0.7 m จงหาความเรงเนองจากแรงโนมถวง

(g) ในบรเวณนน

ก. 8.8 m/s

ข. 9.2 m/s

ค. 9.81 m/s

ง. 9.94 m/s

4. ทอนเหลกกลารปทรงกระบอกตนยาว 4 m ม

พนทหนาตด 0.01 m2 จงหาความยาวทหดสนลงเมอ

นามวลขนาด 5 × 104 kg มาวางทบ (กาหนดให

Young’s modulus ของเหลกกลามคาเทากบ

2 × 1011 N/m2)

ก. 1.0 × 10-4 m

ข. 4.8 × 10-4 m

ค. 8.0 × 10-4 m

ง. 9.8 × 10-4 m

5. ตะกวทรงกลมปรมาตร 4 m3 ถกโยนลงไปในทะเล

ลก ซงมความดน 7 × 107 Pa ปรมาตรของตะกวจะ

ลดลงไปเทาใด (กาหนดให Bulk’s modulus ของ

ตะกวมคาเทากบ 0.77 × 1010 N/m2)

ก. 0.360 m3

ข. 0.048 m3 ค. 0.036 m3

ง. 0.480 m3

Page 2: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 2 / 11

6. แทงเหลกกลากวาง 1 m ยาว 1.2 m หนา 1 cm ดงรป

แรง F = 4 × 104 N กระทากบขอบดานบน เกดการกระจด

0.005 cm ความเคนเฉอน (Shear stress) มคาเทาใด

ก. 3.3 × 106 N/m2 ข. 4.1 × 10-5 N/m2

ค. 5.0 × 10-5 N/m2 ง. 4.0 × 106 N/m2

7. ปรอทในหลอดแกวรปตวย ดงในรป a ม พนทหนาตด

ดานซายและขวาเทากบ 10 cm2 และ 5 cm2 ตามลาดบ

เมอเตมนาลงไป 100 กรม ทาใหเปนดงรป b จงหาความ

สงทงหมดของนาในหลอดดานขวา

( ρ นา= 1 × 103 kg/m3)

ก. 10 cm ข. 12 cm

ค. 18 cm ง. 20 cm

8. ทอนไมลอยนาทมความหนาแนน 103 kg/m3 พบวาม

สวนลอยนา 2 สวนและสวนจมนา 3 สวนโดยปรมาตร

ความหนาแนนของทอนไมเทากบเทาใด

ก. 600 kg/m3

ข. 800 kg/m3

ค. 1666.7 kg/m3

ง. 1250 kg/m3

9. เครองอดไฮโดรลกเครองหนง มลกสบขนาดเลกเสน

ผานศนยกลาง 5 cm ออกแรงกดขนาด 150 N จงหา

ความดนบนลกสบใหญทมขนาดเสนผานศนยกลาง

40 cm

ก. 5.28 × 104 N/m2

ข. 6.37 × 104 N/m2

ค. 7.64 × 104 N/m2

ง. 8.45 × 104 N/m2

10. ทอนาประปามนาไหลในทอดวยการไหลแบบคงท

ซงมอตราเรวของนาเทากบ 10 cm/s หางออกมาใน

แนวเดยวกนขนาดพนทหนาตดของทอนเพมขนเปน 2

เทาอตราเรวของนาทไหลผานพนทนจะเปนเทาไร

ก. 10 cm/s ข. 5 cm/s

ค. 20 cm/s ง. 15 cm/s

11. จากการทดลองการเคลอนทของอากาศผานปก

ของเครองบน วดอตราเรวของอากาศทผานผวดานบน

ได 400 m/s และดานลางปก 200 m/s และ ρ อากาศ =

1.2 kg/m3 จงหาผลตางของความดนดานบนและ

ดานลางปกเปนเทาไรเมอไมคดความหนาของปก

ก. 144 kPa ข. 7.2 kPa

ค. 120 kPa ง. 72 kPa

12. อณหภม o30 C คดเปนกองศาฟาเรนไฮน

ก. 303 ข.243

ค. 86 ง. 48

13. กาซฮเลยม 0.5 โมล ทความดน 1 บรรยากาศ

(105 Pa) ขยายตวเปน 3 เทาของปรมาตรเดม โดยท

อณหภมคงท ความดนของกาซหลงจากขยายตวแลว

มคากบรรยากาศ

ก. 13

ข. 16

ค. 1

ง. 3

F0.005 cm

1.2 m

1 m

h = ?

Page 3: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 3 / 11

14. นาแขงมวล 1 kg มอณหภม -10 Co กลายเปนนาท

0 Co ทงหมด ตองใหความรอนแกนาแขงกกโลจล

กาหนดใหความรอนแฝงจาเพาะของนาแขง 333 × 103

J/kg, ความรอนแฝงจาเพาะของนา 2256 × 103J/kg

ความจความรอนจาเพาะของนาแขง 2.08 × 103 J/kg-K,

ความจความรอนจาเพาะของนา 4.22 × 103 J/kg-K

ก. 20.8 ข. 353.8

ค. 333 ง. 312.2

15. ระบบทางความรอน 2 ระบบ อยในสภาวะสมดลทาง

ความรอน หมายถง

ก. ระบบทงสองมปรมาณความรอนเทากน

ข. ระบบทงสองมอณหภมเทากน

ค. ระบบทงสองมความรอนไหลเขาเทากบความรอน

ไหลออก

ง. ระบบทงสองมอณหภมและปรมาณความรอน

เทากน

16. เมออดกาซชนดหนง 2 โมล จากปรมาตร 3.27 × 104 ลตร

อณหภม 0 Co ความดน 1.02 × 105 N/m ใหเหลอปรมาตร

2.77 × 104 ลตร ทความดนเดยวกน จงหางานทกระทาเพอ

บบกาซ (กาหนดให 1 ลตร = 10-3 m3)

ก. 4.24 × 105 J

ข. 4.98 × 105 J

ค. 5.10 × 105 J

ง. 3.96 × 105 J

17. ขอความใดกลาวถงกระบวนการทางเทอร โม

ไดนามกสไดถกตอง

ก. กระบวนการความรอนคงท U QΔ =

ข. กระบวนการการอณหภมคงทเปนกระบวนการท

เกดขนไดยากมาก

ค. กระบวนการปรมาตรคงท ( )2 1W P V V= −

ง. กระบวนการความดนคงท dU dW= −

18. อณหภมของกาซ 2N เพมขนจาก o10 C เปน o110 C สาหรบกาซ 2N มคา 0.177cal / g KVC = ⋅

0.248 cal / g KpC = ⋅ และมวลโมเลกล = 28 ถา

กระบวนการดงกลาวเกดขนเมอความดนคงท

พลงงานความรอนทใหกบกาซ 2N เปนเทาใด เมอม

กาซ 2N อย 1569 g

ก. 5.82 × 103 J ข. 3.64 × 103 J

ค. 4.98 × 103 J ง. 2.79 × 103 J

19. ตเยนทางาน 500 J ดงความรอนออก 120 J จาก

ภายในต ความรอนทตเยนระบายออกสภายนอกเปน

กจล

ก. 120 ข. 380

ค. 500 ง. 620

20. จาก ขอท 19. สมประสทธการปฏบตงานเปน

เทาไร

ก. 0.40 ข. 0.25

ค. 0.30 ง. 0.24

21. เครองยนตโรตารมกจงหวะ

ก. 1 ข. 2

ค. 3 ง. 4

22. ท 300 K พลงงานจลนเฉลยของกาซ 1 โมเลกลม

คาเทากบเทาใด

ก. 1.42 × 10-21 J ข. 3.62 × 10-21 J

ค. 4.21 × 10-21 J ง. 6.21 × 10-21 J

23. ท 200 K กาซจานวน 12.04 × 1023 โมเลกล ใน

กระบอกสบมอยทงหมดกโมล

ก. 2.00 ข. 0.50

ค. 1.00 ง. 0.25

24. โมเลกลของกาซ 3 ตว แตละตวมอตราเรว 500,

600 และ 800 m/s ความเรวของรากทสองของกาลง

สองเฉลยมคาเทากบเทาใด

ก. 612.2 m/s ข. 645.5 m/s

ค. 659.1 m/s ง. 677.3 m/s

Page 4: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 4 / 11

25. สมการของคลนในเสนเชอกเปนดงน

(10cm) sin6.0cm 15sec

y x tπ π⎛ ⎞= −⎜ ⎟

⎝ ⎠

จงหา อมพลจดของคลน

ก. 6 เซนตเมตร ข. 20 เซนตเมตร

ค. 10 เซนตเมตร ง. 12 เซนตเมตร

26. ทอปลายปดดงรปยาว 2.5 เมตร จงหาความยาวคลน

ของคลนนงในทอ

ก. 2 เมตร

ข. 2.5 เมตร

ค. 3 เมตร

ง. 3.5 เมตร

27. จงหาความเรวของคลนในเสนเชอก ทถกขงตงดวย

แรง 30 นวตน โดยเชอกมมวล 0.01 กรม ยาว 1 เมตร

ก. 1735 m/s ข. 1732 m/s

ค. 1738 m/s ง. 1740 m/s

28. มอดลสของยงของอลมเนยมเทากบ 7.2 × 10-10 N/m2

ถาอตราเรวของเสยงในอลมเนยมเทากบ 5.1 km/s จงหา

ความหนาแนนของอลมเนยม

ก. 1.4 × 10-20 kg/m3

ข. 1.4 × 10-13 kg/m3

ค. 2.8 × 10-17 kg/m3

ง. 1.8 × 10-20 kg/m3

29. แหลงกาเนดเสยงชนดหนงกระจายเสยงอยาง

สมาเสมอในทกทศทางดวยกาลง P = 1.0048 W จงหา

ความเขมของเสยงทระยะทาง 2 จากแหลงกาเนด และ

ระดบของเสยง (sound level) ในหนวยเดซเบลทระยะทาง 2

เมตรจากแหลงกาเนดเสยง

ก. 0.0032 W/m2, 95.05 dB

ข. 0.005 W/m2, 96.99 dB

ค. 0.02 W/m2, 103.01 dB

ง. 0.02 W/m2, 23.72 dB

30. ผสงเกตซงยนอยทชานชาลาสถานรถไฟแหงหนง

สงเกตวา รถไฟซงกาลงวงเขาสสถานดวยความเรว 90

กโลเมตร/ชวโมง หวดรถไฟทกาลงวงเขาสสถานและท

เคลอนทผานสถานมความถตางกน 400 เฮรตซ จงหา

ความถของหวดรถไฟ กาหนดความเรวของเสยงใน

อากาศเปน 350 เมตรตอวนาท

ก. 6114 Hz

ข. 2786 Hz

ค. 4500 Hz

ง. 5314 Hz

ขอใหลกศษยทรกโชค : D

Page 5: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 5 / 11

กระดาษคาตอบวชาฟสกส 1 ปลายภาค 1/2550

ชอ ...................................................................................................รหสนกศกษา ..............................................

กลมนกศกษา ...................................................................................อาจารยผสอน... ..........................................

ใหทาเครองหมาย X ทบลงในชองทมตวเลอก

1 ก ข ค ง 11 ก ข ค ง 21 ก ข ค ง

2 ก ข ค ง 12 ก ข ค ง 22 ก ข ค ง

คะแนน

3 ก ข ค ง 13 ก ข ค ง 23 ก ข ค ง ปรนย

4 ก ข ค ง 14 ก ข ค ง 24 ก ข ค ง

5 ก ข ค ง 15 ก ข ค ง 25 ก ข ค ง 1

6 ก ข ค ง 16 ก ข ค ง 26 ก ข ค ง 2

7 ก ข ค ง 17 ก ข ค ง 27 ก ข ค ง 3

8 ก ข ค ง 18 ก ข ค ง 28 ก ข ค ง 4

9 ก ข ค ง 19 ก ข ค ง 29 ก ข ค ง 5

10 ก ข ค ง 20 ก ข ค ง 30 ก ข ค ง รวม

Page 6: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 6 / 11

ตอนท 2 จงแสดงวธทาอยางละเอยด (ขอละ 10 คะแนน)

1. สปรงอนหนงเมอนาตมนาหนกมวล 500 กรม ถวงทปลาย แลวดงลงมาเลกนอยแลวปลอย ลกตมจะสนขน-ลง ใน

แนวดงโดยมคาบในการแกวงเทากบ 2 วนาท จงหาคาคงตวของสปรง (10 คะแนน)

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

Page 7: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 7 / 11

2. เรองกลศาสตรของไหล ขอสอบ ม 2 ขอ ใหเลอกทาเพยง 1 ขอเทานน

2.1 บววกตอเรย (บวกระดง) ใบมขนาดเสนผานศนยกลาง 1 เมตร ขอบใบสง 8 เซนตเมตร ตามหลกการของแรง

ลอยตว ถามคนมวล 50 กโลกรม นงบนใบบวจะไดหรอไม จงแสดงการคานวณ (5 คะแนน) และใบบวจะจมลงไปอกก

เซนตเมตร (5 คะแนน)

2.2 เปดนาใหไหลไปตามสายยางทมรศม 2 เซนตเมตรดวยอตราเรว 4 เมตรตอวนาท มความดน 4 × 105

ปาสคาล จากนนยกปลายสายยางขนเพอใหนาไหลใสตมทมความสง 1 เมตร จงหาอตราเรวของนา และความดนของนา

ทปลายสายยาง (10 คะแนน)

เลอกทาขอ..........

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

Page 8: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 8 / 11

3. จงตอบแสดงวธคานวณ และตอบคาถามตอไปน

3.1 ทอณหภมและความดนมาตรฐาน (0 o C ความดน 1 บรรยากาศ) ปรมาตรของกาซ 1 โมลเปนกลตร (3

คะแนน)

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

3.2 นาทองแดงอณหภม 250 o C ใสลงในกระปองแคลอรมเตอร มวล 50 กรม ทใสนามวล 250 กรม อณหภม

25 o C บรรจอย แลวนานาแขง มวล 100 กรม อณหภม 0 o C ใสลงไปทงไวสกคร นาและนาแขงระเหยกลายเปนไอท

อณหภม 100 o C หมดพอด มวลของทองแดงทนามาใสควรมคานอยทสดกกรม [กาหนดคาความจความรอนจาเพาะ

ของทองแดง, แคลอรมเตอร และนาเปน 0.093, 0.217, 1.0 ocal / g C⋅ และคาความรอนแฝงในการละลาย และ

กลายเปนไอของนา คอ 80 และ 540 cal/g ตามลาดบ ] (7 คะแนน)

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

Page 9: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 9 / 11

4. เครองจกรความรอนเครองหนงมตวกลางเปนกาซอดมตอะตอมเดยวจานวน 1 โมล เมอเครองจกรทางานครบ 1 รอบ

แสดงเปนแผนภาพ p V− ไดดงรป (10 คะแนน)

กาหนดให 5 32 2p VC R, C R= =

จงคานวณ

ก. การเปลยนแปลงพลงงานภายใน ตามเสนทาง 1 2→

...................................................................................

...................................................................................

...................................................................................

...................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

ข. การเปลยนแปลงพลงงานภายในตามเสนทาง 2 3→

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

ค. การเปลยนแปลงพลงงานภายในตามเสนทาง 3 1→

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

1

2

3

p

V

ความรอนคงท

1 300T K=

3 455T K=

2 600T K=

Page 10: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 10 / 11

5. คลนตามขวางบนเสนเชอกเคลอนท มสมการคลนเปน

( ) ( ) ( )6.0cm sin 2.0 rad/m 4.0 rad/sy x tπ π= +⎡ ⎤⎣ ⎦

จงหา (a) อมพลจดของคลน (b) ความยาวคลนของคลน

(c) ความถ (d) อตราเรวของคลน

(e) คลนเคลอนทไปในทศทาง +x หรอ -x

(f) ถามวลตอหนงหนวยความยาวของเชอกเทากบ 0.54 kg/m จงหาความตงเชอก

(g) จงหากาลงเฉลยของคลนน

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

...............................................................................................................................................................................

Page 11: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

ขอสอบฟสกส 1 หนา 11 / 11

เฉลย

1. ค

2. ก

3. ง 4. ง 5. ค

6. ก

7. ง 8. ก

9. ค

10. ข

11. ง 12. ค

13. ก

14. ข

15. ข

16. ค

17. ข

18. ก

19. ง 20. ง 21. ง 22. ง 23. ก

24. ข

25. ค

26. ก

27. ข

28. ค

29. ค

30. ข

Page 12: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

หนงสออเลกทรอนกส

ฟสกส 1(ภาคกลศาสตร( ฟสกส 1 (ความรอน)

ฟสกส 2 กลศาสตรเวกเตอร

โลหะวทยาฟสกส เอกสารคาสอนฟสกส 1ฟสกส 2 (บรรยาย( แกปญหาฟสกสดวยภาษา c ฟสกสพศวง สอนฟสกสผานทางอนเตอรเนต

ทดสอบออนไลน วดโอการเรยนการสอน หนาแรกในอดต แผนใสการเรยนการสอน

เอกสารการสอน PDF กจกรรมการทดลองทางวทยาศาสตร

แบบฝกหดออนไลน สดยอดสงประดษฐ

การทดลองเสมอน

บทความพเศษ ตารางธาต)ไทย1) 2 (Eng)

พจนานกรมฟสกส ลบสมองกบปญหาฟสกส

ธรรมชาตมหศจรรย สตรพนฐานฟสกส

การทดลองมหศจรรย ดาราศาสตรราชมงคล

แบบฝกหดกลาง

แบบฝกหดโลหะวทยา แบบทดสอบ

ความรรอบตวทวไป อะไรเอย ?

ทดสอบ)เกมเศรษฐ( คดปรศนา

ขอสอบเอนทรานซ เฉลยกลศาสตรเวกเตอร

คาศพทประจาสปดาห ความรรอบตว

การประดษฐแของโลก ผไดรบโนเบลสาขาฟสกส

นกวทยาศาสตรเทศ นกวทยาศาสตรไทย

ดาราศาสตรพศวง การทางานของอปกรณทางฟสกส

การทางานของอปกรณตางๆ

Page 13: New สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร ... · 2007. 10. 12. · สาขาวิชาฟ สิกส คณะวิทยาศาสตร

การเรยนการสอนฟสกส 1 ผานทางอนเตอรเนต

1. การวด 2. เวกเตอร3. การเคลอนทแบบหนงมต 4. การเคลอนทบนระนาบ5. กฎการเคลอนทของนวตน 6. การประยกตกฎการเคลอนทของนวตน7. งานและพลงงาน 8. การดลและโมเมนตม9. การหมน 10. สมดลของวตถแขงเกรง11. การเคลอนทแบบคาบ 12. ความยดหยน13. กลศาสตรของไหล 14. ปรมาณความรอน และ กลไกการถายโอนความรอน15. กฎขอทหนงและสองของเทอรโมไดนามก 16. คณสมบตเชงโมเลกลของสสาร

17. คลน 18.การสน และคลนเสยง การเรยนการสอนฟสกส 2 ผานทางอนเตอรเนต

1. ไฟฟาสถต 2. สนามไฟฟา3. ความกวางของสายฟา 4. ตวเกบประจและการตอตวตานทาน 5. ศกยไฟฟา 6. กระแสไฟฟา 7. สนามแมเหลก 8.การเหนยวนา9. ไฟฟากระแสสลบ 10. ทรานซสเตอร 11. สนามแมเหลกไฟฟาและเสาอากาศ 12. แสงและการมองเหน13. ทฤษฎสมพทธภาพ 14. กลศาสตรควอนตม 15. โครงสรางของอะตอม 16. นวเคลยร

การเรยนการสอนฟสกสทวไป ผานทางอนเตอรเนต

1. จลศาสตร )kinematic) 2. จลพลศาสตร (kinetics) 3. งานและโมเมนตม 4. ซมเปลฮารโมนก คลน และเสยง

5. ของไหลกบความรอน 6.ไฟฟาสถตกบกระแสไฟฟา 7. แมเหลกไฟฟา 8. คลนแมเหลกไฟฟากบแสง9. ทฤษฎสมพทธภาพ อะตอม และนวเคลยร

ฟสกสราชมงคล