movement

52
การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต การเคล ่อนไหวของสิ่งมวิต คร น้าทิพย เท่ยงตรง คร น้าทิพย เท่ยงตรง คร น้าทิพย เท่ยงตรง คร น้าทิพย เท่ยงตรง กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร LOGO www.themegallery.com กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร กล มสาระการเร ยนร วิทยาศาสตร

Upload: namthip-theangtrong

Post on 28-May-2015

1.017 views

Category:

Education


3 download

TRANSCRIPT

Page 1: Movement

การเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติการเคลือ่นไหวของสิง่มีชีวติ

ครนู้ําทิพย เทีย่งตรงครนู้ําทิพย เทีย่งตรงครนู้ําทิพย เทีย่งตรงครนู้ําทิพย เทีย่งตรง

กลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตร

LOGO

www.themegallery.com

กลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตรกลุมสาระการเรยีนรูวทิยาศาสตร

Page 2: Movement

การเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีวการเคลื่อนที่ของสิง่มชีวีติเซลลเดยีว

ภายในไซโทพลาสซึมของสิ่งมีชีวิตเซลลเดียวมีไซโตสเกเลตอน ทําหนาที่

เปนทั้งโครงรางค้าํจุนใหเซลลคงรูปรางอยูได และทําใหเกิดการเคลื่อนไหว

ภายในเซลล สิ่งมีชวีิตเซลลเดียวมกีารเคลื่อนที่แตกตางกันไปตามโครงราง

ของรางกาย โดยสามารถมกีารเคลื่อนที่ไดหลายลักษณะ คือ

1. การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

2. การเคลื่อนไหวโดยใชซีเลียและแฟลกเจลลัม

Page 3: Movement

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

การไหล Cytoplasm มี 2 แบบ คือ

- การเคลื่อนไหวแบบ Cyclosis (การไหลอยางมรีะเบยีบ) ใน

สาหรายหางกระรอก

- การเคลื่อนที่อะมีบา (amoeboid movement) ซึ่งเปนการ

ไหลอยางไมเปนระเบียบของไซโทพลาสซึมในเซลลของอะมีบาและรา

เมือก

Page 4: Movement

ในการเคลื่อนที่แบบอะมีบา ไซโทพลาสซึมแบงออกเปน 2 ชั้น

ชั้นนอกคอนขางแข็งตัว ขนเหนียวและไหลไปไมไดเรียกวา เอ็กโทพลาสซึม

(ectoplasm) สวนชั้นในมีสภาพเปนของเหลวมากกวา และไหลไดมากกวา

เรียกวา เอนโดพลาสซึม (Endoplasm) ในไซโตพลาสซึมของอะมีบามีไม

โคร ฟลาเมนต (microfilament) มากมาย ซึ่งประกอบดวยเสนใยโปรตีน

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

โคร ฟลาเมนต (microfilament) มากมาย ซึ่งประกอบดวยเสนใยโปรตีน

พวกแอกติน (actin) เมื่อเอนโดพลาสซึมไหลไปทาง ตอนปลายของเซลลใน

ทิศที่จะเคลื่อนที่ไปจะดันเยื่อหุมเซลลใหโปงออกมาเปน ซูโดโปเดียม

(pseudopodium) ตอจากนั้น ไซโตพลาสซึมที่เหลือจะเคลื่อนที่ตามมาใน

ทิศทางเดียวกับซูโดโปเดียม ทําใหอะมีบาเคลื่อนที่ไปได เรียกการ

เคลื่อนไหวแบบนี้วา การเคลื่อนไหวแบบอะมีบาหรือแบบอะมีบอยด

(amoeboid movement) การเคลื่อนไหวแบบนี้พบในเซลลเม็ดเลือดขาวดวย

Page 5: Movement

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

การเคลื่อนที่โดยอาศัยการไหลของไซโตพลาสซึม (Cytoplasmic streaming)

Page 6: Movement

การเคลื่อนไหวโดยใชซีเลียและแฟลกเจลลัม(Cilia and Flagellum)

สิ่งมีชีวิตหลายชนิดมีโครงสรางเล็ก ๆ เรียกวา ซีเลีย (Cilia) หรือ

แฟลกเจลลัม (Flagellum) ยื่นออกมาจากเซลลเพื่อใชในการเคลื่อนที่ การ

เคลื่อนไหวโดยใช Flagellum หรือ Cilia พบใน Protozoa บางชนิด เชน

Euglena, Paramecium และพบไดใน Planaria ในทอนําไขและหลอดลม

ของสัตวชั้นสูง Sperm ของสัตวชั้นสูง และพืชชั้นต่ําของสัตวชั้นสูง Sperm ของสัตวชั้นสูง และพืชชั้นต่ํา

Page 7: Movement

ซีเลียมีขนาดสั้นกวาแตมีจํานวนมากมายมองดูคลายขน ในขณะที่

แฟลกเจลลัมมีขนาดยาวกวาและมีจํานวนนอยกวามาก แตโครงสรางทั้ง

สองก็มีสวนประกอบพื้นฐานอยางเดียวกัน โครงสรางของFlagellum หรือ

Cilia ประกอบดวย ไมโครทูบูล (microtubule) ซึ่งมีลักษณะเปนหลอดเล็ก

ๆ เรียงตัวแบบ (9+2) (เปนแกนอยูตรงกลาง 2 หลอดลอมรอบดวยหลอด

การเคลื่อนไหวโดยใชซีเลียและแฟลกเจลลัม(Cilia and Flagellum)

ๆ เรียงตัวแบบ (9+2) (เปนแกนอยูตรงกลาง 2 หลอดลอมรอบดวยหลอด

เล็กๆ รอบนอกที่มีหลอดที่มีหลอดติดกันเปนคูๆ อีก 9 คู) โดยมีสวนโคน

ฝงอยูใน Cell membrane ไมโครทูบูลทั้งหมดนี้มีเยื้อบางๆ หุมอีกชั้นหนึ่ง

เยื่อบางๆ นี้จะติดตอเปนเยื่อเดียวกับเยื่อหุมเซลล โคนซีเลียและแฟลก

เจลลัมแตละเสนอยูลึกลงในเยื่อหุมเซลลเรียกวา เบซัลบอดี (Basal body)

หรือ ไคนโีทโซม (Kinetosome)

Page 8: Movement

การเคลื่อนไหวโดยใชซีเลียและแฟลกเจลลัม(Cilia and Flagellum)

Page 9: Movement
Page 10: Movement

การเคลื่อนที่ของสัตวไมมกีระดูกสันหลัง (Invertebrate)

มีวิธีการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ สัตวที่ไมมีกระดูกสันหลังจะมีแต

กลามเนื้อเปนโครงสรางหลักของรางกายในการเคลื่อนไหว จึงขึ้นกับ

โครงสรางและกลามเนื้อ

การเคลื่อนไหวของไฮดรา

สัตวพวกไฮดรามกีารเคลื่อนที่ไดหลายแบบโดยการทํางานของระบบสัตวพวกไฮดรามกีารเคลื่อนที่ไดหลายแบบโดยการทํางานของระบบ

กลามเนื้อ มีทั้งโดยการลอยตัว (floating) การยืดหดตัว และการหกคะเมน

ตีลังกา (Somersaulting) โดยใชกลามเนื้อลําตัวและเทนทาเคิล ซึ่งแบบนี้

เรียกวา “walking”

Page 11: Movement

แมงกะพรุนในระยะเมดูซา (madusa) มี

รูปรางคลายกระดิ่งและมีเทนทาเคิลมากมาย

การเคลื่อนที่ของแมงกะพรุน เกิดโดยการหด

ตัวของเนื้อเยื่อบริเวณของกระดิ่ง และผนังตัว

ซึ่งจะพนน้ําออกมาทางดานลาง แรงพนน้ํานี้

การเคลื่อนไหวของสัตวพวกแมงกะพรนุการเคลื่อนไหวของสัตวพวกแมงกะพรนุการเคลื่อนไหวของสัตวพวกแมงกะพรนุการเคลื่อนไหวของสัตวพวกแมงกะพรนุ

ซึ่งจะพนน้ําออกมาทางดานลาง แรงพนน้ํานี้

จะทําใหดันตัวแมงกะพรุนเคลื่อนที่ไปใน

ทิศทางที่ตรงกันขามกับทิศที่พนน้ําออกมา

แตไมมีการทํางานแบบแอนทาโกนิซึม

เพราะเปนการหดตัวและคลายตัวของ

กลามเนื้อชุดเดียวกัน ดังนัน้ การเคลื่อนที่

ของแมงกะพรนุจะอาศัยแรงดันน้ํา

Page 12: Movement

ไสเดือนดินเปนสัตวที่ไมมีระบบโครงกระดูก อาศัยการทํางานสัมพันธกัน

ของกลามเนื้อ 2 ชุด แบบแอนตาโกนิซึม (Antagonism) คือกลามเนื้อวง

(circular muscle) และกลามเนื้อตามยาวของลําตัว (longitudinal muscle)

ทําใหไสเดือนดินเคลื่อนที่ได ทั้งนี้แตละปลองของไสเดือนดินยังมีเดือย (setae)

เปนโครงสรางเล็ก ๆ ที่ยื่นออกจากผนังลําตัวรอบปลองชวยใหเคลื่อนทีไ่ป

การเคลื่อนไหวของไสเดอืนดนิการเคลื่อนไหวของไสเดอืนดนิการเคลื่อนไหวของไสเดอืนดนิการเคลื่อนไหวของไสเดอืนดนิ

เปนโครงสรางเล็ก ๆ ที่ยื่นออกจากผนังลําตัวรอบปลองชวยใหเคลื่อนทีไ่ป

ขางหนาได

Page 13: Movement
Page 14: Movement

ดาวทะเลเคลื่อนที่ไดโดยใชทิวบฟต(tube feet)

ซึ่งมีลักษณะเปนหลอด มีจํานวนมากอยูทาง

ดานลางของลําตัวทิวบฟตแตละอันติดตอกับ

กระเปาะ (ampulla) น้ําจะเขาสูกระเปาะมา

ทางมาดรโีพไรต (madreporite) เมื่อ

การเคลื่อนไหวของดาวทะเลการเคลื่อนไหวของดาวทะเลการเคลื่อนไหวของดาวทะเลการเคลื่อนไหวของดาวทะเล

ทางมาดรโีพไรต (madreporite) เมื่อ

กลามเนื้อที่กระเปาะหดตัว จะดันน้าํในทิวบฟต

ยืดยาวออก เมื่อเคลื่อนที่ไปแลว ทิวบฟตจะหด

สั้นเขา ดันน้ํากลับเขาสูกระเปาะใหม การยืด

และหดของทิวบฟตหลายๆอันตอเนื่องกันทําให

ดาวทะเลเคลื่อนที่ได

Page 15: Movement
Page 16: Movement

การเคลือ่นไหวของแมลงการเคลือ่นไหวของแมลงการเคลือ่นไหวของแมลงการเคลือ่นไหวของแมลง

ลักษณะการลักษณะการลักษณะการลักษณะการ

ทํางานทํางานทํางานทํางาน

กลามเนื้อยดึอกกลามเนื้อยดึอกกลามเนื้อยดึอกกลามเนื้อยดึอก กลามเนื้อกลามเนื้อกลามเนื้อกลามเนื้อ

ตามยาวตามยาวตามยาวตามยาว

ผลการทาํงานผลการทาํงานผลการทาํงานผลการทาํงาน

หดหดหดหด คลายคลายคลายคลาย ยกปกขึน้ยกปกขึน้ยกปกขึน้ยกปกขึน้

คลายคลายคลายคลาย หดหดหดหด กดปกลงกดปกลงกดปกลงกดปกลง

Page 17: Movement

การเคลือ่นไหวของหมึกการเคลือ่นไหวของหมึกการเคลือ่นไหวของหมึกการเคลือ่นไหวของหมึก

หมึกเปนสัตวจําพวกหอยที่มีเปลือกแข็งหุมตัว ลําตัวเปนรูปกรวย รอบ ๆ คอมีหมึกเปนสัตวจําพวกหอยที่มีเปลือกแข็งหุมตัว ลําตัวเปนรูปกรวย รอบ ๆ คอมีหมึกเปนสัตวจําพวกหอยที่มีเปลือกแข็งหุมตัว ลําตัวเปนรูปกรวย รอบ ๆ คอมีหมึกเปนสัตวจําพวกหอยที่มีเปลือกแข็งหุมตัว ลําตัวเปนรูปกรวย รอบ ๆ คอมี

ขอบอิสระของแมนเทิล ขอบอิสระของแมนเทิล ขอบอิสระของแมนเทิล ขอบอิสระของแมนเทิล (mantle)(mantle)(mantle)(mantle) ประกอบเปนปลอกคอ ใตคอมีกรวยเปนทอน้ํา ประกอบเปนปลอกคอ ใตคอมีกรวยเปนทอน้ํา ประกอบเปนปลอกคอ ใตคอมีกรวยเปนทอน้ํา ประกอบเปนปลอกคอ ใตคอมีกรวยเปนทอน้ํา

เรียก เรียก เรียก เรียก ไซฟอน ไซฟอน ไซฟอน ไซฟอน ((((siphon)siphon)siphon)siphon) น้ําจะถูกดูดเขาและบีบออกจากชองแมนเทิลน้ําจะถูกดูดเขาและบีบออกจากชองแมนเทิลน้ําจะถูกดูดเขาและบีบออกจากชองแมนเทิลน้ําจะถูกดูดเขาและบีบออกจากชองแมนเทิล

Page 18: Movement

การเคลือ่นไหวของปลาการเคลือ่นไหวของปลาการเคลือ่นไหวของปลาการเคลือ่นไหวของปลา

เปนสัตวน้ํามีการปรับตัวใหเหมาะสมกับการดํารงชีวิตอยูในน้ํา โดยการมีเปนสัตวน้ํามีการปรับตัวใหเหมาะสมกับการดํารงชีวิตอยูในน้ํา โดยการมีเปนสัตวน้ํามีการปรับตัวใหเหมาะสมกับการดํารงชีวิตอยูในน้ํา โดยการมีเปนสัตวน้ํามีการปรับตัวใหเหมาะสมกับการดํารงชีวิตอยูในน้ํา โดยการมี

ลําตัวที่เรียวแบน มีเมือกลื่น เพื่อลดแรงเสียดทาน มีครีบเดี่ยว ลําตัวที่เรียวแบน มีเมือกลื่น เพื่อลดแรงเสียดทาน มีครีบเดี่ยว ลําตัวที่เรียวแบน มีเมือกลื่น เพื่อลดแรงเสียดทาน มีครีบเดี่ยว ลําตัวที่เรียวแบน มีเมือกลื่น เพื่อลดแรงเสียดทาน มีครีบเดี่ยว ((((หลังหลังหลังหลัง,,,, หางหางหางหาง, , , , ทวารทวารทวารทวาร) ) ) ) ใชใชใชใช

บังคับทิศทางไปขางหนา ครีบหลัง บังคับทิศทางไปขางหนา ครีบหลัง บังคับทิศทางไปขางหนา ครีบหลัง บังคับทิศทางไปขางหนา ครีบหลัง ((((อกอกอกอก,,,, สะโพกสะโพกสะโพกสะโพก) ) ) ) ใชพยุงลําตัวเคลื่อนที่ขึ้นลงแนวดิ่ง ใชพยุงลําตัวเคลื่อนที่ขึ้นลงแนวดิ่ง ใชพยุงลําตัวเคลื่อนที่ขึ้นลงแนวดิ่ง ใชพยุงลําตัวเคลื่อนที่ขึ้นลงแนวดิ่ง

มีถุงลม มีถุงลม มีถุงลม มีถุงลม (Air bladder) (Air bladder) (Air bladder) (Air bladder) ชวยลอยตัว มีกลามเนื้อยึด ชวยลอยตัว มีกลามเนื้อยึด ชวยลอยตัว มีกลามเนื้อยึด ชวยลอยตัว มีกลามเนื้อยึด 2 2 2 2 ขางของกระดูกสันหลังเปนแถบ ขางของกระดูกสันหลังเปนแถบ ขางของกระดูกสันหลังเปนแถบ ขางของกระดูกสันหลังเปนแถบ

ทํางานแบบ ทํางานแบบ ทํางานแบบ ทํางานแบบ antagonism antagonism antagonism antagonism จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว SSSSทํางานแบบ ทํางานแบบ ทํางานแบบ ทํางานแบบ antagonism antagonism antagonism antagonism จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว จึงทําใหมีการเคลื่อนที่แบบตัว SSSS

Page 19: Movement

การเคลือ่นไหวของนกการเคลือ่นไหวของนกการเคลือ่นไหวของนกการเคลือ่นไหวของนก

สัตวที่บินได มีน้ําหนักตัวเบา โดยการมีกระดูกกลวง มีถุงลม มีปกที่มีสัตวที่บินได มีน้ําหนักตัวเบา โดยการมีกระดูกกลวง มีถุงลม มีปกที่มีสัตวที่บินได มีน้ําหนักตัวเบา โดยการมีกระดูกกลวง มีถุงลม มีปกที่มีสัตวที่บินได มีน้ําหนักตัวเบา โดยการมีกระดูกกลวง มีถุงลม มีปกที่มี

โครงสรางแบบ โครงสรางแบบ โครงสรางแบบ โครงสรางแบบ air foil air foil air foil air foil มีขนแบบ มีขนแบบ มีขนแบบ มีขนแบบ featherfeatherfeatherfeather ซึ่งเบา และอุมลม ขณะบินใชซึ่งเบา และอุมลม ขณะบินใชซึ่งเบา และอุมลม ขณะบินใชซึ่งเบา และอุมลม ขณะบินใช

กลามเนื้อ กลามเนื้อ กลามเนื้อ กลามเนื้อ 2 2 2 2 ชุด ทํางานประสานกันแบบ ชุด ทํางานประสานกันแบบ ชุด ทํางานประสานกันแบบ ชุด ทํางานประสานกันแบบ antagonismantagonismantagonismantagonism ดังนี้ เมื่อกลามเนื้อยกดังนี้ เมื่อกลามเนื้อยกดังนี้ เมื่อกลามเนื้อยกดังนี้ เมื่อกลามเนื้อยก

ปกหดตัว และกลามเนื้อกดปกคลายตัว ปกจะยกขึ้น แตถาเมื่อกลามเนื้อยกปกปกหดตัว และกลามเนื้อกดปกคลายตัว ปกจะยกขึ้น แตถาเมื่อกลามเนื้อยกปกปกหดตัว และกลามเนื้อกดปกคลายตัว ปกจะยกขึ้น แตถาเมื่อกลามเนื้อยกปกปกหดตัว และกลามเนื้อกดปกคลายตัว ปกจะยกขึ้น แตถาเมื่อกลามเนื้อยกปก

คลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้นคลายตัว และกลามเนื้อกดปกหดตัว ปกจะขยับลงขึ้น

Page 20: Movement
Page 21: Movement

การเคลือ่นไหวของเสอืชีตารการเคลือ่นไหวของเสอืชีตารการเคลือ่นไหวของเสอืชีตารการเคลือ่นไหวของเสอืชีตาร

เคลื่อนที่ได เร็วมาก ประมาณ เคลื่อนที่ได เร็วมาก ประมาณ เคลื่อนที่ได เร็วมาก ประมาณ เคลื่อนที่ได เร็วมาก ประมาณ 110110110110 กิโลเมตรกิโลเมตรกิโลเมตรกิโลเมตร////ชั่วโมง เปนผลมากจากชั่วโมง เปนผลมากจากชั่วโมง เปนผลมากจากชั่วโมง เปนผลมากจาก

ความสามารถในการโคงงอของกระดูกสันหลังในการเคลื่อนที่และเมื่อพุงตวักระดกูความสามารถในการโคงงอของกระดูกสันหลังในการเคลื่อนที่และเมื่อพุงตวักระดกูความสามารถในการโคงงอของกระดูกสันหลังในการเคลื่อนที่และเมื่อพุงตวักระดกูความสามารถในการโคงงอของกระดูกสันหลังในการเคลื่อนที่และเมื่อพุงตวักระดกู

สันหลังจะเหยียดออกไป สันหลังจะเหยียดออกไป สันหลังจะเหยียดออกไป สันหลังจะเหยียดออกไป ((((สันหลังจะมีสวนสําคัญ ในการชวยสปริงตัว ระยะยืดของสันหลังจะมีสวนสําคัญ ในการชวยสปริงตัว ระยะยืดของสันหลังจะมีสวนสําคัญ ในการชวยสปริงตัว ระยะยืดของสันหลังจะมีสวนสําคัญ ในการชวยสปริงตัว ระยะยืดของ

ชวงกวางของขาชวงกวางของขาชวงกวางของขาชวงกวางของขา))))

Page 22: Movement

การเคลือ่นไหวของคน การเคลือ่นไหวของคน การเคลือ่นไหวของคน การเคลือ่นไหวของคน

การเคลื่อนไหวของคนอาศยัโครงสรางสาํคญั ไดแก กระดกู กลามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของคนอาศยัโครงสรางสาํคญั ไดแก กระดกู กลามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของคนอาศยัโครงสรางสาํคญั ไดแก กระดกู กลามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของคนอาศยัโครงสรางสาํคญั ไดแก กระดกู กลามเนื้อ และ

เอน็ ซึง่ทาํหนาที่ประสานกอใหเกดิการเคลื่อนไหวของรางกายไดเอน็ ซึง่ทาํหนาที่ประสานกอใหเกดิการเคลื่อนไหวของรางกายไดเอน็ ซึง่ทาํหนาที่ประสานกอใหเกดิการเคลื่อนไหวของรางกายไดเอน็ ซึง่ทาํหนาที่ประสานกอใหเกดิการเคลื่อนไหวของรางกายได

Page 23: Movement

ในทารกแรกเกดิจะมีกระดูกออน ในทารกแรกเกดิจะมีกระดูกออน ในทารกแรกเกดิจะมีกระดูกออน ในทารกแรกเกดิจะมีกระดูกออน 350350350350 ชิน้ ซึง่มากกวาผูใหญถงึ ชิน้ ซึง่มากกวาผูใหญถงึ ชิน้ ซึง่มากกวาผูใหญถงึ ชิน้ ซึง่มากกวาผูใหญถงึ 150150150150 ชิน้ ชิน้ ชิน้ ชิน้

กระดกูของทารกเหลานี้ไมไดหายไปไหน แตกระดกูจะเชื่อมกนัสมบรูณเมื่ออายุกระดกูของทารกเหลานี้ไมไดหายไปไหน แตกระดกูจะเชื่อมกนัสมบรูณเมื่ออายุกระดกูของทารกเหลานี้ไมไดหายไปไหน แตกระดกูจะเชื่อมกนัสมบรูณเมื่ออายุกระดกูของทารกเหลานี้ไมไดหายไปไหน แตกระดกูจะเชื่อมกนัสมบรูณเมื่ออายุ

ประมาณ ประมาณ ประมาณ ประมาณ 20202020----25252525 ป ทําใหกระดกูเหลืออยูทัง้หมด ป ทําใหกระดกูเหลืออยูทัง้หมด ป ทําใหกระดกูเหลืออยูทัง้หมด ป ทําใหกระดกูเหลืออยูทัง้หมด 206206206206 ชิน้ เปนกระดกูที่แขง็ชิน้ เปนกระดกูที่แขง็ชิน้ เปนกระดกูที่แขง็ชิน้ เปนกระดกูที่แขง็

และอยูอยางถาวรและอยูอยางถาวรและอยูอยางถาวรและอยูอยางถาวร

ระบบโครงกระดกู ระบบโครงกระดกู ระบบโครงกระดกู ระบบโครงกระดกู (skeleton system) (skeleton system) (skeleton system) (skeleton system)

การเจรญิเตบิโตของกระดกูการเจรญิเตบิโตของกระดกูการเจรญิเตบิโตของกระดกูการเจรญิเตบิโตของกระดกู

Page 24: Movement

โครงสรางของกระดกูโครงสรางของกระดกูโครงสรางของกระดกูโครงสรางของกระดกู

กระดูกจะมีเนื้อเยื่อหนาหอหุมอยูเรียกวา กระดูกจะมีเนื้อเยื่อหนาหอหุมอยูเรียกวา กระดูกจะมีเนื้อเยื่อหนาหอหุมอยูเรียกวา กระดูกจะมีเนื้อเยื่อหนาหอหุมอยูเรียกวา เยื่อหุมเยื่อหุมเยื่อหุมเยื่อหุม

กระดูก กระดูก กระดูก กระดูก (periosteum)(periosteum)(periosteum)(periosteum) ซึ่งเยื่อหุมกระดูกนี้ประกอบดวยซึ่งเยื่อหุมกระดูกนี้ประกอบดวยซึ่งเยื่อหุมกระดูกนี้ประกอบดวยซึ่งเยื่อหุมกระดูกนี้ประกอบดวย

เสนประสาท และหลอดเลือดอัดแนนเพื่อไวสําหรับนําเสนประสาท และหลอดเลือดอัดแนนเพื่อไวสําหรับนําเสนประสาท และหลอดเลือดอัดแนนเพื่อไวสําหรับนําเสนประสาท และหลอดเลือดอัดแนนเพื่อไวสําหรับนํา

เลือดมาเลี้ยงเซลลกระดูกซึ่งอยูลึกเขาไปดานใน และกระเลือดมาเลี้ยงเซลลกระดูกซึ่งอยูลึกเขาไปดานใน และกระเลือดมาเลี้ยงเซลลกระดูกซึ่งอยูลึกเขาไปดานใน และกระเลือดมาเลี้ยงเซลลกระดูกซึ่งอยูลึกเขาไปดานใน และกระ

ดุกชั้นนอก เมื่อเลาะเยื่อหุมกระดูกชั้นนอกออกจะพบดุกชั้นนอก เมื่อเลาะเยื่อหุมกระดูกชั้นนอกออกจะพบดุกชั้นนอก เมื่อเลาะเยื่อหุมกระดูกชั้นนอกออกจะพบดุกชั้นนอก เมื่อเลาะเยื่อหุมกระดูกชั้นนอกออกจะพบ

สวนที่แข็งและแนน เรียก สวนที่แข็งและแนน เรียก สวนที่แข็งและแนน เรียก สวนที่แข็งและแนน เรียก กระดูกทึบกระดูกทึบกระดูกทึบกระดูกทึบ (compact bone)(compact bone)(compact bone)(compact bone)

กระดูกในชั้นนี้มีลักษณะเปนทรงกระบอกและแข็งอยางกระดูกในชั้นนี้มีลักษณะเปนทรงกระบอกและแข็งอยางกระดูกในชั้นนี้มีลักษณะเปนทรงกระบอกและแข็งอยางกระดูกในชั้นนี้มีลักษณะเปนทรงกระบอกและแข็งอยาง

ยิ่ง ประกอบดวยเกลือแรสะสมอยูในลักษณะเปนวงกลมยิ่ง ประกอบดวยเกลือแรสะสมอยูในลักษณะเปนวงกลมยิ่ง ประกอบดวยเกลือแรสะสมอยูในลักษณะเปนวงกลมยิ่ง ประกอบดวยเกลือแรสะสมอยูในลักษณะเปนวงกลม

ลอมรอบทอขนาดเล็ก ๆ เรียกวา ลอมรอบทอขนาดเล็ก ๆ เรียกวา ลอมรอบทอขนาดเล็ก ๆ เรียกวา ลอมรอบทอขนาดเล็ก ๆ เรียกวา ทอฮารเวอรเชียน ทอฮารเวอรเชียน ทอฮารเวอรเชียน ทอฮารเวอรเชียน

(harversian canal)(harversian canal)(harversian canal)(harversian canal) สวนกระดูกชั้นในนั้นคลายรวงผึ้ง สวนกระดูกชั้นในนั้นคลายรวงผึ้ง สวนกระดูกชั้นในนั้นคลายรวงผึ้ง สวนกระดูกชั้นในนั้นคลายรวงผึ้ง

หรือ ฟองน้ํา เนื่องจากมีลักษณะเปนรางแห เรียกหรือ ฟองน้ํา เนื่องจากมีลักษณะเปนรางแห เรียกหรือ ฟองน้ํา เนื่องจากมีลักษณะเปนรางแห เรียกหรือ ฟองน้ํา เนื่องจากมีลักษณะเปนรางแห เรียก

กระดูกสวนนี้วา กระดูกสวนนี้วา กระดูกสวนนี้วา กระดูกสวนนี้วา กระดูกพรุนกระดูกพรุนกระดูกพรุนกระดูกพรุน (spongy bone)(spongy bone)(spongy bone)(spongy bone)

Page 25: Movement

โครงสรางของกระดูกโครงสรางของกระดูกโครงสรางของกระดูกโครงสรางของกระดูก

Page 26: Movement

ภายในแกนกลางของกระดกูหลายสวนภายในแกนกลางของกระดกูหลายสวนภายในแกนกลางของกระดกูหลายสวนภายในแกนกลางของกระดกูหลายสวน

ของรางกายจะมี ของรางกายจะมี ของรางกายจะมี ของรางกายจะมี ไขกระดูกสีแดง ไขกระดูกสีแดง ไขกระดูกสีแดง ไขกระดูกสีแดง (red (red (red (red

bone marrow)bone marrow)bone marrow)bone marrow) ซึ่งเปนแหลงผลิตเม็ดเลือดซึ่งเปนแหลงผลิตเม็ดเลือดซึ่งเปนแหลงผลิตเม็ดเลือดซึ่งเปนแหลงผลิตเม็ดเลือด

แ ด ง ที่ สํ า คั ญ ข อ ง ร า ง ก าย ใ น ส ว นแ ด งที่ สํ า คั ญ ข อ ง ร า ง ก าย ใ น ส ว นแ ด งที่ สํ า คั ญ ข อ ง ร า ง ก าย ใ น ส ว นแ ด งที่ สํ า คั ญ ข อ ง ร า ง ก าย ใ น ส ว น

แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี ไขกระดูกไขกระดูกไขกระดูกไขกระดูกแกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี แกนกลางของกระดูกชิ้นยาวจะมี ไขกระดูกไขกระดูกไขกระดูกไขกระดูก

สีเหลืองสีเหลืองสีเหลืองสีเหลือง(yellow bone marrow)(yellow bone marrow)(yellow bone marrow)(yellow bone marrow) ซึ่งมีไขมันซึ่งมีไขมันซึ่งมีไขมันซึ่งมีไขมัน

เปนองคประกอบหลักบรรจุอยูภายใน แตเปนองคประกอบหลักบรรจุอยูภายใน แตเปนองคประกอบหลักบรรจุอยูภายใน แตเปนองคประกอบหลักบรรจุอยูภายใน แต

ถาเกิดภาวะฉุกเฉินของรางกาย ไขกระดูกถาเกิดภาวะฉุกเฉินของรางกาย ไขกระดูกถาเกิดภาวะฉุกเฉินของรางกาย ไขกระดูกถาเกิดภาวะฉุกเฉินของรางกาย ไขกระดูก

สีเหลืองอาจเปลี่ยนเปนไขกระดูกสีแดง เพื่อสีเหลืองอาจเปลี่ยนเปนไขกระดูกสีแดง เพื่อสีเหลืองอาจเปลี่ยนเปนไขกระดูกสีแดง เพื่อสีเหลืองอาจเปลี่ยนเปนไขกระดูกสีแดง เพื่อ

ทําหนาที่ผลิตเม็ดเลือดแดงไดเชนเดียวกัน ทําหนาที่ผลิตเม็ดเลือดแดงไดเชนเดียวกัน ทําหนาที่ผลิตเม็ดเลือดแดงไดเชนเดียวกัน ทําหนาที่ผลิตเม็ดเลือดแดงไดเชนเดียวกัน

Page 27: Movement
Page 28: Movement

กระดกูแข็งทัง้หมด กระดกูแข็งทัง้หมด กระดกูแข็งทัง้หมด กระดกูแข็งทัง้หมด 206206206206 ชิน้ แบงเปนชิน้ แบงเปนชิน้ แบงเปนชิน้ แบงเปน

1111. . . . กระดูกแกนกลาง กระดูกแกนกลาง กระดูกแกนกลาง กระดูกแกนกลาง (axial skeleton)(axial skeleton)(axial skeleton)(axial skeleton) 80 80 80 80

ชิน้ชิน้ชิน้ชิน้

ไดแก กระดกูกะโหลกศรีษะไดแก กระดกูกะโหลกศรีษะไดแก กระดกูกะโหลกศรีษะไดแก กระดกูกะโหลกศรีษะ(skull) (skull) (skull) (skull) มี มี มี มี 29 29 29 29 ชิน้ ชิน้ ชิน้ ชิน้

กระดูกสนัหลงักระดูกสนัหลงักระดูกสนัหลงักระดูกสนัหลงั (vertebra) (vertebra) (vertebra) (vertebra) มี มี มี มี 26 26 26 26 ชิ้น ชิ้น ชิ้น ชิ้น

กระดูกซี่โครงกระดูกซี่โครงกระดูกซี่โครงกระดูกซี่โครง (rib) (rib) (rib) (rib) มี มี มี มี 12 12 12 12 คู คู คู คู

กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก (sternum) (sternum) (sternum) (sternum) 1111 ชิ้นชิ้นชิ้นชิ้น กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก กระดูกหนาอก (sternum) (sternum) (sternum) (sternum) 1111 ชิ้นชิ้นชิ้นชิ้น

2222. . . . กระดูกรยางคกระดูกรยางคกระดูกรยางคกระดูกรยางค (appendicular skeleton) (appendicular skeleton) (appendicular skeleton) (appendicular skeleton)

126 126 126 126 ชิ้นชิ้นชิ้นชิ้น ไดแก กระดูกแขนขา ไดแก กระดูกแขนขา ไดแก กระดูกแขนขา ไดแก กระดูกแขนขา 120 120 120 120 ชิ้น รวมฝาชิ้น รวมฝาชิ้น รวมฝาชิ้น รวมฝา

มือฝาเทา มือฝาเทา มือฝาเทา มือฝาเทา

((((ขางละ ขางละ ขางละ ขางละ 30303030 ชิ้นชิ้นชิ้นชิ้น))))

กระดกูเชงิกราน กระดกูเชงิกราน กระดกูเชงิกราน กระดกูเชงิกราน (pelvic girdle) (pelvic girdle) (pelvic girdle) (pelvic girdle) 2222 ชิน้ชิน้ชิน้ชิน้

กระดกูหัวไหล กระดกูหัวไหล กระดกูหัวไหล กระดกูหัวไหล (shoulder girdle) (shoulder girdle) (shoulder girdle) (shoulder girdle) 4444 ชิน้ชิน้ชิน้ชิน้

Page 29: Movement

ขอตอ ขอตอ ขอตอ ขอตอ (joint) (joint) (joint) (joint)

ขอตอเปนบรเิวณที่กระดกู ขอตอเปนบรเิวณที่กระดกู ขอตอเปนบรเิวณที่กระดกู ขอตอเปนบรเิวณที่กระดกู 2 2 2 2 ทอนมาเชื่อมตอกันและเชื่อมโยงใหอวยัวะทอนมาเชื่อมตอกันและเชื่อมโยงใหอวยัวะทอนมาเชื่อมตอกันและเชื่อมโยงใหอวยัวะทอนมาเชื่อมตอกันและเชื่อมโยงใหอวยัวะ

เคลื่อนไหวได ซึง่สามารถแบงไดตามลักษณะการเคลื่อนไหวไดดงันี้เคลื่อนไหวได ซึง่สามารถแบงไดตามลักษณะการเคลื่อนไหวไดดงันี้เคลื่อนไหวได ซึง่สามารถแบงไดตามลักษณะการเคลื่อนไหวไดดงันี้เคลื่อนไหวได ซึง่สามารถแบงไดตามลักษณะการเคลื่อนไหวไดดงันี้

1111. . . . ขอตอชนดิที่เคลื่อนไหวไมไดขอตอชนดิที่เคลื่อนไหวไมไดขอตอชนดิที่เคลื่อนไหวไมไดขอตอชนดิที่เคลื่อนไหวไมได (synarthoses)(synarthoses)(synarthoses)(synarthoses) เปนขอตอที่ประกอบดวยเนื้อเยื่อเปนขอตอที่ประกอบดวยเนื้อเยื่อเปนขอตอที่ประกอบดวยเนื้อเยื่อเปนขอตอที่ประกอบดวยเนื้อเยื่อ

เกี่ยวพนัที่เปนเสนใย มคีวามแขง็แรงและตอกนัสนิท ไดแก ขอตอระหวางกะโหลกเกี่ยวพนัที่เปนเสนใย มคีวามแขง็แรงและตอกนัสนิท ไดแก ขอตอระหวางกะโหลกเกี่ยวพนัที่เปนเสนใย มคีวามแขง็แรงและตอกนัสนิท ไดแก ขอตอระหวางกะโหลกเกี่ยวพนัที่เปนเสนใย มคีวามแขง็แรงและตอกนัสนิท ไดแก ขอตอระหวางกะโหลก

ศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสานศีรษะ เปนแนวกระดกูประสาน

2222. . . . ขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดบางขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดบางขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดบางขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดบาง (amphiarthoses)(amphiarthoses)(amphiarthoses)(amphiarthoses) เปนขอตอที่ประกอบดวยเปนขอตอที่ประกอบดวยเปนขอตอที่ประกอบดวยเปนขอตอที่ประกอบดวย

กระดูกออน กระดูกออน กระดูกออน กระดูกออน (fibrocartilage)(fibrocartilage)(fibrocartilage)(fibrocartilage)อยูระหวางปลายกระดูกทั้ง อยูระหวางปลายกระดูกทั้ง อยูระหวางปลายกระดูกทั้ง อยูระหวางปลายกระดูกทั้ง 2 2 2 2 ที่มาตอกันขอตอแบบนี้ที่มาตอกันขอตอแบบนี้ที่มาตอกันขอตอแบบนี้ที่มาตอกันขอตอแบบนี้

สามารถเคลื่อนไหวไดบาง เรียกวา ขอตอกระดูกออน สามารถเคลื่อนไหวไดบาง เรียกวา ขอตอกระดูกออน สามารถเคลื่อนไหวไดบาง เรียกวา ขอตอกระดูกออน สามารถเคลื่อนไหวไดบาง เรียกวา ขอตอกระดูกออน (cartilage joint) (cartilage joint) (cartilage joint) (cartilage joint) ไดแก ขอไดแก ขอไดแก ขอไดแก ขอ

ตอที่อยูระหวางกระดูกเชิงกรานตรงบริเวณหัวเหนาเรยีกวา ขอตอกระดกูเชงิกราน ตอที่อยูระหวางกระดูกเชิงกรานตรงบริเวณหัวเหนาเรยีกวา ขอตอกระดกูเชงิกราน ตอที่อยูระหวางกระดูกเชิงกรานตรงบริเวณหัวเหนาเรยีกวา ขอตอกระดกูเชงิกราน ตอที่อยูระหวางกระดูกเชิงกรานตรงบริเวณหัวเหนาเรยีกวา ขอตอกระดกูเชงิกราน

และขอตอระหวางขอตอกระดูกสันหลังเรียกวา ขอตอกระดูกสันหลัง และขอตอระหวางขอตอกระดูกสันหลังเรียกวา ขอตอกระดูกสันหลัง และขอตอระหวางขอตอกระดูกสันหลังเรียกวา ขอตอกระดูกสันหลัง และขอตอระหวางขอตอกระดูกสันหลังเรียกวา ขอตอกระดูกสันหลัง

Page 30: Movement

3333. . . . ขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดมาก ขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดมาก ขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดมาก ขอตอชนิดที่เคลื่อนไหวไดมาก (diathrosis)(diathrosis)(diathrosis)(diathrosis) เปนขอตอที่มีชองวางอยูภายใน เปนขอตอที่มีชองวางอยูภายใน เปนขอตอที่มีชองวางอยูภายใน เปนขอตอที่มีชองวางอยูภายใน

(synovial joint) (synovial joint) (synovial joint) (synovial joint) และภายในมีแผนเยื่อที่ทําหนาที่สรางของเหลวที่เรียกวา น้ําไขขอ และภายในมีแผนเยื่อที่ทําหนาที่สรางของเหลวที่เรียกวา น้ําไขขอ และภายในมีแผนเยื่อที่ทําหนาที่สรางของเหลวที่เรียกวา น้ําไขขอ และภายในมีแผนเยื่อที่ทําหนาที่สรางของเหลวที่เรียกวา น้ําไขขอ

(synovial fluid) (synovial fluid) (synovial fluid) (synovial fluid) ขอตอชนิดที่มีการเคลื่อนไหวไดมาก ไดแกขอตอบริเวณหัวเขา ขอขอตอชนิดที่มีการเคลื่อนไหวไดมาก ไดแกขอตอบริเวณหัวเขา ขอขอตอชนิดที่มีการเคลื่อนไหวไดมาก ไดแกขอตอบริเวณหัวเขา ขอขอตอชนิดที่มีการเคลื่อนไหวไดมาก ไดแกขอตอบริเวณหัวเขา ขอ

ตอของนิ้วมือ เปนตน ซึ่งขอตอชนิดนี้สามารถแยกออกเปนแบบตาง ๆ ดังนี้ ตอของนิ้วมือ เปนตน ซึ่งขอตอชนิดนี้สามารถแยกออกเปนแบบตาง ๆ ดังนี้ ตอของนิ้วมือ เปนตน ซึ่งขอตอชนิดนี้สามารถแยกออกเปนแบบตาง ๆ ดังนี้ ตอของนิ้วมือ เปนตน ซึ่งขอตอชนิดนี้สามารถแยกออกเปนแบบตาง ๆ ดังนี้ แบบหมนุรอบแกน แบบหมนุรอบแกน แบบหมนุรอบแกน แบบหมนุรอบแกน (pivot joint) (pivot joint) (pivot joint) (pivot joint) ขอตอแบบบอล แอนด ซอกเคท ขอตอแบบบอล แอนด ซอกเคท ขอตอแบบบอล แอนด ซอกเคท ขอตอแบบบอล แอนด ซอกเคท

(ball and sockett joint) (ball and sockett joint) (ball and sockett joint) (ball and sockett joint)

ขอตอแบบอานมา ขอตอแบบอานมา ขอตอแบบอานมา ขอตอแบบอานมา (saddle joint) (saddle joint) (saddle joint) (saddle joint) ขอตอแบบไกลดงิ ขอตอแบบไกลดงิ ขอตอแบบไกลดงิ ขอตอแบบไกลดงิ (gliding joint) (gliding joint) (gliding joint) (gliding joint)

(ball and sockett joint) (ball and sockett joint) (ball and sockett joint) (ball and sockett joint)

ขอตอแบบบานพบั ขอตอแบบบานพบั ขอตอแบบบานพบั ขอตอแบบบานพบั (hinge joint) (hinge joint) (hinge joint) (hinge joint)

Page 31: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

กลามเนื้อที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ คือ กลามเนื้อที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ คือ กลามเนื้อที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ คือ กลามเนื้อที่เกี่ยวของกับการเคลื่อนที่ คือ

กลามเนื้อลาย กลามเนื้อลาย กลามเนื้อลาย กลามเนื้อลาย (striated muscle)(striated muscle)(striated muscle)(striated muscle) อยูติดกับอยูติดกับอยูติดกับอยูติดกับ

กระดูกหรือโครงรางของรางกาย จึงเรียก กระดูกหรือโครงรางของรางกาย จึงเรียก กระดูกหรือโครงรางของรางกาย จึงเรียก กระดูกหรือโครงรางของรางกาย จึงเรียก

skeletal muscleskeletal muscleskeletal muscleskeletal muscle และทํางานภายใตอํานาจจิตใจ และทํางานภายใตอํานาจจิตใจ และทํางานภายใตอํานาจจิตใจ และทํางานภายใตอํานาจจิตใจ

(voluntary muscle) (voluntary muscle) (voluntary muscle) (voluntary muscle) มัดกลามเนื้อถูกปกคลุมดวยมัดกลามเนื้อถูกปกคลุมดวยมัดกลามเนื้อถูกปกคลุมดวยมัดกลามเนื้อถูกปกคลุมดวย

เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียกวา เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียกวา เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียกวา เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่เรียกวา epimysium epimysium epimysium epimysium กลามเนื้อกลามเนื้อกลามเนื้อกลามเนื้อ

แตละมัดประกอบดวย แตละมัดประกอบดวย แตละมัดประกอบดวย แตละมัดประกอบดวย เสนใยกลามเนื้อ เสนใยกลามเนื้อ เสนใยกลามเนื้อ เสนใยกลามเนื้อ ((((muscle muscle muscle muscle

fiber or myofiber)fiber or myofiber)fiber or myofiber)fiber or myofiber) เรียงตัวขนานกันและอยูเรียงตัวขนานกันและอยูเรียงตัวขนานกันและอยูเรียงตัวขนานกันและอยู

รวมกันเปนกลุม ๆ แตละกลุมเรียก รวมกันเปนกลุม ๆ แตละกลุมเรียก รวมกันเปนกลุม ๆ แตละกลุมเรียก รวมกันเปนกลุม ๆ แตละกลุมเรียก fasiclefasiclefasiclefasicle แตละ แตละ แตละ แตละ

fasicle fasicle fasicle fasicle จะมี จะมี จะมี จะมี perimysin perimysin perimysin perimysin หุมลอมรอบ โดยมีเสนหุมลอมรอบ โดยมีเสนหุมลอมรอบ โดยมีเสนหุมลอมรอบ โดยมีเสน

เลือดและเสนประสาทแทรกอยู และรอบ ๆ เสนใยเลือดและเสนประสาทแทรกอยู และรอบ ๆ เสนใยเลือดและเสนประสาทแทรกอยู และรอบ ๆ เสนใยเลือดและเสนประสาทแทรกอยู และรอบ ๆ เสนใย

กลามเนื้อแตละเซลลจะมี กลามเนื้อแตละเซลลจะมี กลามเนื้อแตละเซลลจะมี กลามเนื้อแตละเซลลจะมี endomysium endomysium endomysium endomysium หุมหุมหุมหุม

ลอมรอบลอมรอบลอมรอบลอมรอบ

Page 32: Movement

เ ส น ใยกล าม เนื้ อ แต ล ะ เ ส นคื อ เซลลเ ส น ใยกล าม เนื้ อ แต ล ะ เ ส นคื อ เซลลเ ส น ใยกล าม เนื้ อ แต ล ะ เ ส นคื อ เซลลเ ส น ใยกล าม เนื้ อ แต ล ะ เ ส นคื อ เซลล

กลามเนื้อหนึ่งเซลล แตละเซลลมีลักษณะเปนรูปกลามเนื้อหนึ่งเซลล แตละเซลลมีลักษณะเปนรูปกลามเนื้อหนึ่งเซลล แตละเซลลมีลักษณะเปนรูปกลามเนื้อหนึ่งเซลล แตละเซลลมีลักษณะเปนรูป

ท ร ง ก ร ะ บ อ ก ย า ว มี เ ยื่ อ หุ ม เ ซ ล ล เ รี ย ก ท ร ง ก ร ะ บ อ ก ย า ว มี เ ยื่ อ หุ ม เ ซ ล ล เ รี ย ก ท ร ง ก ร ะ บ อ ก ย า ว มี เ ยื่ อ หุ ม เ ซ ล ล เ รี ย ก ท ร ง ก ร ะ บ อ ก ย า ว มี เ ยื่ อ หุ ม เ ซ ล ล เ รี ย ก

sacrolemmasacrolemmasacrolemmasacrolemma ภายในเซลลจะมีนิวเคลียสหลายภายในเซลลจะมีนิวเคลียสหลายภายในเซลลจะมีนิวเคลียสหลายภายในเซลลจะมีนิวเคลียสหลาย

นิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําให

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

นิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําใหนิว เคลียส อยูติดกับ เยื่ อหุ ม เซลล จึ งทําให

กลามเนื้อลายหดตัวไดดีกวากลามเนื้อชนิดอื่น กลามเนื้อลายหดตัวไดดีกวากลามเนื้อชนิดอื่น กลามเนื้อลายหดตัวไดดีกวากลามเนื้อชนิดอื่น กลามเนื้อลายหดตัวไดดีกวากลามเนื้อชนิดอื่น

ของเหลวที่อยูภายในเซลลเรียกวา ของเหลวที่อยูภายในเซลลเรียกวา ของเหลวที่อยูภายในเซลลเรียกวา ของเหลวที่อยูภายในเซลลเรียกวา sacroplasm sacroplasm sacroplasm sacroplasm

ซึ่งจะมี ซึ่งจะมี ซึ่งจะมี ซึ่งจะมี myofibrils myofibrils myofibrils myofibrils ลอยอยูและมีไมโตคอนเดรียลอยอยูและมีไมโตคอนเดรียลอยอยูและมีไมโตคอนเดรียลอยอยูและมีไมโตคอนเดรีย

แ ท ร ก อ ยู น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี แ ท ร ก อ ยู น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี แ ท ร ก อ ยู น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี แ ท ร ก อ ยู น อ ก จ า ก นี้ ยั ง มี sacroplasmic sacroplasmic sacroplasmic sacroplasmic

reticulumreticulumreticulumreticulum ซึ่งมีลักษณะเปนทอยาววิง่ขนานไปกบั ซึ่งมีลักษณะเปนทอยาววิง่ขนานไปกบั ซึ่งมีลักษณะเปนทอยาววิง่ขนานไปกบั ซึ่งมีลักษณะเปนทอยาววิง่ขนานไปกบั

myofibrilsmyofibrilsmyofibrilsmyofibrils และจะแผออกคลายเปนมานโอบและจะแผออกคลายเปนมานโอบและจะแผออกคลายเปนมานโอบและจะแผออกคลายเปนมานโอบ

ลอมลอมลอมลอม myofibrilsmyofibrilsmyofibrilsmyofibrils แตละเสนเอาไว แตละเสนเอาไว แตละเสนเอาไว แตละเสนเอาไว

Page 33: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

MyofibrilsMyofibrilsMyofibrilsMyofibrils ที่ลอยอยูใน ที่ลอยอยูใน ที่ลอยอยูใน ที่ลอยอยูใน sarcoplasm sarcoplasm sarcoplasm sarcoplasm จะประกอบดวยหนวยยอยซึ่งเปนโปรตีนจะประกอบดวยหนวยยอยซึ่งเปนโปรตีนจะประกอบดวยหนวยยอยซึ่งเปนโปรตีนจะประกอบดวยหนวยยอยซึ่งเปนโปรตีน

เรียกวา เรียกวา เรียกวา เรียกวา myofilamentmyofilamentmyofilamentmyofilament 2 2 2 2 ชนิดชนิดชนิดชนิด คือ คือ คือ คือ ชนิดบาง ชนิดบาง ชนิดบาง ชนิดบาง (thin filament)(thin filament)(thin filament)(thin filament) ประกอบดวยสายโปรตีนประกอบดวยสายโปรตีนประกอบดวยสายโปรตีนประกอบดวยสายโปรตีน

แอกทิน แอกทิน แอกทิน แอกทิน ((((actin)actin)actin)actin) 2 2 2 2 สายพัน และ สายพัน และ สายพัน และ สายพัน และ ชนิดหนา ชนิดหนา ชนิดหนา ชนิดหนา (thick filament)(thick filament)(thick filament)(thick filament) ประกอบดวยโปรตีนไมโอประกอบดวยโปรตีนไมโอประกอบดวยโปรตีนไมโอประกอบดวยโปรตีนไมโอ

ซิน ซิน ซิน ซิน (myosin)(myosin)(myosin)(myosin) กลามเนื้อลายจะปรากฏลายตามขวางเนื่องจากความแตกตางของดัชนีกลามเนื้อลายจะปรากฏลายตามขวางเนื่องจากความแตกตางของดัชนีกลามเนื้อลายจะปรากฏลายตามขวางเนื่องจากความแตกตางของดัชนีกลามเนื้อลายจะปรากฏลายตามขวางเนื่องจากความแตกตางของดัชนี

หักเหของแสงที่อยูในกลามเนื้อซึ่งประกอบดวย หักเหของแสงที่อยูในกลามเนื้อซึ่งประกอบดวย หักเหของแสงที่อยูในกลามเนื้อซึ่งประกอบดวย หักเหของแสงที่อยูในกลามเนื้อซึ่งประกอบดวย AAAA----bandbandbandband เปนบริเวณที่มี เปนบริเวณที่มี เปนบริเวณที่มี เปนบริเวณที่มี thick thick thick thick

myofilamentmyofilamentmyofilamentmyofilament อยูมีลักษณะลายหนา ทึบแสงและไมสม่ําเสมอ สวนอยูมีลักษณะลายหนา ทึบแสงและไมสม่ําเสมอ สวนอยูมีลักษณะลายหนา ทึบแสงและไมสม่ําเสมอ สวนอยูมีลักษณะลายหนา ทึบแสงและไมสม่ําเสมอ สวน IIII----bandbandbandband เปนที่แถบสีเปนที่แถบสีเปนที่แถบสีเปนที่แถบสี

จางเพราะมี จางเพราะมี จางเพราะมี จางเพราะมี thin myofilament thin myofilament thin myofilament thin myofilament อยู แถบสีจางนี้จะถูกแบงครึ่งดวยเสนที่เรียกวา อยู แถบสีจางนี้จะถูกแบงครึ่งดวยเสนที่เรียกวา อยู แถบสีจางนี้จะถูกแบงครึ่งดวยเสนที่เรียกวา อยู แถบสีจางนี้จะถูกแบงครึ่งดวยเสนที่เรียกวา ZZZZ----line line line line

และบริเวณที่อยูระหวาง และบริเวณที่อยูระหวาง และบริเวณที่อยูระหวาง และบริเวณที่อยูระหวาง ZZZZ----line line line line 2222 เสน เรียกวา เสน เรียกวา เสน เรียกวา เสน เรียกวา sarcomeresarcomeresarcomeresarcomere ปลายดานหนึ่งของ ปลายดานหนึ่งของ ปลายดานหนึ่งของ ปลายดานหนึ่งของ thin thin thin thin

myofilamentmyofilamentmyofilamentmyofilament จะยื่นเขาไปใน จะยื่นเขาไปใน จะยื่นเขาไปใน จะยื่นเขาไปใน AAAA----band band band band แตยื่นเขาไปไมถึง ทําใหตรงกลางของ แตยื่นเขาไปไมถึง ทําใหตรงกลางของ แตยื่นเขาไปไมถึง ทําใหตรงกลางของ แตยื่นเขาไปไมถึง ทําใหตรงกลางของ AAAA----bandbandbandband

ซึ่ง ซึ่ง ซึ่ง ซึ่ง thin myofilamentthin myofilamentthin myofilamentthin myofilament ยื่นเขาไปไมถึงเกิดเปนแถบจากเรียกวา ยื่นเขาไปไมถึงเกิดเปนแถบจากเรียกวา ยื่นเขาไปไมถึงเกิดเปนแถบจากเรียกวา ยื่นเขาไปไมถึงเกิดเปนแถบจากเรียกวา HHHH----zonezonezonezone และเสนที่อยูและเสนที่อยูและเสนที่อยูและเสนที่อยู

ตรงกลางของ ตรงกลางของ ตรงกลางของ ตรงกลางของ HHHH----zone zone zone zone คือ คือ คือ คือ MMMM----linelinelineline

Page 34: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

การเรียงตัวของ การเรียงตัวของ การเรียงตัวของ การเรียงตัวของ myofilamentmyofilamentmyofilamentmyofilament

Page 35: Movement

Thick filament (MYOSIN)Thick filament (MYOSIN)Thick filament (MYOSIN)Thick filament (MYOSIN)

Thin Filament (Actin) Thin Filament (Actin) Thin Filament (Actin) Thin Filament (Actin)

Page 36: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

เมื่อกลามเนื้อเริ่มหดตัว เมื่อกลามเนื้อเริ่มหดตัว เมื่อกลามเนื้อเริ่มหดตัว เมื่อกลามเนื้อเริ่มหดตัว thin thin thin thin

filamentfilamentfilamentfilament จะดงึเอา จะดงึเอา จะดงึเอา จะดงึเอา ZZZZ---- line line line line เขามา เขามา เขามา เขามา

ทําให ทําให ทําให ทําให sarcomere sarcomere sarcomere sarcomere แคบลง แคบลง แคบลง แคบลง AAAA----

band band band band คงที่ คงที่ คงที่ คงที่ IIII----band band band band แคบเขา และ แคบเขา และ แคบเขา และ แคบเขา และ

HHHH----zone zone zone zone หายไป และเมื่อกลามเนือ้หายไป และเมื่อกลามเนือ้หายไป และเมื่อกลามเนือ้หายไป และเมื่อกลามเนือ้

หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ sarcomeresarcomeresarcomeresarcomere จะแคบเขาจะแคบเขาจะแคบเขาจะแคบเขา

การหดตัวของกลามเนื้อเนือ่งจากการเลือ่นเขามาซอนกนัของ การหดตัวของกลามเนื้อเนือ่งจากการเลือ่นเขามาซอนกนัของ การหดตัวของกลามเนื้อเนือ่งจากการเลือ่นเขามาซอนกนัของ การหดตัวของกลามเนื้อเนือ่งจากการเลือ่นเขามาซอนกนัของ filament filament filament filament

หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ หดตวัเต็มที่ sarcomeresarcomeresarcomeresarcomere จะแคบเขาจะแคบเขาจะแคบเขาจะแคบเขา

อีก เนื่องจาก อีก เนื่องจาก อีก เนื่องจาก อีก เนื่องจาก thin filament thin filament thin filament thin filament จะจะจะจะ

เหลื่อมมาซอนกนั การหดตวัของเหลื่อมมาซอนกนั การหดตวัของเหลื่อมมาซอนกนั การหดตวัของเหลื่อมมาซอนกนั การหดตวัของ

กลามเนื้อจงึเรยีกวา กลามเนื้อจงึเรยีกวา กลามเนื้อจงึเรยีกวา กลามเนื้อจงึเรยีกวา Sliding Sliding Sliding Sliding ----

filamentfilamentfilamentfilament modelmodelmodelmodel เนื่องจากเปนการเนื่องจากเปนการเนื่องจากเปนการเนื่องจากเปนการ

เลื่อนเขามาซอนกันของ เลื่อนเขามาซอนกันของ เลื่อนเขามาซอนกันของ เลื่อนเขามาซอนกันของ filament filament filament filament

Page 37: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

ขั้นตอนการหดตัวของกลามเนื้อเกิดขึ้นตามลําดับ ดังนี้ขั้นตอนการหดตัวของกลามเนื้อเกิดขึ้นตามลําดับ ดังนี้ขั้นตอนการหดตัวของกลามเนื้อเกิดขึ้นตามลําดับ ดังนี้ขั้นตอนการหดตัวของกลามเนื้อเกิดขึ้นตามลําดับ ดังนี้

1111. . . . เริ่มจาก เริ่มจาก เริ่มจาก เริ่มจาก myosinmyosinmyosinmyosin headheadheadhead จับกับจับกับจับกับจับกับ ATPATPATPATP อยูในรูป อยูในรูป อยูในรูป อยูในรูป low energy low energy low energy low energy จึง จึง จึง จึง

hydrolyse ATPhydrolyse ATPhydrolyse ATPhydrolyse ATP ใหเปน ใหเปน ใหเปน ใหเปน ADPADPADPADP และ และ และ และ Pi Pi Pi Pi เพื่ออยูใน เพื่ออยูใน เพื่ออยูใน เพื่ออยูใน highthighthighthight energyenergyenergyenergy

2222. . . . myosinmyosinmyosinmyosin headheadheadhead จับกับ จับกับ จับกับ จับกับ actinactinactinactin เปน เปน เปน เปน crossbridgecrossbridgecrossbridgecrossbridge

3333. . . . ปลอย ปลอย ปลอย ปลอย ADPADPADPADP และและและและPiPiPiPi ทําให ทําให ทําให ทําให myosinmyosinmyosinmyosin พักอยูในรูป พักอยูในรูป พักอยูในรูป พักอยูในรูป low energylow energylow energylow energy ดึงดึงดึงดึง thin thin thin thin

filamentfilamentfilamentfilament เขาสูสวนกลางของ เขาสูสวนกลางของ เขาสูสวนกลางของ เขาสูสวนกลางของ sarcomere sarcomere sarcomere sarcomere

4444. . . . myosinmyosinmyosinmyosin headheadheadhead หลุดออกจาก หลุดออกจาก หลุดออกจาก หลุดออกจาก crossbridgecrossbridgecrossbridgecrossbridge ไปจับกับ ไปจับกับ ไปจับกับ ไปจับกับ ATPATPATPATP ตัวใหม ตัวใหม ตัวใหม ตัวใหม

ดังนั้นเมื่อ ดังนั้นเมื่อ ดังนั้นเมื่อ ดังนั้นเมื่อ myosinmyosinmyosinmyosin headheadheadhead hydrolyse ATPhydrolyse ATPhydrolyse ATPhydrolyse ATP ก็จะกลับเขาสูรูป ก็จะกลับเขาสูรูป ก็จะกลับเขาสูรูป ก็จะกลับเขาสูรูป highthighthighthight energyenergyenergyenergy อีกอีกอีกอีก

ครั้ง เพื่อเริ่มตนการทํางานใหมอีกครั้ง เพื่อเริ่มตนการทํางานใหมอีกครั้ง เพื่อเริ่มตนการทํางานใหมอีกครั้ง เพื่อเริ่มตนการทํางานใหมอีก

Page 38: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

Page 39: Movement

Stages of AStages of AStages of AStages of A Muscle ContractionMuscle ContractionMuscle ContractionMuscle Contraction

Page 40: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

Page 41: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

กลามเนื้อในรางกายมีการทาํงานรวมกนัเปนคู ๆ ในสภาวะตรงกนัขามแบบกลามเนื้อในรางกายมีการทาํงานรวมกนัเปนคู ๆ ในสภาวะตรงกนัขามแบบกลามเนื้อในรางกายมีการทาํงานรวมกนัเปนคู ๆ ในสภาวะตรงกนัขามแบบกลามเนื้อในรางกายมีการทาํงานรวมกนัเปนคู ๆ ในสภาวะตรงกนัขามแบบ

แอนทาโกนซิมึแอนทาโกนซิมึแอนทาโกนซิมึแอนทาโกนซิมึ(antagonism)(antagonism)(antagonism)(antagonism) เมือ่กลามเนื้อดานใดหดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้งอเขาเมือ่กลามเนื้อดานใดหดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้งอเขาเมือ่กลามเนื้อดานใดหดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้งอเขาเมือ่กลามเนื้อดานใดหดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้งอเขา

มาจะเรยีกวา มาจะเรยีกวา มาจะเรยีกวา มาจะเรยีกวา กลามเนือ้เฟลกเซอร กลามเนือ้เฟลกเซอร กลามเนือ้เฟลกเซอร กลามเนือ้เฟลกเซอร (flexor)(flexor)(flexor)(flexor) ในทางตรงขามกันถากลามเนื้อดานใดในทางตรงขามกันถากลามเนื้อดานใดในทางตรงขามกันถากลามเนื้อดานใดในทางตรงขามกันถากลามเนื้อดานใด

หดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้เหยยีดออก เรยีกวา หดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้เหยยีดออก เรยีกวา หดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้เหยยีดออก เรยีกวา หดตวัแลวทาํใหอวยัวะนัน้เหยยีดออก เรยีกวา กลามเนือ้เอ็กซเทนเซอร กลามเนือ้เอ็กซเทนเซอร กลามเนือ้เอ็กซเทนเซอร กลามเนือ้เอ็กซเทนเซอร (extensor)(extensor)(extensor)(extensor)

ตัวอยางเชนกลามเนือ้ตนแขน ตัวอยางเชนกลามเนือ้ตนแขน ตัวอยางเชนกลามเนือ้ตนแขน ตัวอยางเชนกลามเนือ้ตนแขน กลามเนือ้ที่อยูทางดานหนาของแขนเรยีกวาไบเซพ กลามเนือ้ที่อยูทางดานหนาของแขนเรยีกวาไบเซพ กลามเนือ้ที่อยูทางดานหนาของแขนเรยีกวาไบเซพ กลามเนือ้ที่อยูทางดานหนาของแขนเรยีกวาไบเซพ

(biceps)(biceps)(biceps)(biceps) มีปลายดานหนึง่ยดึตดิกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ของมีปลายดานหนึง่ยดึตดิกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ของมีปลายดานหนึง่ยดึตดิกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ของมีปลายดานหนึง่ยดึตดิกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ของ

มดักลามเนื้อที่ยดึตดิกบักระดกูปลายแขน เมื่อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทําใหแขนงอเขามดักลามเนื้อที่ยดึตดิกบักระดกูปลายแขน เมื่อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทําใหแขนงอเขามดักลามเนื้อที่ยดึตดิกบักระดกูปลายแขน เมื่อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทําใหแขนงอเขามดักลามเนื้อที่ยดึตดิกบักระดกูปลายแขน เมื่อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทําใหแขนงอเขา

กลามเนื้อไบเซพ จงึจดัเปนกลามเนื้อเฟลกเซอร ในขณะเดยีวกนัมีกลามเนื้อไบเซพ จงึจดัเปนกลามเนื้อเฟลกเซอร ในขณะเดยีวกนัมีกลามเนื้อไบเซพ จงึจดัเปนกลามเนื้อเฟลกเซอร ในขณะเดยีวกนัมีกลามเนื้อไบเซพ จงึจดัเปนกลามเนื้อเฟลกเซอร ในขณะเดยีวกนัมีกลามเนื้ออีกมดักลามเนื้ออีกมดักลามเนื้ออีกมดักลามเนื้ออีกมดั

หนึง่อยูทางดานหลงัของแขนเรยีกวา ไตรเซพ หนึง่อยูทางดานหลงัของแขนเรยีกวา ไตรเซพ หนึง่อยูทางดานหลงัของแขนเรยีกวา ไตรเซพ หนึง่อยูทางดานหลงัของแขนเรยีกวา ไตรเซพ (triceps)(triceps)(triceps)(triceps) ซึง่มปีลายดานหนึง่ยดึตดิซึง่มปีลายดานหนึง่ยดึตดิซึง่มปีลายดานหนึง่ยดึตดิซึง่มปีลายดานหนึง่ยดึตดิ

กับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ยดึตดิอยูกบักระดกูปลายแขน เมื่อกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ยดึตดิอยูกบักระดกูปลายแขน เมื่อกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ยดึตดิอยูกบักระดกูปลายแขน เมื่อกับกระดกูบาและกระดกูตนแขน อีกปลายหนึง่ยดึตดิอยูกบักระดกูปลายแขน เมื่อ

กลามเนื้อนี้หดตวัจะทาํใหแขนเหยยีดออกไป กลามเนื้อไตรเซพจงึจดัเปนกลามเนื้อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทาํใหแขนเหยยีดออกไป กลามเนื้อไตรเซพจงึจดัเปนกลามเนื้อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทาํใหแขนเหยยีดออกไป กลามเนื้อไตรเซพจงึจดัเปนกลามเนื้อกลามเนื้อนี้หดตวัจะทาํใหแขนเหยยีดออกไป กลามเนื้อไตรเซพจงึจดัเปนกลามเนื้อ

เอกซเทนเซอร กลามเนื้อไบเซพและไตรเซพจะทาํงานเปนแบบแอนทาโกนซิึม เอกซเทนเซอร กลามเนื้อไบเซพและไตรเซพจะทาํงานเปนแบบแอนทาโกนซิึม เอกซเทนเซอร กลามเนื้อไบเซพและไตรเซพจะทาํงานเปนแบบแอนทาโกนซิึม เอกซเทนเซอร กลามเนื้อไบเซพและไตรเซพจะทาํงานเปนแบบแอนทาโกนซิึม

Page 42: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

Page 43: Movement
Page 44: Movement
Page 45: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

การหดตัวและคลายตัวของกลามเนื้อลายการหดตัวและคลายตัวของกลามเนื้อลายการหดตัวและคลายตัวของกลามเนื้อลายการหดตัวและคลายตัวของกลามเนื้อลาย (muscle contraction and relaxation) (muscle contraction and relaxation) (muscle contraction and relaxation) (muscle contraction and relaxation)

ตามตามตามตามทฤษฎีทฤษฎีทฤษฎีทฤษฎี slidingslidingslidingsliding----filament theoryfilament theoryfilament theoryfilament theory ของของของของ Hexley Hexley Hexley Hexley ไดอธิบายกลไกการทํางานของไดอธิบายกลไกการทํางานของไดอธิบายกลไกการทํางานของไดอธิบายกลไกการทํางานของ

กลามเนื้อ กลาวคือ เมื่อกลามเนื้อถูกกระตุนโดยสัญญาณประสาทวิ่งมาถึงบริเวณกลามเนื้อ กลาวคือ เมื่อกลามเนื้อถูกกระตุนโดยสัญญาณประสาทวิ่งมาถึงบริเวณกลามเนื้อ กลาวคือ เมื่อกลามเนื้อถูกกระตุนโดยสัญญาณประสาทวิ่งมาถึงบริเวณกลามเนื้อ กลาวคือ เมื่อกลามเนื้อถูกกระตุนโดยสัญญาณประสาทวิ่งมาถึงบริเวณ

neuromuscular junction neuromuscular junction neuromuscular junction neuromuscular junction ซึ่งเปนบริเวณที่เกิดการซินแนปส ระหวางปลายแอกซอนซึ่งเปนบริเวณที่เกิดการซินแนปส ระหวางปลายแอกซอนซึ่งเปนบริเวณที่เกิดการซินแนปส ระหวางปลายแอกซอนซึ่งเปนบริเวณที่เกิดการซินแนปส ระหวางปลายแอกซอน

ของเซลลประสาทนําคําสั่งกับเซลลกลามเนื้อ จะทําใหเกิดการหลั่งสารสื่อประสาท ของเซลลประสาทนําคําสั่งกับเซลลกลามเนื้อ จะทําใหเกิดการหลั่งสารสื่อประสาท ของเซลลประสาทนําคําสั่งกับเซลลกลามเนื้อ จะทําใหเกิดการหลั่งสารสื่อประสาท ของเซลลประสาทนําคําสั่งกับเซลลกลามเนื้อ จะทําใหเกิดการหลั่งสารสื่อประสาท

ไดแก ไดแก ไดแก ไดแก acetylcholineacetylcholineacetylcholineacetylcholine สารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวาง (synaptic cleft) (synaptic cleft) (synaptic cleft) (synaptic cleft) ที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลายไดแก ไดแก ไดแก ไดแก acetylcholineacetylcholineacetylcholineacetylcholine สารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวางสารนี้ จะแพรขามชองวาง (synaptic cleft) (synaptic cleft) (synaptic cleft) (synaptic cleft) ที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลายที่อยูระหวางปลาย

ประสาทของเซลลกลามเนื้อไปจับกับตัวรับบนประสาทของเซลลกลามเนื้อไปจับกับตัวรับบนประสาทของเซลลกลามเนื้อไปจับกับตัวรับบนประสาทของเซลลกลามเนื้อไปจับกับตัวรับบน motor end plate motor end plate motor end plate motor end plate ทําใหความสามารถในทําใหความสามารถในทําใหความสามารถในทําใหความสามารถใน

การใหสารบางอยางภายเขาออกการใหสารบางอยางภายเขาออกการใหสารบางอยางภายเขาออกการใหสารบางอยางภายเขาออก (permeability) (permeability) (permeability) (permeability) ของผนังเซลลกลามเนื้อเปลี่ยนแปลงของผนังเซลลกลามเนื้อเปลี่ยนแปลงของผนังเซลลกลามเนื้อเปลี่ยนแปลงของผนังเซลลกลามเนื้อเปลี่ยนแปลง

ไปและเกิด ไปและเกิด ไปและเกิด ไปและเกิด depolarizationdepolarizationdepolarizationdepolarization ขึ้นบริเวณขึ้นบริเวณขึ้นบริเวณขึ้นบริเวณ motor end plate motor end plate motor end plate motor end plate และเมื่อศักยไฟฟาขณะและเมื่อศักยไฟฟาขณะและเมื่อศักยไฟฟาขณะและเมื่อศักยไฟฟาขณะ

ทํางานกระจายไปตามทํางานกระจายไปตามทํางานกระจายไปตามทํางานกระจายไปตาม TTTT----tubule tubule tubule tubule จะกระตุนให จะกระตุนให จะกระตุนให จะกระตุนให sacroplasmic recticulum sacroplasmic recticulum sacroplasmic recticulum sacroplasmic recticulum ปลอยปลอยปลอยปลอย CaCaCaCa2222+ + + +

จํานวนมากออกมาสูจํานวนมากออกมาสูจํานวนมากออกมาสูจํานวนมากออกมาสู myofilament myofilament myofilament myofilament และและและและ troponintroponintroponintroponin----C C C C จะจับกับสวนจะจับกับสวนจะจับกับสวนจะจับกับสวน troponintroponintroponintroponin----T T T T ซึ่งจะซึ่งจะซึ่งจะซึ่งจะ

ดึงดึงดึงดึง tropomyosin tropomyosin tropomyosin tropomyosin ออกมาใหหางจากตําแหนงออกมาใหหางจากตําแหนงออกมาใหหางจากตําแหนงออกมาใหหางจากตําแหนง myosinmyosinmyosinmyosin----binding sitebinding sitebinding sitebinding site

Page 46: Movement

ดังนั้นดังนั้นดังนั้นดังนั้น actin actin actin actin จะมาชิดกับจะมาชิดกับจะมาชิดกับจะมาชิดกับ myosin myosin myosin myosin ตรงตรงตรงตรง crossbridge crossbridge crossbridge crossbridge ของของของของ myosin myosin myosin myosin ใหเคลื่อนที่ใหเคลื่อนที่ใหเคลื่อนที่ใหเคลื่อนที่

เลื่อนเอาเลื่อนเอาเลื่อนเอาเลื่อนเอา actin filament actin filament actin filament actin filament ผานผานผานผาน myosin filament myosin filament myosin filament myosin filament เขาไปดานในทําใหเขาไปดานในทําใหเขาไปดานในทําใหเขาไปดานในทําให sacromere sacromere sacromere sacromere หดหดหดหด

ตัว เมื่อมีการหดตัวเต็มที่ตัว เมื่อมีการหดตัวเต็มที่ตัว เมื่อมีการหดตัวเต็มที่ตัว เมื่อมีการหดตัวเต็มที่ ZZZZ----line line line line จะสัมผัสกับปลายของจะสัมผัสกับปลายของจะสัมผัสกับปลายของจะสัมผัสกับปลายของ thick filament thick filament thick filament thick filament ทั้งสองขาง ทั้งสองขาง ทั้งสองขาง ทั้งสองขาง

ขนาดของขนาดของขนาดของขนาดของ AAAA----band band band band จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวงจรการหดตัว แตจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวงจรการหดตัว แตจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวงจรการหดตัว แตจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวงจรการหดตัว แต IIII----band band band band จะจะจะจะ

หายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลง CaCaCaCa2222+ + + + จะกลับคืนสูจะกลับคืนสูจะกลับคืนสูจะกลับคืนสูหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลงหายไปเมื่อกลามเนื้อมีการหดตัวเต็มที่ เมื่อการกระตุนหยุดลง CaCaCaCa2222+ + + + จะกลับคืนสูจะกลับคืนสูจะกลับคืนสูจะกลับคืนสู

sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum โดยขบวนการโดยขบวนการโดยขบวนการโดยขบวนการ CaCaCaCa2222+ pump + pump + pump + pump ซึ่งตองใชพลังงาน โดยผนังของซึ่งตองใชพลังงาน โดยผนังของซึ่งตองใชพลังงาน โดยผนังของซึ่งตองใชพลังงาน โดยผนังของ

sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum จะมีเอนไซมจะมีเอนไซมจะมีเอนไซมจะมีเอนไซม ATPase ATPase ATPase ATPase ซึ่งจะยอยซึ่งจะยอยซึ่งจะยอยซึ่งจะยอย ATP ATP ATP ATP ไดพลังงานที่ไดพลังงานที่ไดพลังงานที่ไดพลังงานที่ pump pump pump pump

เอาเอาเอาเอา CaCaCaCa2222+ + + + เขาไปอยูในชองวางของเขาไปอยูในชองวางของเขาไปอยูในชองวางของเขาไปอยูในชองวางของ sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum sacroplasmic reticulum และกลับคืนสูที่เดิมคือที่และกลับคืนสูที่เดิมคือที่และกลับคืนสูที่เดิมคือที่และกลับคืนสูที่เดิมคือที่

terminal cisterna terminal cisterna terminal cisterna terminal cisterna เมื่อขาดเมื่อขาดเมื่อขาดเมื่อขาด CaCaCaCa2222+ + + + ในในในใน myofibril myofibril myofibril myofibril จะทําใหจะทําใหจะทําใหจะทําให crossbridge crossbridge crossbridge crossbridge แยกออกและแยกออกและแยกออกและแยกออกและ

เอนไซมเอนไซมเอนไซมเอนไซม ATPase ATPase ATPase ATPase ไมทํางาน กลามเนื้อจะคลายตัวกับสูสภาพเดิมไมทํางาน กลามเนื้อจะคลายตัวกับสูสภาพเดิมไมทํางาน กลามเนื้อจะคลายตัวกับสูสภาพเดิมไมทํางาน กลามเนื้อจะคลายตัวกับสูสภาพเดิม

Page 47: Movement

ระบบกลามเนื้อ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

Page 48: Movement
Page 49: Movement

ตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคน

1111. . . . กระดูกคองอกกดรากประสาท กระดูกคองอกกดรากประสาท กระดูกคองอกกดรากประสาท กระดูกคองอกกดรากประสาท (Cervical Spondylosis)(Cervical Spondylosis)(Cervical Spondylosis)(Cervical Spondylosis) เกิดจากกระดูกเกิดจากกระดูกเกิดจากกระดูกเกิดจากกระดูก

คอเสื่อมตามอายุ มีกระดูกใหมงอก ทําใหเกิดการกดทับรากประสาทในบริเวณคอ คอเสื่อมตามอายุ มีกระดูกใหมงอก ทําใหเกิดการกดทับรากประสาทในบริเวณคอ คอเสื่อมตามอายุ มีกระดูกใหมงอก ทําใหเกิดการกดทับรากประสาทในบริเวณคอ คอเสื่อมตามอายุ มีกระดูกใหมงอก ทําใหเกิดการกดทับรากประสาทในบริเวณคอ

โรคที่พบมากกวาโรคที่พบมากกวาโรคที่พบมากกวาโรคที่พบมากกวา 40 40 40 40 ปขึ้นไปปขึ้นไปปขึ้นไปปขึ้นไป

2222. . . . กระดูกซี่โครงหักกระดูกซี่โครงหักกระดูกซี่โครงหักกระดูกซี่โครงหัก (Rib fracture)(Rib fracture)(Rib fracture)(Rib fracture) มักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณมักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณมักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณมักเกิดจากแรงกระแทกถูกบริเวณ

ซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปนซี่โครงโดยตรง เชน ถูกตี ถูกเตะ หกลมกระแทกถูกพื้น หรือมุมโตะ ถูกรถชน เปน

ตน สวนมากไมมีอาการรุนแรงและคอย ๆ หายเองตน สวนมากไมมีอาการรุนแรงและคอย ๆ หายเองตน สวนมากไมมีอาการรุนแรงและคอย ๆ หายเองตน สวนมากไมมีอาการรุนแรงและคอย ๆ หายเอง

3333. . . . กระดูกแนนผิดปกติ หรือภาวะกระดูกหินกระดูกแนนผิดปกติ หรือภาวะกระดูกหินกระดูกแนนผิดปกติ หรือภาวะกระดูกหินกระดูกแนนผิดปกติ หรือภาวะกระดูกหิน(Osteopetrosis)(Osteopetrosis)(Osteopetrosis)(Osteopetrosis) เกิดจากเยื่อเกิดจากเยื่อเกิดจากเยื่อเกิดจากเยื่อ

กระดูกบริเวณเบาตาแนนมากกวาปกติ ทําใหรูตาง ๆ ของกระโหลกศีรษะรวมทั้ง กระดูกบริเวณเบาตาแนนมากกวาปกติ ทําใหรูตาง ๆ ของกระโหลกศีรษะรวมทั้ง กระดูกบริเวณเบาตาแนนมากกวาปกติ ทําใหรูตาง ๆ ของกระโหลกศีรษะรวมทั้ง กระดูกบริเวณเบาตาแนนมากกวาปกติ ทําใหรูตาง ๆ ของกระโหลกศีรษะรวมทั้ง

optic foramen optic foramen optic foramen optic foramen แคบกวาปกติจึงเกิดความกดดันตอระบบประสาทตา จะมีอาการแคบกวาปกติจึงเกิดความกดดันตอระบบประสาทตา จะมีอาการแคบกวาปกติจึงเกิดความกดดันตอระบบประสาทตา จะมีอาการแคบกวาปกติจึงเกิดความกดดันตอระบบประสาทตา จะมีอาการ

ตาโปนทีละนอย และตามมาดวยประสาทตาฝอตาโปนทีละนอย และตามมาดวยประสาทตาฝอตาโปนทีละนอย และตามมาดวยประสาทตาฝอตาโปนทีละนอย และตามมาดวยประสาทตาฝอ

Page 50: Movement

ตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคนตัวอยางโรคที่พบกับเกี่ยวกับระบบโครงรางของรางกายคน

4444. . . . กระดูกพรุน หรือกระดูกบาง กระดูกพรุน หรือกระดูกบาง กระดูกพรุน หรือกระดูกบาง กระดูกพรุน หรือกระดูกบาง (Osteosporosis)(Osteosporosis)(Osteosporosis)(Osteosporosis) กระดูกแตกหักงายมาก กระดูกแตกหักงายมาก กระดูกแตกหักงายมาก กระดูกแตกหักงายมาก

ตามอายุ กระดูกทั้งหมดของเราจะสูญเสียปริมาณแรธาตุ ความหนาแนนซึ่งทําตามอายุ กระดูกทั้งหมดของเราจะสูญเสียปริมาณแรธาตุ ความหนาแนนซึ่งทําตามอายุ กระดูกทั้งหมดของเราจะสูญเสียปริมาณแรธาตุ ความหนาแนนซึ่งทําตามอายุ กระดูกทั้งหมดของเราจะสูญเสียปริมาณแรธาตุ ความหนาแนนซึ่งทํา

ใหเกิดโรคกระดูกพรุนซึ่งไมไดเกิดขึ้นเฉพาะผูหญิงวัยหมดประจําเดือนเทานั้น ใหเกิดโรคกระดูกพรุนซึ่งไมไดเกิดขึ้นเฉพาะผูหญิงวัยหมดประจําเดือนเทานั้น ใหเกิดโรคกระดูกพรุนซึ่งไมไดเกิดขึ้นเฉพาะผูหญิงวัยหมดประจําเดือนเทานั้น ใหเกิดโรคกระดูกพรุนซึ่งไมไดเกิดขึ้นเฉพาะผูหญิงวัยหมดประจําเดือนเทานั้น

การสูญเสียของกระดูกเกิดขึ้นตลอดทั่วรางกายการสูญเสียของกระดูกเกิดขึ้นตลอดทั่วรางกายการสูญเสียของกระดูกเกิดขึ้นตลอดทั่วรางกายการสูญเสียของกระดูกเกิดขึ้นตลอดทั่วรางกาย

5555. . . . กระดูกหักกระดูกหักกระดูกหักกระดูกหัก (Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones) บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา 5555. . . . กระดูกหักกระดูกหักกระดูกหักกระดูกหัก (Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones)(Fracture / Broken Bones) บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา บริเวณที่หัก จะบวม เขียวช้ํา

เจ็บปวดซึ่งจะเปนมากเวลาเคลื่อนไหวหรือใชมือกดถูกบริเวณที่หัก และอาจเจ็บปวดซึ่งจะเปนมากเวลาเคลื่อนไหวหรือใชมือกดถูกบริเวณที่หัก และอาจเจ็บปวดซึ่งจะเปนมากเวลาเคลื่อนไหวหรือใชมือกดถูกบริเวณที่หัก และอาจเจ็บปวดซึ่งจะเปนมากเวลาเคลื่อนไหวหรือใชมือกดถูกบริเวณที่หัก และอาจ

เคลื่อนไหวสวนนั้นลําบาก กรณีเคลื่อนไหวไดตามปกติก็อาจหักไดเชนกันและเคลื่อนไหวสวนนั้นลําบาก กรณีเคลื่อนไหวไดตามปกติก็อาจหักไดเชนกันและเคลื่อนไหวสวนนั้นลําบาก กรณีเคลื่อนไหวไดตามปกติก็อาจหักไดเชนกันและเคลื่อนไหวสวนนั้นลําบาก กรณีเคลื่อนไหวไดตามปกติก็อาจหักไดเชนกันและ

บริเวณที่หักอาจผิดรูปผิดรางไปเชนโกงงอหรือสั้นกวาขางที่ดี บางครั้งไดยินบริเวณที่หักอาจผิดรูปผิดรางไปเชนโกงงอหรือสั้นกวาขางที่ดี บางครั้งไดยินบริเวณที่หักอาจผิดรูปผิดรางไปเชนโกงงอหรือสั้นกวาขางที่ดี บางครั้งไดยินบริเวณที่หักอาจผิดรูปผิดรางไปเชนโกงงอหรือสั้นกวาขางที่ดี บางครั้งไดยิน

เสียงกระดูกเสียดสีกันหรือรูสึกกรอบแกรบเสียงกระดูกเสียดสีกันหรือรูสึกกรอบแกรบเสียงกระดูกเสียดสีกันหรือรูสึกกรอบแกรบเสียงกระดูกเสียดสีกันหรือรูสึกกรอบแกรบ

Page 51: Movement

ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ ระบบกลามเนือ้ (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system) (Muscular system)

6666. . . . เกา เกา เกา เกา (Gout)(Gout)(Gout)(Gout) โรคปวดขอเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดการสะสมของกรดยูริกตามขอโรคปวดขอเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดการสะสมของกรดยูริกตามขอโรคปวดขอเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดการสะสมของกรดยูริกตามขอโรคปวดขอเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่เกิดการสะสมของกรดยูริกตามขอ

ตอตาง ๆ แตในบางรายก็อาจมีเพียงกรดยูริกสะสมอยูในเลือดสูง พวกนี้จะมีอาการตอตาง ๆ แตในบางรายก็อาจมีเพียงกรดยูริกสะสมอยูในเลือดสูง พวกนี้จะมีอาการตอตาง ๆ แตในบางรายก็อาจมีเพียงกรดยูริกสะสมอยูในเลือดสูง พวกนี้จะมีอาการตอตาง ๆ แตในบางรายก็อาจมีเพียงกรดยูริกสะสมอยูในเลือดสูง พวกนี้จะมีอาการ

ปวดตามขอ หรืออาการอื่นแทรกซอนไมจําเปนตองใหยารักษาปวดตามขอ หรืออาการอื่นแทรกซอนไมจําเปนตองใหยารักษาปวดตามขอ หรืออาการอื่นแทรกซอนไมจําเปนตองใหยารักษาปวดตามขอ หรืออาการอื่นแทรกซอนไมจําเปนตองใหยารักษา

7777. . . . ไขรูมาติคไขรูมาติคไขรูมาติคไขรูมาติค (Rheumatic fever)(Rheumatic fever)(Rheumatic fever)(Rheumatic fever) มักพบมีพยาธิสภาพในมักพบมีพยาธิสภาพในมักพบมีพยาธิสภาพในมักพบมีพยาธิสภาพใน synovial tissues synovial tissues synovial tissues synovial tissues

ของขอและของขอและของขอและของขอและ tendons, tendons, tendons, tendons, ใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดของขอและของขอและของขอและของขอและ tendons, tendons, tendons, tendons, ใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบไดใตผิวหนัง กลามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ ลักษณะที่พบได

บอย จะมีอาการไขปวดบวมแดงรอน ตามขอใหญ ๆ เชน ขอเทา ขอเขา ขอมือ บอย จะมีอาการไขปวดบวมแดงรอน ตามขอใหญ ๆ เชน ขอเทา ขอเขา ขอมือ บอย จะมีอาการไขปวดบวมแดงรอน ตามขอใหญ ๆ เชน ขอเทา ขอเขา ขอมือ บอย จะมีอาการไขปวดบวมแดงรอน ตามขอใหญ ๆ เชน ขอเทา ขอเขา ขอมือ

ขอศอก ซึ่งมักเปนมากกวา ขอศอก ซึ่งมักเปนมากกวา ขอศอก ซึ่งมักเปนมากกวา ขอศอก ซึ่งมักเปนมากกวา 1 1 1 1 ขอ โดยไมปวดบวมขึ้นพรอมกัน แตจะปวดที่ขอหนึ่งขอ โดยไมปวดบวมขึ้นพรอมกัน แตจะปวดที่ขอหนึ่งขอ โดยไมปวดบวมขึ้นพรอมกัน แตจะปวดที่ขอหนึ่งขอ โดยไมปวดบวมขึ้นพรอมกัน แตจะปวดที่ขอหนึ่ง

กอน แลวจึงปวดขอตอไป แตละขอมีอาการอักเสบอยูนาน กอน แลวจึงปวดขอตอไป แตละขอมีอาการอักเสบอยูนาน กอน แลวจึงปวดขอตอไป แตละขอมีอาการอักเสบอยูนาน กอน แลวจึงปวดขอตอไป แตละขอมีอาการอักเสบอยูนาน 5 5 5 5 ---- 10 10 10 10 วัน อาการปวดวัน อาการปวดวัน อาการปวดวัน อาการปวด

บวมมักหายไดเอง บวมมักหายไดเอง บวมมักหายไดเอง บวมมักหายไดเอง ((((แมไมไดรักษาแมไมไดรักษาแมไมไดรักษาแมไมไดรักษา) ) ) ) ขอที่อักเสบจะกลับเปนปกติ และมักมีอาการขอที่อักเสบจะกลับเปนปกติ และมักมีอาการขอที่อักเสบจะกลับเปนปกติ และมักมีอาการขอที่อักเสบจะกลับเปนปกติ และมักมีอาการ

ออนเพลีย เบื่ออาหาร น้ําหนักลดรวมดวย ออนเพลีย เบื่ออาหาร น้ําหนักลดรวมดวย ออนเพลีย เบื่ออาหาร น้ําหนักลดรวมดวย ออนเพลีย เบื่ออาหาร น้ําหนักลดรวมดวย

Page 52: Movement

LOGO