โครงการฟาร มทะเลตัวอย...
TRANSCRIPT
โครงการฟารมทะเลตวัอยางแบบผสมผสานตามพระราชดําร ิ
ในสมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ตําบลบางแกว อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุร ี
----------------------
ที่มาของปญหา
สมเด็จพระนางเจาสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบปญหาสัตวทะเลธรรมชาติในนานนํ้าไทยลดนอยลงมาก รวมท้ังพลังงานน้ํามันเชื้อเพลิงและปจจัยอื่นๆ ที่ใชในการออกเรือไปจับสัตวนํ้าธรรมชาติในทะเลท่ีหางไกลมีตนทุนที่สูงขึ้นมาก จนกระทั่งสัตวนํ้าที่จับไดขายแลวไมคุมทุน
แนวพระราชดําริเพ่ือแกไขปญหา
เม่ือวันท่ี 1 กรกฎาคม 2551 สมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรับสั่งถึงปญหาการท่ีชาวประมงไมสามารถออกหาปลาไดเน่ืองจากนํ้ามันมีราคาแพง กับ นายสหัส บุญญาวิวัฒน ท่ีปรึกษาสํานักพระราชวัง และนายจรัลธาดา กรรณสูต ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ และทรงมีพระราชดําริวา ในอนาคตผลผลิตสัตวทะเลตางๆ จากฟารมทะเลเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าแบบผสมผสานท่ีถูกสุขภาวะอนามัยแวดลอมคืนสมดุลดวย จะเปนอีกหน่ึงทางเลือกสําคัญทดแทนการออกเรือไปจับสัตวนํ้าในทะเลท่ีหางไกล พรอมท้ังทรงริเริ่มใหทําฟาร มทะเลตัวอย างแบบผสมผสาน ในพื้นที่ดินนาเกลือริมทะเล ซึ ่งนางวาสนา เทพหัสดิน ณ อยุธยา นอมเกลาฯ ถวาย จํานวน 82 ไร 2 งาน 50 ตารางวา ณ หมู 5 ตําบลบางแกว อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี เพ่ือเปนฟารมตัวอยางใหท้ังผูจับสัตวนํ้า ผูเพาะเลี้ยงสัตวนํ้า และผูท่ีสนใจท่ัวไปไดศึกษาเรียนรู ดูงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ นําไปปรับใชใหถูกตองเหมาะสมกับสภาพแวดลอมทองถ่ินของตนเองตอไป
วัตถุประสงคของโครงการ โครงการฟารมทะเลตัวอยางแบบผสมผสานฯ นับเปนฟารมตัวอยางแหงใหมภายใต
มูลนิธิศิลปาชีพเชนเดียวกับฟารมตัวอยางแหงอ่ืนท่ัวประเทศหลายโครงการตามแนวพระราชดําริของสมเด็จพระนางเจาฯ โดยมีวัตถุประสงคท่ีจะเปนแหลงศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรูความรูดานการประมงแกเกษตรกรท้ังในและตางพ้ืนท่ีไดนําไปปรับใชในการประกอบอาชีพประมงทางเลือกโดยไมตองออกเรือไปจับสัตวนํ้าในทะเลท่ีหางไกลเหมือนในอดีต เน่ืองจากการประกอบอาชีพประมงนับวันจะตองแบกภาระคาใชจายดานนํ้ามันเชื้อเพลิงท่ีสูงข้ึน สงผลตอราคาสินคาสัตวนํ้า ดังน้ันหากสามารถทําฟารมทะเลชายฝงไดจะชวยลดท้ังราคาสินคาสัตวนํ้าและการสรางรายไดแกประชาชนท่ัวไปดวย
2 สรุปผลการดําเนินงาน ฟารมทะเลตัวอยางแบบผสมผสานฯ มีสภาพพ้ืนดินเดิมเปนดินเค็มเน่ืองจากเปนนาเกลือท้ิงราง ลักษณะดินเปนตะกาดเปลือกหอยผุพังรวมกับตะกอนดินชายฝงท่ีทับถมกันเปนเวลานาน นํ้าทะเลท่ีทวมถึงพ้ืนท่ีบริเวณน้ีจะมีความเค็มสูงระหวาง 25-40 สวนในพัน ดังน้ันการพัฒนาเปนท่ีเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าจึงจําเปนตองนําดินมาถมสรางคันบอและพ้ืนบอเพ่ือกักเก็บนํ้าทะเลและวางระบบการหมุนเวียนของนํ้าระหวางนํ้าจืดและนํ้าทะเลใหสมดุลและเหมาะสมกับการดํารงชีวิตของสัตวนํ้าทะเลแตละชวงชีวิตดวย และดวยบริเวณโครงการฯ มีแหลงนํ้าจืดจากคลองซอยชลประทานทําใหสามารถปรับความเค็มของนํ้ามาใชไดต้ังแต 5 สวนในพัน ถึงมากกวา 170 สวนในพัน จึงสามารถเลี้ยงสัตวสองนํ้า เชน กุงกามกราม ปลานวลจันทรทะเล ปลากะพงขาว และปลานํ้าเค็ม เชน ปลากุดสลาด ปลากะรัง และปลาหมอทะเล เปนตน
ในฟารมมีระบบทอนํ้าเชือ่มโยงถึงกันทุกฟารมยอย ของเสียจากทุกฟารมยอยจะถูกนํามาใชเปนอาหารของไรนํ้าเค็ม (อารทีเมีย) ท่ีดํารงชีวิตโดยการกรองกินอินทรียสารทุกชนิด และตัวไรนํ้าเค็มเองสามารถนํามาใชเปนอาหารของสัตวนํ้าวัยออนในฟารมดวย นํ้าท่ีเค็มจัดจากการเลี้ยงไรนํ้าเค็มจะสงตอไปยังแปลงสาธิตการทํานาเกลือ ซึ่งไดพัฒนาตอยอดไปสูการทํานํ้าทะเลธรรมชาติแบบผง เปนการเพ่ิมมูลคาใหกับผลผลิตเกลือใหมีราคาสูงข้ึน และกระบวนการสุดทายของการทํานาเกลือจะไดปุยสําหรับนําไปเพาะปลูกตนไม สรุปวาฟารมทะเลตัวอยางจะไมมีการปลอยน้ําเสียจากฟารมสูส่ิงแวดลอม หรือเรียกวา ฟารมซีโรเวสท (Zero waste)
นอกจากน้ี ฟารมทะเลสามารถคงความเค็มของนํ้าทะเลในทุกฟารมยอยตางๆ ใหคงที่ไดตลอดท้ังป ซึ่งจะสงผลตอการพัฒนาระบบสืบพันธุของสัตวนํ้า โดยมีการพัฒนาระบบน้ําไหลเวียนข้ึนลงเลียนแบบธรรมชาติ หรือหลักการนําพาออกซิเจน แรธาตุ รวมท้ังสารอาหารไปหาผูใชประโยชน คือ สาหรายเซลลเดียวจนถึงสาหรายขนาดใหญครบวงจร ทําใหลดการเนาเสียหรือการลมลงของหวงโซอาหารทุกหวงโซเปนองคความรูท่ีเกษตรกรสามารถนําไปใชเปนแบบอยางได
สวนในทะเลมีแปลงสาธิตการเลี้ยงหอยแมลงภูแบบแพเชือก ซึ่งเปนรูปแบบการเลี้ยงแบบใหมท่ีลดปญหาการตายของหอยแมลงภูจากการหักลมของหลักไมในฤดูมรสุม และความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดลอมบริเวณแปลงเลี้ยงท่ีเกษตรกรมักตัดโคนหลักท้ิงตอไวในพ้ืนทะเล รวมทั้งการปกหลักลอหอยที่หนาแนน ซึ่งเปนสาเหตุของการเปนโรคพยาธิในหอยสองฝาหลายชนิด นอกจากน้ี แพเชือกเลี้ยงหอยแมลงภูยังมีประโยชนที่เปรียบเสมือนปะการังลอยนํ้าเปนท่ีอาศัยหลบซอนของปลาและสัตวนํ้าขนาดเล็กใหหลบซอนอาศัยจนถึงวัยเจริญพันธุสรางความอุดมสมบูรณแกทองทะเลบริเวณน้ีตลอดไป
ฟารมทะเลตัวอยางแบบผสมผสานฯ แหงน้ีนับเปนท่ีรวมของนวัตกรรมการพัฒนาอุปกรณในการเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าท่ีเกษตรกรสามารถพ่ึงพาตนเองได โดยไมจําเปนตองซื้อจากตางประเทศ เชน อุปกรณแยกของเสียจําพวกโปรตีนออกจากนํ้า (protein skimmer) เรือและถังลําเลียงปลาใหมีชีวิตรอด ถังรวบรวมไขปลาทูหลังการวางไข เคร่ืองใหอากาศพลังงานแสงอาทิตย เครื่องใหอาหารสัตวนํ้าอัตโนมัติ กระชังเลี้ยงสัตวนํ้าท่ีเคลื่อนท่ีได ฯลฯ
3
ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ
1. มีฟารมทะเลตัวอยางผสมผสานบนแผนดินชายฝงแหงแรกท่ีจําลองนิเวศวิทยาทางทะเลครบวงจรทุกชวงความเค็มยกข้ึนไปไวในฟารมบนแผนดินชายฝงระบบปด-รีไซเคิล ท่ีน้ําไหลขึ้นลงบําบัดตนเอง สอดคลองท้ังวงจรนํ้าทะเลและวงจรอาหารธรรมชาติตอเน่ือง แลวกอใหเกิดผลผลิตพลอยไดเสริมท้ังภายในและระหวางฟารมยอยตางๆ โดยไมตองท้ิงนํ้าและตะกอนเลนออกนอกฟารม
2. มีธนาคารสัตวทะเลธรรมชาติตัวอยางใกลชุมชนประมงพ้ืนถ่ินหรือฟารมทะเลแพเชือกและกระชังเชือกตัวอยางผสมผสานลอยนํ้าอยูในทะเลโดยพันธุสัตวนํ้าพวกยึดเกาะ(เชนหอยแมลงภู หอยนางรม หอยตะโกรม หอยมุก ปะการัง กัลปงหา ฟองนํ้า ฯลฯ) ท่ีชวงวัยออนมีลักษณะคลายแพลงกตอนลองลอยตามน้ําเขามาหากเจริญเติบโตถึงระยะตองลงเกาะก็จะเกาะแพเชือกในฟารมโดยไมตองซื้อหา ไมตองใหอาหารและเปนปะการังเทียมลอยนํ้า ชวยลดความรุนแรงของคลื่นกระทบฝง รวมท้ังเปนท่ีหลบภัย พักอาศัย หากิน ขยายพันธุของสัตวทะเล(เชนปู กุงและปลาทะเลตางๆฯลฯ)จะยอนกลับคืนชุมชนใกลฝง ซึ่งชาวประมงสามารถจับสัตวนํ้าโดยรอบฟารม สวนในฟารมตัวอยางน้ันจะมีกลุมชาวประมงในพ้ืนท่ีรวมพัฒนาตอเน่ืองพรอมกันไปดวย
3. ความรูจากการดูงาน ศึกษา เรียนรู แลกเปลี่ยนประสบการณในการทําฟารมทะเลผสมผสาน ชุมชนชาวประมงสามารถนําไปเปนตัวอยางปรับใหเหมาะสมกับสภาพพ้ืนถ่ินของตนเอง
4. มีพอแมพันธุสัตวทะเลเศรษฐกิจ ท่ียังเพาะขยายพันธุเชิงพาณิชยไมไดเลี้ยงสะสมบํารุงพันธุไมนอยกวา 20 ชนิด ไมนอยกวา 3,000 ตัว
5. ปลูกท้ังพืชคลุมดิน และพืชยืนตนท่ีมีอายุยืนกินไดทนเค็มไมผลัดใบตามขางคันบอและรองสวนไมนอยกวา 30 ชนิด พืชท่ีปลูกไมนอยกวา 20% ของพ้ืนท่ีฟารม
6. มีสาหรายทะเลเพาะเลี้ยงผสมผสานในบอและรองสวนไมนอยกวา 10 ชนิด พ้ืนท่ีไมนอยกวา 20% ของพ้ืนท่ีฟารม (ผลผลิตประมาณ 80 ตัน/ป)
7. ผลผลิตจากการเลี้ยงสัตวทะเลตางๆในฟารมบนบก ประมาณ 20 ตัน/ป 8. ผลผลิตสัตวนํ้าจากธนาคารสัตวทะเลหรือฟารมแพเชือกและกระชังเชือกในทะเล
ประมาณ 80 ตัน/ป 9. รวบรวมพันธุสัตวนํ้ามีชีวิตจากฟารมในทะเลลําเลียงเขามาเลี้ยงในฟารมตัวอยางและใน
ฟารมของชาวประมง อยางนอยจากทะเลประมาณ 3 ลานตัว/ป 10. มีเกลือแกงและนํ้าทะเลผงประมาณ 100 ตัน
4
ทะเล
คอกปลาหมอทะเลใหญ่ 6 ตัวพ่อแมพ่ันธุ์ 80-100 กิโลกรัม คอกปลาหมอทะเลใหญ่ 6 ตัวพ่อแมพ่ันธุ์ 80-100 กิโลกรัม
กระชงัปลาลวิลม 30 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 3-4 กิโลกรัมกระชงัปลาตะคองเหลือง 35 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 3-4 กิโลกรัมกระชงัปลาหูช้าง 5 ตัว พ่อแมพั่นธุ์ 2-3 กิโลกรัมกระชงัปลาขีตังเบด็ 34 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 500 กรัม
กระชงักระบอกท่อนใต้ 118 ตัว พ่อแมพ่ันธ์ุ 100-300 กรัม
กระชงัปลาลวิลม 30 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 3-4 กิโลกรัมกระชงัปลาตะคองเหลือง 35 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 3-4 กิโลกรัมกระชงัปลาหูช้าง 5 ตัว พ่อแมพั่นธุ์ 2-3 กิโลกรัมกระชงัปลาขีตังเบด็ 34 ตัว พ่อแมพ่ันธุ์ 500 กรัม
กระชงักระบอกท่อนใต้ 118 ตัว พ่อแมพ่ันธ์ุ 100-300 กรัม
คอกปลาหมอทะเล 39 ตัวลกูพันธ์ุ 5-7 กิโลกรัม
คอกปลาหมอทะเล 39 ตัวลกูพันธ์ุ 5-7 กิโลกรัม
กระชงัปลาชอ่นทะเล 24 ตัวพ่อแมพ่ันธ์ุ 5-8 กิโลกรัม
กระชงัปลาชอ่นทะเล 24 ตัวพ่อแมพ่ันธ์ุ 5-8 กิโลกรัม
ปลานวลจนัทร์ทะเล 34 ตัวพ่อแมพ่ันธุ์ 3-5 กิโลกรัมปลานวลจนัทร์ทะเล 34 ตัวพ่อแมพ่ันธุ์ 3-5 กิโลกรัม
กระชงัปลานวลจนัทร์ทะเล 88 ตัว ลกูพันธุ์ 500 กรัมกระชงัปลาสลดิหิน 1,728 ตัว ลกูพันธุ ์ 100-200 กรัมกระชงัปลานวลจนัทร์ทะเล 88 ตัว ลกูพันธุ์ 500 กรัมกระชงัปลาสลดิหิน 1,728 ตัว ลกูพันธุ ์ 100-200 กรัม
กระชงัปลาชอ่นทะเล 92 ตัว ลกูพันธ์ุ 300-500 กรัมกระชงัปลาเฉียวหิน 247 ตัว ลกูพันธ์ุ 50 กรัมกระชงัปลากระบอกท่อนใต้ 230 ตัว ลกูพันธุ์ 50-100 กรัม
กระชงัปลาชอ่นทะเล 92 ตัว ลกูพันธ์ุ 300-500 กรัมกระชงัปลาเฉียวหิน 247 ตัว ลกูพันธ์ุ 50 กรัมกระชงัปลากระบอกท่อนใต้ 230 ตัว ลกูพันธุ์ 50-100 กรัม
กระชงัปลาตะกรับเสือดาว 840 ตัว ลกูพันธุ ์ 50 กรัมกระชงัปลาบูท่ราย 162 ตัว ลกูพันธ์ุ 20-50 กรัมกระชงัปลาตะกรับเสือดาว 840 ตัว ลกูพันธุ ์ 50 กรัมกระชงัปลาบูท่ราย 162 ตัว ลกูพันธ์ุ 20-50 กรัม
ชนิดและจํานวนของปลาทะเลภายในฟาร์มทะเล
ตัวอย่างตามพระราชดําริ
ชนิดและจํานวนของปลาทะเลภายในฟาร์มทะเล
ตัวอย่างตามพระราชดําริ
โรงเพาะ โซน Bโรงเพาะ โซน B
โซน 1โซน 1
โซน 2โซน 2
โซน 4โซน 4
โซน 5โซน 5
ร่องนําทะเลร่องนําทะเล
แผนผังแสดงกิจกรรมตางๆ ในพ้ืนท่ีโครงการฟารมทะเลตัวอยางแบบผสมผสานฯ ภาพกิจกรรมตางๆ
5
6
7