คูมือการใชการบํารุงรกัษายานพาหนะและขนสง

สวนยานพาหนะและขนสง มีหนาที่รับผิดชอบในการใหบริการดานยานพาหนะและขนสง ตลอดจนซอมแซมบํารุงรักษายานพาหนะของกรมฯ ที่ออกไปปฏิบัติหนาที่ตามที่ตางๆ เพื่อใหการบริการเปนไปอยางตอเน่ืองและมีประสิทธิภาพจําเปนตองมีการดูแล และบํารุงรักษาอยางถูกตอง ฝายวิศวกรรมบริหาร ฝายยานพาหนะ และฝายการขนสง รับผิดชอบในการดูแล การใช การบํารุงรักษา ตรวจสอบ ติดตาม แกไขปญหา หรือจัดเตรียมอะไหล นํ้ามันเช้ือเพลิง น้ํามันหลอลื่น ไวเพ่ือการใช การซอมตามระยะทาง หรือระยะเวลา ตามบริษัทผูผลิตกําหนด พนักงานขับรถยนตเปนผูตรวจดูแล กอนการใชงานและหลังการใชงาน รวมทั้งรายงานการใชและรายงานเม่ือเกิดอุบัติเหตุตามระเบียบกรมชลประทานวาดวยยานพาหนะ พ.ศ.2547 เปนไปตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีวาดวนรถราชการ พ.ศ.2523 ถึงป พ.ศ.2545 มีสาระสําคัญ ในสวนที่เกี่ยวของกับพนักงานขับรถยนต คือ

หนาท่ี และความรับผิดชอบของผูขับขีย่านพาหนะ

- ผูขับข่ียานพาหนะ มีหนาท่ีปฏิบัติตามคําส่ังของผูบังคับบัญชาซ่ึงส่ังการโดยชอบ - ผูขับข่ียานพาหนะจะตองรับผิดชอบตอยานพาหนะท่ีไดรับมอบหมายใหทําการขับข่ี - ผูขับข่ียานพาหนะจะนํายานพาหนะสวนกลางออกไปปฏิบัติงานหรือยินยอมใหผูอ่ืนทํา

การขับข่ียานพาหนะที่อยูในความรับผิดชอบของตนเอง จะตองไดรับอนุญาตจากหัวหนาหนวยงานกอน

- ผูขับข่ียานพาหนะ ตองนํายานพาหนะเขาจอดเก็บในสถานท่ีจอดเก็บทันทีเม่ือปฏิบัติงานเสร็จส้ินแลวหามนําไปจอดเก็บที่อ่ืน

- ผูขับข่ียานพาหนะ จะตองดูแลความสะอาดและบํารุงรักษายานพาหนะประจําวัน ตลอดจนบันทึกการใชยานพาหนะตามความเปนจริงทุกครั้งท่ีขับข่ียานพาหนะ

- ผูขับขี่ยานพาหนะ จะตองไมเสพสุราของมึนเมา ยาเสพติด ยาประเภทระงับหรือบีบประสาทในระหวางปฏิบัติหนาที่

การบํารุงรกัษายานพาหนะ การบํารุงรักษายานพาหนะ รถยนตน่ังทั่วไป รถบรรทุก รถลากจูง ใหมีอายกุารใชงานไดนาน และคุมคา การบํารุงรกัษาจําเปนตองศึกษา เพื่อใหทันตอการวิวฒันาการที่กาวหนา คอยสังเกต เอาใจ ใสตรวจตราอยูเสมอ จะสามารถชวยลดอุบติัเหตุที่อาจเกดิขึ้นได จําเปนตองมีการกําหนดดังนี ้

- การตรวจรถยนตประจําวัน - การตรวจรถยนตประจําสัปดาห - การตรวจระมัดระวังขณะขับรถ - การบํารุงรักษาตามระยะทางหรือระยะเวลา

การตรวจรถยนตประจําวนั - ตรวจระดับนํ้าในหมอพักนํ้า - ตรวจระดับนํ้ามันเคร่ือง - ตรวจไฟสัญญาณตางๆท่ีหนาปทม - ตรวจยาง ในทีน่ี้เพียงแตดวูาท้ัง 4 ลอมีลมและสภาพเรียบรอย - ตรวจเบรกมือ - ตรวจรอยรัว่ตางๆ โดยสังเกตท่ีพื้นใตทองรถ เชนรอยรัว่น้ํามันเครื่อง น้ํามันเกยีร

เฟองทาย รอยรัว่ของน้ํา น้ํามันเช้ือเพลิง เปนตน เม่ือพบแลวตองรีบแกไข การตรวจรถยนตทุก 7 วัน

- ตรวจวดัลมยางตามท่ีบริษัทผูผลิตกําหนด - ตรวจระดับนํ้ามันเบรก - ตรวจระดับนํ้ากลั่นแบตเตอรี ่- ตรวจวดัระดับน้ํามันเกยีรอัตโนมัติ - ตรวจสภาพสายพานตางๆ เชน สายพานพดัลม สายพานแอร สายพานเพาเวอรส

เตียริ่ง การตรวจและระมัดระวังขณะขับรถ

- ควรสังเกต ไฟเตือน และเครือ่งวัดตาง ๆ - ขณะที่ขับรถไปพวงมาลัยดึงไปขางใดขางหนึ่งหรือไม - ควรสังเกตมีกลิ่นไหมหรือกลิ่นนํ้ามัน - มีเสียงดังผิดปกติหรือไม - ควรเอาเทาออกจากคลัช เม่ือเขาเกียรสูงสุด ไมควรพักเทาไวที่คลัชหรือเบรก - กอนออกรถควรปรับกระจกมองหลังใหสามารถมองเห็นไดชัดเจน - ปรับเกาอ้ีใหน่ังสบายพอเหมาะ - ขณะเครื่องยนตรอนจัด ไมควรเปดฝาหมอน้ําทันที จะทําใหไอน้ําพุงลวกได

- ไฟเตือนระบบสูญญากาศติด ตองหาสาเหตุ เพราะประสิทธิภาพของการเบรกไมด ี- ไมควรบรรทุกหนักจนเกินไป จะทําใหประสิทธภิาพของเบรกลดลง

การบาํรุงรักษาตามระยะทางหรือระยะเวลา การบํารุงรักษาอยางถูกตองและสมํ่าเสมอ จะทําใหยานพาหนะมีความปลอดภัย ประหยัด นํ้ามันและยืดอายุการใชงาน ดังน้ันควรนํารถเขาตรวจเช็ค เปลี่ยนอะไหล ตามระยะทางหรือระยะเวลาตามตารางการบํารุงรักษา แนวทางการจัดเตรยีมอะไหล แนวทางการจัดเตรียมอะไหล พิจารณาจากสถิตกิารใชยานพาหนะแตละคัน โดยดูจากสมุด บันทึกการใชยานพาหนะ (แบบ 4) ซ่ึงจากขอมูลสถิติดังกลาวสามารถนํามาวางแผน จัดเตรียม วัสดุ หรืออะไหล เชน น้าํมันเครื่อง ไสกรองน้าํมันเครื่อง ไสกรองอากาศ กรองนํ้ามันเช้ือเพลงิ สายพาน ขนาดตางๆแบตเตอรี่ ยาง ฯลฯ

การบํารงุรักษายานพาหนะ ประเภทยานพาหนะ.................ย่ีหัอ..................รุน...................หมายเลขชป.....................

ลําดับท่ี ระบบ อาการ/สาเหตุ วัน/เดือน/ป ซอมเสร็จ

ผูตรวจ

ตาราง การบํารุงรกัษายานพาหนะดใูนภาคผนวก file excel ตารางการบํารุงรกัษายานพาหนะ

ขอแนะนําในการใชยานพาหนะ 1. การปรับเบาะนั่ง

การปรบัเบาะคนขับเพ่ือใหไดระยะพอเหมาะแกการควบคุมแปนตางๆท่ีเทา พวงมาลัย และ แผงหนาปทม ขอควรระวัง อยาปรับเบาะขณะขับข่ีจะทําใหเสียการควบคุมรถได 2. การปรับหมอนพิง

การปรบัหมอนพิงศีรษะเพ่ือความปลอดภัย และสะดวกสบาย ควรปรับหมอนพิงศีรษะกอนการขับข่ี และใหอยูแนบชิดกับศีรษะ

3. การใชเข็มขัดนิรภัย เพื่อลดโอกาสท่ีจะบาดเจ็บสาหัสจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือการหยดุรถอยางกะทันหัน

การใชเข็มขัดนิรภัย ใหดึงสายเข็มขัดและสอดหัวเข็มขัดเขากับหัวลอคท่ีติดอยูกับพืน้รถขางเบาะหนา

การคาดเข็มขัดนิรภยั ทั้งสายคาดไหลและสายคาดสะโพก เพ่ือกนัสายเข็มขัดเลื่อนหลุดในกรณีเกดิอุบัติเหตุ กดปุมลอคที่ตัวหัวลอคสายเข็มขัดจะถูกรั้งกลับเขาที่ ถาหากสายเข็มขัดรั้งกลับไมสุด ใหตรวจดูวาสายบิดพันกนัหรือเปลา 4. การปรับพวงมาลัย

ใหจับพวงมาลัยแลวปลดลอคพวงมาลยักอน พรอมเลื่อนพวงมาลัย ข้ึน- ลง ใหไดระดับที่ตองการแลวลอคพวงมาลัยเหมือนเดิม ขอควรระวัง ไมควรปรบัพวงมาลัยขณะรถวิ่ง 5. การปรับกระจกมองขางและมองหลัง

กอนออกรถควรปรับกระจกมองขาง-มองหลัง ใหอยูในทัศนะวิศัยที่เหมาะสม สามารถมองเห็นอยางชัดเจน ขอควรระวัง อยาปรับกระจกมองขาง – มองหลังขณะรถกําลังแลน อาจเปนเหตุใหคนขับรถ เสียการควบคุมและเกิดอุบัติเหตุได

6. เกียรอัตโนมัติ

เกียรอัตโนมัติในรถมีระบบล็อคคันเกยีรเพื่อปองกันการเขาเกยีรผิด ถาคันเกยีรไมไดอยูในตําแหนง P ไมสามารถสตารทเครื่องยนตได

เครื่องหมายบอกตําแหนงเกยีรจะปรากฏข้ึนบนแผงมาตรวัดที่หนาปทม P : จอด สตารทเครื่องและดึงกญุแจออก R : เกียรถอย N : เกียรวาง D : ขับขี่ปกติ (เขาเกยีรโอเวอรไดรฟได) 2 : เพิ่มกําลังเบรกดวยเครื่องยนตย่ิงข้ึน

L : ใหกําลังเบรกดวยเครื่องยนตสูงสุด

7. เกียรธรรมดา

การเลื่อนเปลีย่นเกียรตามภาพ ขณะเขาเกยีรหรือเปลีย่นเกียรใหเหยยีบคลัทชจนสุดแลวคอยๆ ผอนคลัทชชาๆ พรอมทั้งเหยียบคันเรงเพ่ือใหรถยนตเคลื่อนที่ ไมควรวางเทาบนแปนคลัทชขณะขับข่ี เพราะอาจทําใหคลัทชสึกหรอ และหามใชวิธีเลีย้งคลัทชขณะหยุดรถบนพืน้ที่ลาดเอียง ควรใชเบรคมือแทน

การเปลีย่นเกียรข้ึน-ลงเรว็หรอืชาเกินไป จะเปนการฉดุลากเกยีรและอาจทําใหเครื่องยนตกระตุกได การเรงความเรว็รอบสูงสุดในแตละเกียรเปนประจํา จะทําใหเครื่องยนตสึกหรอมากและส้ินเปลืองนํ้ามันเช้ือเพลิง ความเรว็สูงสุดของแตละเกียร การขับรถบนทางหลวงหรือเรงแซงบนถนนที่มีการจราจรคับค่ัง การเรงความเร็วสูงสุดอาจเปนส่ิงจําเปน ควรเปลีย่นเกยีรใหเหมาะกับความเร็วในแตละเกยีร ดังนี้ รถนั่งท่ัวไปเครื่องยนตเบนซิน รถบรรทกุดีเซลขนาด 1 เมตริกตัน เกียร กม./ชม. เกียร กม./ชม. 1 ความเร็วไมเกิน 25 1 ความเรว็ไมเกนิ 20 2 ,, 40 2 ,, 35 3 ,, 60 3 ,, 55 4 ,, 80 4 ,, 75 รถบรรทุกขนาด 2 เมตรกิตันข้ึนไป เกียร กม./ชม. 1 ความเร็วไมเกิน 20 2 ,, 40 3 ,, 65 4 ,, 80 8. การใชรถในระยะแรก

ใหขับข่ีดวยความนุมนวลและหลกีเลี่ยงการใชความเร็วสูง เพียงแตปฏิบัติตามคําแนะนํา ก็จะสามารถยืดอายุรถและประหยัดคาใชจายในอนาคตได การใชรถใหมในระยะ 2,000 กิโลเมตรแรก

- อยาใชความเรว็เกนิ 120 กม./ชม. - ใหรักษาความเรว็รอบเครื่องยนตไวในชวง 2,000 – 4,000 รอบ/นาที - อยาเหยียบคันเรงจนสุดขณะสตารทเครื่อง - หลีกเลีย่งการเบรคกระทนัหันในชวง 300 กม.แรก - อยาใชเกยีรสูง (เกียรธรรมดา) ในชวงความเรว็ตํ่า

- อยาขับรถดวยความเร็วคงท่ีนานๆ ไมวาจะชาหรือเร็วกต็าม - อยาใชรถเพ่ือการลากจูงในการขับข่ีชวง 800 กม. แรก -

9. การเลือกใชนํ้ามันเครือ่ง เลือกใชน้ํามันเครื่องมาตรฐาน API เกรด SH, “Energy-Conserving II” หรือ SJ, “Energy-

Conserving ” หรือน้ํามันเครือ่งเกรดรวม ILSAC คาความหนืดท่ีแนะนาํ (SAE) :

เครื่องยนตท่ีใชน้ํามันเครื่อง SAE 5 W – 30 สําหรับเครื่องยนตใหม เม่ือใชงานไปแลวปริมาณนํ้ามันเครื่องลดลงมากผดิปกติ ควรเปลี่ยนไปใชน้ํามันเครื่อง SAE 15 W – 40 หรือเบอรที่มีความหนืดเพ่ิมข้ึน เม่ือเปลี่ยนถายนํ้ามันเครื่องครั้งตอไป

10. วธิกีารสตารทเครือ่งยนต ( ก ) กอนสตารทเครื่อง

1. ใสเบรคมือใหม่ันคง 2. ควรปดไฟและอุปกรณอํานวยความสะดวก (เครื่องปรับอากาศ/วิทยุ) 3. เกียรธรรมดา : เหยียบคลัทชจนสุดแลวเขาเกียรวาง เหยียบคลัทชคางไวจนกระท่ังสตารท

เครื่องยนตติด เกียรอัตโนมัต ิ: กอนสตารทเครื่องยนต ใหเกียรอยูในตําแหนง ( P ) กอน แลวคอยปรับคันเกียรไปยังตําแหนง ( D หรือ R ) ที่ตองการ

4. เฉพาะเกียรอัตโนมัต ิ: ใหเหยียบแปนเบรคคางไวเพื่อไมใหรถเคลื่อนท่ี กอนสตารทเครื่องยนต

( ข ) การสตารทเครื่องยนต กอนสตารทเครื่องตองแนใจวาไดปฏิบัติตามคําแนะนําในขอ (ก) กอนสตารทเครื่อง ขั้นตอนการสตารทเครือ่งโดยทัว่ไป

ระบบฉีดเช้ือเพลิงแบบมัลติพอรทจะควบคุมอัตราการผสมระหวางอากาศกับน้ํามันเช้ือเพลิงขณะสตารทโดยอัตโนมัติ ทานสามารถสตารทขณะเครือ่งเย็นหรือรอนไดดังตอไปนี้

1. สตารทเครื่องโดยบิดกญุแจไปท่ีตําแหนง “ START ” โดยไมตองเหยียบคันเรงแลวปลอยมือเม่ือเครื่องยนตติด

2. หลังจากเดนิเครื่องประมาณ 10 วินาที รถกพ็รอมจะออกวิ่งได 11. การแกปญหาเบ้ืองตน ( ก ) ถาเครื่องยนตไมหมุนหรอืหมุนชาผดิปกติ 1. ตรวจดวูาข้ัวแบตเตอรีแ่นนและสะอาดหรือไม 2. ถาข้ัวแบตเตอรี่แนนและสะอาดดีใหเปดไฟสองสวางภายใน 3. ถาไฟไมติด หรี่ หรือติดแลวดับไปเมื่อสตารทเครื่อง แสดงวาแบตเตอรี่หมดประจุ อาจตองพวง

แบตเตอรี่เพ่ือสตารท หรือถาใชเกียรธรรมดา และไมไดติดต้ังอุปกรณกําจัดกาซพิษแบบสามทางจะไมสามารถเข็นแลวสตารทได

ถาไฟสองสวางเปนปกติดแีตเครื่องยนตยังสตารทไมติดก็จําเปนตองทาํการซอมหรือปรับต้ัง ( ข ) การสตารทเมื่อน้ํามันทวม ถาเครื่องยนตสตารทไมติด น่ันอาจเปนเพราะนํ้ามันทวมเนื่องจากการสตารทซํ้าบอยๆ กรณีเชนนี้ ใหบิดกุญแจไปที่ตําแหนง “ START ” พรอมกับเหยียบคันเรงคางไวประมาณ 15 วินาทีแลวปลอย จากน้ันใหถอนคันเรงแลวสตารทเครื่องใหมอีกครั้ง ถาหลังจาก 15 วินาทีแลวเครื่องยังไมติด ใหปลอยกุญแจ รอสักพักแลวลองสตารทใหมอีกครั้ง ถาเครื่องยนตยังคงสตารทไมติดก็จําเปนตองทําการซอมหรือปรับแตง ( ค ) ขั้นตอนการพวงแบตเตอรี่เพ่ือสตารท

1. ถาพวงแบตเตอรี่กับรถอีกคันหน่ึง ตองระวังอยาใหรถแตะกัน ปดไฟและอุปกรณอํานวยความ

สะดวกที่ไมจําเปนท้ังหมด 2. ถาจําเปนใหเปดฝาชองเติมน้าํกลั่นของแบตเตอร่ีทั้งสองตัวใหหมดทุกฝา แลวใชผาวางปดชองเติม

ใหมิดชิด (ปองกันอันตรายเม่ือแบตเตอรี่เกิดระเบิดขึ้น) 3. สตารทเครื่องยนตของรถท่ีใหพวงแบตเตอรี่ประมาณ 2 – 3 นาที ในขณะพวงแบตเตอรี่น้ันใหใช

ความเร็วรอบเครื่องประมาณ 2,000 รอบ/นาที โดยเหยียบคันเรงเบาๆ 4. ตอสายพวงแบตเตอรี่ตามลําดับ a, b, c, d

a. หนีบปลายสายพวงข้ัวบวก (สีแดง) เขากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ทีต่องการพวง b. หนีบปลายสายพวงอีกดานหน่ึงเขากับข้ัวบวก (+) ของแบตเตอรี่ที่นํามาพวง c. หนีบปลายสายพวงข้ัวลบ (สีดํา) เขากับข้ัวลบ (-) ของแบตเตอรี่ที่นําเขามาพวง d. หนีบปลายสายพวงข้ัวลบอีกดานหนึ่งเขากับสวนท่ีเปนโลหะไมเคลือบสีของตัวรถที่ตองการ

พวงแบตเตอรี ่ตารางการบํารงุรักษาเพ่ิมเตมิอยูใน ภาคผนวก file excel ตาราง sheet1/3

รถน่ังท่ัวไป

ใชรับสงเจาหนาที่เพื่อติดตอราชการระหวางหนวยงานตางๆท่ีมีเจาหนาที่ไมเกิน 4 คน

รถตรวจการณ

รถนั่งตรวจการณใชสําหรับรับ-สง เจาหนาที่ไปตรวจราชการตามพื้นที่ทุรกนัดารหรือน้ําทวม

รถโดยสารขนาด 12 ท่ีนั่ง

รถโดยสารขนาด 25 ท่ีนั่ง

รถโดยสารขนาด 45 ท่ีนั่ง

รถบรรทุกขนาด 1 เมตรกิตนั

ใชบรรทุกวัสดุ อุปกรณ เครือ่งมือตางๆ หรือเจาหนาที่ นํ้าหนักท่ีบรรทกุไดไมเกิน 1 เมตริกตัน

รถบรรทุกขนาด 2 เมตรกิตนั

ใชบรรทุกวัสดุ อุปกรณ เครือ่งมือตางๆ หรือเจาหนาที่ นํ้าหนักท่ีบรรทกุไดไมเกิน 2 เมตริกตัน

รถบรรทุกขนาด 4 เมตรกิตนั

ใชบรรทุกวัสดุ อุปกรณ เครือ่งมือตางๆ น้ําหนักที่บรรทุกไดไมเกิน 4 เมตรกิตัน

รถบรรทกุขนาด 6 เมตรกิตนั

ใชบรรทุกวัสดุ อุปกรณ เครือ่งมือตางๆ น้ําหนักที่บรรทุกไดไมเกิน 6 เมตรกิตัน

รถยนตบรรทุกน้ํา

ใชสําหรับบรรทุกนํ้าดื่ม และนํ้าใชเพ่ือชวยเหลือผูประสบภัยแลงและชาวสวนตามจังหวัดตาง ๆ

รถลากจูง

รถลากจูงใชสําหรับบรรทุกเครื่องจักรกลขนาดใหญหรือวัสดุส่ิงของท่ีมีน้ําหนักและปริมาณมากๆ เพ่ือเปนการประหยัดเวลาและคาใชจาย การใชงาน -รถลากจูงใชงานรวมกับรถพวง โดยตอรถลากจูงกับรถพวงเขาดวยกนั -ตอปลั๊กลม ปลั๊กไฟฟา ระหวางลากจูงและรถพวง -ตรวจเช็คระบบลมท่ีรถพวงใหเต็ม และระบบไฟฟาสัมพนัธกับหัวลาาก จึงทําการบรรทุกวัสด ุหรือเครื่องจกัรกลตาง ๆได -เม่ือเสรจ็การใชงานแลวนําเขาท่ีจอดเก็บใหเปนระเบียบ ถอดปลั๊กลมปลั๊กไฟฟา และถอด พวงออกจากรถลากจูง ขอควรระวัง -กอนออกรถตองตรวจเช็คระบบลมใหเต็มในระบบ -กอนใชรถพวงในการบรรทุกเครื่องจักรหรือวัสดุควรใหเหมาะสมตามขนาดของรถและขนาดที่จะบรรทุก

รถยก

ใชสําหรับยกวสัดุอุปกรณในโรงงานท่ีมีน้ําหนักมาก และมีพื้นท่ีจํากดั

รถปนจัน่

การทํางาน -เพื่อใชยกวัสดุอุปกรณหรือเครื่องจักรกลขนาดใหญ -กางตีนชางออกและยันลงพ้ืน -ยกบูมออกจากท่ีเก็บเพ่ือใชงานยกวัสดุหรอืเครื่องจักรตางๆ ขอควรระวังขณะปฏิบัติงาน -กอนทําการยกวัสดุตางๆ ตองเอาตีนชางกางออกและยันพ้ืนทุกครั้ง -ไมควรยกวัสดุตางๆตานหนาของตัวรถ -ขณะสวิงบูมตองยกวัสดุหรือเครื่องจักรใหพนพื้นกอน -เม่ือเสรจ็การใชงานแลวเลื่อนบูมเขาเก็บท่ี การขบัขีอ่ยางประหยัดนํ้ามัน และยืดอายุการใชงานของเครือ่งยนต การขับข่ีเพ่ือใหไดระยะทางท่ีเพิ่มมากขึ้นตอน้ํามันหนึ่งลิตร เปนส่ิงทีส่ามารถทําได

ทั้งยังเปนผล ทําใหอายุการใชงานของเครือ่งยนตยาวนานย่ิงข้ึน เปนการประหยัดคาใชจาย คาซอม โดยการปฏิบัติดังนี ้

- เติมลมยางใหมีความดันลมถูกตองเสมอ หรือ ตามท่ีบรษัิทผูผลิตกําหนด - อยานําส่ิงของท่ีไมจําเปนไปกับรถยนต เพราะเปนการเพิม่นํ้าหนักบรรทุกโดยไมมี

ประโยชน - การสตารทเครื่องยนตตอนเชาไมจําเปนตองอุนเครื่องยนตนานเกินไป - อยาเรงเครื่องออกรถอยางรนุแรง - หลีกเลีย่งการลากเกียร และใชเกยีรใหเหมาะสมกับชวงความเร็ว - ขับข่ีดวยความเรว็สม่ําเสมอ - อยาวางเทาบนแปนเหยยีบคลัทช หรือ เบรก - ตรวจเช็คเครื่องยนตตามกําหนดเวลา เพ่ือใหเครื่องยนตมีสภาพสมบูรณอยูเสมอ

เรือ

1. เรือตรวจการณ ใชเพื่อตรวจงาน บรรทุกเจาหนาท่ี ซ่ึงตองเดินทางทางน้ํา เรือตรวจการณท่ีสวน ยานพาหนะและขนสงรับผิดชอบ มีดังน้ี

1.1 เรือตรวจการณ 2 ช้ัน ขนาดเลก็ สามารถบรรทุกเจาหนาท่ีได 20 ที่นั่ง 1.2 เรือตรวจการณ 2 ช้ัน ขนาดกลาง สามารถบรรทกุเจาหนาที่ได 50 ที่น่ัง 1.3 เรือตรวจการณ 2 ช้ัน ขนาดใหญ สามารถบรรทุกเจาหนาที่ได 70 ท่ีนั่ง

2. เรือเรว็ติดทาย ใชติดตอราชการหรือตรวจงานทางนํ้า สามารถบรรทุกไดไมเกนิ 7 ที่นั่ง 3. เรือโทรมาศ ใชสํารวจลองนํ้า วัดระดับความลึกลองน้ํา ความเร็วในการไหลของนํ้า 4. เรือยนตลากจงูใชในการลากจูงเรือบรรทกุขนาดตางๆ แพ เรือขุดหรอืเรือที่ไมมีเครื่องยนต เพื่อ

เคลื่อนยายไปปฏิบัติภารกิจของกรมฯ ตามพ้ืนที่ท่ีตองปฏิบัติตามแมนํ้า ลําคลอง มีทั้งแบบไมมีระวางบรรทุก แบบมีระวางบรรทุก และแบบดันทายและพวง

เรือลากจูงมีระวางบรรทุกแบบ ด ี

5. เรือยนตบรรทกุ เปนเรือบรรทุกขนาดใหญ มีระวางบรรทุกขนาด 100 เมตรกิตัน มีเครื่องยนตในตัว ใชในการบรรทุกเครื่องจักรกล เพื่อปฏิบัติภาระกิจทางนํ้าหรือขนยายวัสดุ อุปกรณตางๆ ที่มีนํ้าหนักและปริมาณมาก

เรือยนตระวางบรรทุกขนาด 100 ตัน

เรือยนตบรรทุกขนาด 100 ตัน

6. เรือสุขาพัฒนา ใชเพื่อชวยเหลือประชาชนผูประสพภัยพบัิติ เชน น้ําทวม หรือเม่ือมีหนวยงานอ่ืนๆ ขอไปใชงานเม่ือจําเปน โดยดัดแปลงมาจากเรือบรรทุกขนาดระวางบรรทุก 40 เมตริกตัน

7. เรือบรรทุกพวง ใชในการบรรทุกเคลื่อนจักรที่ตองไปปฏิบัติภาระกิจทางน้ํา วัสดุ อุปกรณ เชน ทอที่ใชกบัเรือขุด หิน ดิน ทราย เม่ือใชงานตองใชเรือยนตลากจูง

การซอมบํารุงรกัษา เรอืตรวจการณ และเรอืลากจูง

1. การเปลีย่นถายน้ํามันเครื่องเมื่อใชงานเปนระยะเวลา ทุก 200 ชม. 2. การเปลีย่นกรองน้ํามันเครื่อง ทุก 400 ชม. 3. การเปลีย่นกรองอากาศ ทุก 400 ชม. 4. ตรวจเช็คระบบปมนํ้ามันเช้ือเพลิง ทุก 1,200 ชม. 5. ตรวจเช็ควาวลไอดีไอเสีย ทุก 200 ชม. 6. ตรวจเช็คระบบเกียรเปลี่ยนถายน้ํามันเกียร ทุก 600 ชม. 7. ตรวจเช็คระบบจุดระเบิดและระบบไฟฟา ทุก 200 ชม. 8. ตรวจเช็คระบบหลอเย็น ทุก 200 ชม. 9. ตรวจเช็ค อัดจาระบี เพลา ตุกตารับเพลา ทุกครั้งทีใ่ชงาน 10. ตรวจเช็คระบบบังคับเลี้ยว เชน ลอก โซ สลิง ทุกครั้งทีใ่ชงาน 11. ตรวจเช็คใบจกัร เม่ือมีการส่ันสะเทือนผดิปกติขณะใชงาน 12. ตรวจเช็คระบบสมอเรือ ทุกครั้งทีใ่ชงาน 13. ตรวจอุปกรณชวยเหลือ เชน หวง ชูชีพ ทุกครั้งทีใ่ชงาน

การซอมบํารุงรักษา เรอืบรรทุกขนาดตางๆ - ตรวจสภาพโครงสรางภายใน ทุก 6 เดือน เชน รอยซึมตางๆ - ตรวจซอมระบบสีทั่วไปท่ีชํารุด 6 เดือน/ครั้ง - ตรวจซอมพนทราย ทาสีใหม ทุก 5 ป

เอกสารอางอิง 1. คูมือการใชและบํารุงรกัษารถยนต ISUZU 2. คูมือการใชและบํารุงรกัษารถยนต TOYOTA 3. คูมือการใชและบํารุงรกัษารถยนต HONDA 4. คูมือการใชและบํารุงรกัษารถยนต NISSAN 5. คูมือการใชและบํารุงรกัษา VOLVO PENTA 6. คูมือการใชและบํารุงรกัษา DEUTZ