('1..11.:j[l'llvn'f?lil (;.jeji.j.&ln. 2 3 l:ili,8....

~ "" 11.U'I 23 !1UJ. 2562

vH.Ju.an.

"" ~ "" 0 !'HJ'U 11i'L 1'U'l'lflll1'U~

0 1~el iu1~w'ilnru1 D t~el iu1~~11uum1 D !~el i'l.11~'1'11111

n~1.1un:mu.:i1uflru~f~1.1u191'1ua~f~iYfll m~'l'111.:i1n111911ua~iYMmru d.:iiY!UHam1 3} I I f

u1~'l,f1Jflru~r~1.1u1911 fl1.:ili 15/2562 d'.h:i.1uli 9 m11wu 2562

~d. ~ ..::::i, 1 Q.I~ 9) I .Jd_ 9)

'iJ.:j!1U'Ulll!'l'lf:l iurn'Vl'ilUU!lM'Ulll 'U1J'U'l'lflU'il.:i 11i1J. m'l~l1'U1CJ.:jl'U'l'l!flU1'llel.:j

'11lJ11'1l'11\1.I

• ('1..11.:J[l'Llvn'f?lil ln'l~r£1"'uG1:i.n-:i1.:1;

' tl':i.~n. bb'Vl'W (;.JeJi.J.&ln.

2 3 l:ili,8. 2562 l.i:::i. Q.)CI,

:11Ul?lj1'1111 l~bbV'IU G'!Utl.

Ecobranch 1657/62

d D~OQl Q h 1-93 f11l.l'lffitl1"g;V1TU b'1'1.l'VlbOOG'IU1ira~'U'U E . ..... ~~~: ,,

QJ ~ iJ NOW.~n ll/:~l~;w;;~·~;br tJ'lJ<V1n1JeJfl111J , ..... · ·- ................ .

_ijTY11~0'.l1 ... H~~1J1~~JlH1Ufllli~1'JZ~'.YJ~lJ.b1~~J~f!D1.~'!1LfJ~c-hl~, __ Q_~b~b-~J~~'.~::~::::_!~~::~.--~~----···· ; . . ~ ~ ~

1'1 .. D'.l:J:_Q~~J~!J .. ®!IJ!.~ .. ----·-----------------------------------'.l'Yl'l ____ ~~----i~~1~_U ____ ~~~-----------------------------------·

L1ei~ ?11'1Ji:.J'1f11'~"Lh~"l1:Wf1ru~~~:W'U~~ -------------,--------------------,-----------Cl.11-----------------------------------------------------------------------------------------------------------·

b~ti'U e:iB'lJ~m:w"11'1U1~'V11'U

rn~:w'IJ 1~ ?11m1'1.J fl ru~~~:W'U ~ ~ bb'1 ~~~?IJ11 m~'Vl 11\l bf1'11~ 1 bb'1~?1Vi mru 1vi'-:il VJ vl1?11'1J (:,) '1 'I d.9 d.9 't

m1'lh:::'ll:wf1ru:::~'5ll'U~~ f1~\l~ (9)~iv ine:i1ua\lm1~ ~ lll111t.1'U l!Jct'bl!:l 1vit.1iib~m~m~m1'lbn~1bb'1:::?1V1mru ' ... ' ., q i.I Q.J q

b?l'Ue:Jbb'1:::bf1tl1"1Je:J\l Vl\l'U

d d .q

G>.G> L ':iel.:ILWvW"THl.11

- "Ueiei11ii'~bLt:-JiJb~~t.1:wfl11:wl"r~mJ~'l.Jue:i11f1ffH11~ bbe:i'V'l~m 1 u~m"Ue:i\llh':::b VJl"11 'Vl ti

bll'U111~bb iii\l'll1~ d · d d ii ~ I .d ~ 91' cl

kl. L -av.:i'VI n~. tm.11"1.1v.:l/Lfif'UvF111:1.1LV1'lJ'\.h:me>u (V1u1a.:i1uv'lJLU'lJL"1"1.1v.:iL -av.:i) d d .q

ID.G> b 'av.:lbWvW"1'aW1

(9)) bbt:-J'U bu.i 'I.JV! 1m'l?I~ 1\l~u~1m:::'IJ'l.Jf1'1e:J\l bb'1~ m1-W ~u1"11:w"11u~:wf1'1 m b 'll1:w'lh:::'ll1 m ... ' l!:l) "Ueie:JtJii'&i rnWJ\l~um1~1t.1fi 1"11vib'llt!b~mm'1wruvni:-i'1n~"il1n1f11\lm1i:.J1m1ml"1G1

' OJ

bfl) "Ue:ie:i~ii'&i ~ 1 m~ ul°i1"11vi b "liti 1~bbn1111tJ1ffi~~'l.Ji:-iG'lm~'Vl'lJ"il1n1f11\l m1i:.J 1 v11ml"1'1

IS'.) "Ue:ie:iuii'&i"Ut.11t.11~ ti~b 1mm1~ 1biJm1u1ri1'lm1-:il vi?! \JU nPi n111'1l111 'Vlti~ii''IJ~ e:i '

1"11?1'U1B?l'11:W-:il'lVli'V1"111tlbbVJ'UJ11f1b~ boLJ1Pif1'111~8:WVl11Vlt.11GltJ (1~tl~~ <9Jo) 'W.1"1. l!Jct'bl!J - l!Jct'bb d d 'I ... ,,, ., ,,, 1 "'"' :'1 d d ..: "'"")

ID.ID b 'av.:ib W8'Vl'a1U ('1111n L:l.J:IJ"l.lvVJn'Vl1.:I 'lllf:IVL u'Ub 'aeJ.:l'VI Fl'a:l.J. L 'lll'lJ"lfeJU/8'1.J:IJ~ • <9J) m 1"1Je:i"Umt.11:::v::: b 1G11m11 -ifu'l~'lJ'IJ1~n1l"lm:::'V111\lVJf'Wt.11 mu11:w'll1 &ibbG'I:::

~\l Lnvi'1 e:i:w L~e:i\l r\'1V1uvib "U~~u~ bbG1~:w1~1m1fi':wf11e:i\l~\l Lnvi'1e:i:w 1 tJ'lJ~ nruVI ei\l~ "11'1.J'1~~\l\l1:u 1'11'1.J'1ue:ii:-i ~ ' '

1'11'1.JG'l:W:::b~~ 1'11'1.Jmblitl1 t'i'1'1.JG'IV1ii'1biie:J'l 1'11'1.J'1eJ1\l'VleJ\l 1'11'1.JG'l~'ll~ii'e:it.1 a1b.f18bf11:::?1:wt.1 bb'1~1'11'1.Jmm:::w~~'U '

1'11'1.JG1u1u1~ 1'11'1.J'1bf11:::b~1 a1bflmm:::w:::~u ~\JV1i'vi~1111{]{u1-U w.1"1. l!Jcrcr1n1 e:ie:in1t!Bn l!:l \'J l!J) ~1\lnt)f11~Vl11\lb moifiJ\l~'l.Jer\lbiieJ\l11:Wb!ie:J\l'lJ1\l1~-:iltt -:il'l'Vli'vii'i'l~'4~ 'W.1"1 .....

~\l,j' 11t.1G'l:::bBt.1vim1-:ilvi'Vi'1mtli:-iG'lm1'1.11:::"11:wriru~~'5ll'U~~ f1#\l~ <9Jct inei1ua\lm1~ ~ lll'M1ti'U ' ' "'

®ct'bl!J ?11:1J11'1~ 1Jl~ Domain: http://mail.moac.~o.th E-mail: [email protected] 1'!X?1 Cploks@l!J~bfl

lii'l b~tl'U:IJ1b ~f) 1thvi'V111'l.J

(mt.1?11~~~ Bt1V11:a~) '

1e:i\l'll Gi' vi n 1~'Vl11\l bn 11~ 1 LbG'I :::?1V1mru

~'ll1~?11'U\l1ttf1ru~~~:w'U~~bb'1~~~?1J11 " ... ... .. m~'V111\lbf1'11~1bbG'l:::?1V1mru

Ecobranch .• 1.~.f.:.'J./..~k. . .;

ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งท่ี 15/2562 วันอังคารที่ 9 เมษายน 2562

หน้า 1. เรื่องท่ีเสนอโดย กษ. (กษ. เป็นเจ้าของเรื่อง) 1.1 เรื่องเพ่ือพิจารณา 1) ขออนุมัติแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ (กษ. (ปศ.)) 1 1.2 เรื่องเพ่ือพิจารณาจร - 1.3 เรื่องเพ่ือทราบ (หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) - 1.4 เรื่องเพ่ือทราบ - 1.5 เรื่องเพ่ือทราบเป็นข้อมูล - 1.6 เรื่องเพ่ือทราบจร (หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) - 1.7 เรื่องเพ่ือทราบจร - 2. เรื่องท่ี กษ. เกี่ยวข้อง/เสนอความเห็นประกอบ (หน่วยงานอื่นเป็นเจ้าของเรื่อง) 2.1 เรื่องเพ่ือพิจารณา 1) แผนแม่บทโครงสร้างพ้ืนฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร (มท./กษ. (ชป.)) 3 2) ขออนุมัติกรอบวงเงินการจ่ายค่าชดเชยเพ่ือแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราศีไศล (คกก.ฯ โครงการฝายราษีไศล/กษ. (ชป.)) 7 3) ขออนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราศีไศล (คกก.ฯ โครงการฝายราษีไศล/กษ. (ชป.)) 10 4) ขออนุมัติขยายระยะเวลาการด าเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 – 2566 (มท./กษ. (ศอ.บต.สป.กษ.)) 12 2.2 เรื่องเพ่ือพิจารณาจร -

ต่อหน้า 2

ปคร. กษ. โทร 02-281-0685 โทรสาร 02-281-0970

เอกสารชุดน้ีเป็นเอกสารสรุปผลการประชมุคณะรฐัมนตรีเท่าน้ัน

-2-

2.3 เรื่องเพ่ือทราบ (หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) 1) การขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพ้ืนที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ปี (ทส./กษ. (สกม.สป.กษ.)) 15 2) ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... (มท./กษ. (สกม.สป.กษ.)) 17 2.4 เรื่องเพ่ือทราบ - 2.5 เรื่องเพ่ือทราบเป็นข้อมูล - 2.6 เรื่องเพ่ือทราบจร (หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) - 2.7 เรื่องเพ่ือทราบจร -

1


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องเพ่ือพิจารณา (กษ. เจ้าของเรื่อง)

เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : ขออนุมัติแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ สารัตถะ : กษ. เสนอ ครม. พิจารณา ดังนี้

1. แผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรของประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ 2. งบประมาณในการด าเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเร่งด่วน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562

เป็นเงิน 53,604,900 บาท โดยใช้งบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็นปีงบประมาณ 2562 (เมื่อคณะรฐัมนตรีเห็นชอบแลว้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้ด าเนินการตอ่ไป) ส าหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และ 2564 ให้ส านักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดโรคอหิวาตแ์อฟริกาในสุกรมีการแพร่ระบาดขยายเป็นวงกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบันได้มีการระบาดใน 17 ประเทศ หลายภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งทวีปยุโรปจ านวน 10 ประเทศ ทวีปแอฟริกาจ านวน 4 ประเทศ และทวีปเอเชียจ านวน 3 ประเทศ โดยมีรายงานการระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันท่ี 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ต่อมามีการระบาดที่ประเทศมองโกเลีย เมื่อวันท่ี 15 มกราคม พ.ศ. 2562 และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เมื่อวันท่ี 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 มีการรายงานอย่างเป็นทางการในการท าลายสุกรในสาธารณรัฐประชาชนจีนจ านวน 950,000 ตัว ประเทศมองโกเลียจ านวน 2,992 ตัว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามจ านวน 56,600 ตัว รวมท าลายสุกรทั้งสิ้น 999,592 ตัว ประมาณการความเสียหายเบื้องต้นของทั้ง สามประเทศเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์การระบาดของโรคในทั้งสามประเทศยังไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ท าให้ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่เช้ือไวรัส โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรเข้าสู่ประเทศมากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเดินทางเพื่อการท่อเที่ยว การค้าขาย การขนส่งสินค้า ปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ที่มีข้อจ ากัดด้านชายแดนที่มีระยะทางยาว เป็นต้น รวมถึงความต้องการสุกรและผลิตภัณฑ์สูงขึ้น ส่งผลให้มีการลักลอบน าเข้าผลิตภัณฑ์สุกรโดยนักท่องเที่ยวตามแนวชายแดน ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้เข้มงวดจับกุมการลักลอบเคลื่อนย้ายสุกร ซากสุกร และผลิตภัณฑ์สุกรที่นักท่องเที่ยวน ามาบริโภคอย่าง

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กษ. (ปศ.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนมีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและบูรณาการป้องกันการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาได้อย่าง มีประสิทธิภาพ

ก าหนดรายงานผลการปฏิบัติเพ่ือเสนอ ครม. :

-

2

ต่อเนื่อง ตั้งแต่มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรที่สาธารณรัฐประชาชนจีน จนถึงวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562 ได้มีการตรวจยึดการลักลอบเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์จากสุกรจ านวน 269 ครั้ง และผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการปนเปื้อน สารพันธุกรรมเช้ือไวรัสโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรจ านวน 59 ตัวอย่าง

มติ ครม. : เห็นชอบแผนเตรียมความพร้อมรับมือโรคหิวาต์แอฟริกาในสุกรขงประเทศไทยเป็นวาระแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส าหรับงบประมาณในการด าเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเร่งด่วน ให้เป็นไปตามความเห็นของส านักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก ากับดูแลการด าเนินการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและรัดกุม รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

3


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องเพ่ือพิจารณา (กษ. เสนอความเห็น/เกี่ยวข้อง)

เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : แผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร สารัตถะ : มท. เสนอ ครม. พิจารณา ดังนี้

1. รับทราบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร มีก าหนดแผนการด าเนินการ 9 ปี (ปี พ.ศ. 2562 – 2570)

2. เห็นชอบแผนงานการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ า ป้องกันน้ าท่วม และบ าบัดน้ าเสียคลองเปรมประชากร ทั้งระบบ ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา – กรุงเทพมหานคร โดยด าเนินการตามกรอบแผนงานหลักระยะเร่งด่วน ปี 2562 – 2565 จ านวน 4 โครงการ วงเงิน 4,448 ล้านบาท ได้แก ่

1) กรุงเทพมหานคร ด าเนินการโครงการก่อสร้างเขื่อนจากถนนเทศบาลสงเคราะห์ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร วงเงิน 3,443 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ าแห่งชาติ (กนช.) แล้ว

2) ส านักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดปทุมธานี ด าเนินการโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากรจากคลองบ้านใหม่ถึงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ วงเงิน 980 ล้านบาท

3) กรมชลประทาน ด าเนินการขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ถึงคลองเชียงรากน้อย ระยะทาง 15.8 กิโลเมตร วงเงิน 16 ล้านบาท

4) กรมชลประทาน ด าเนินการขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากคลองเชียงรากน้อยถึงสถานีสูบน้ าเปรมเหนือบางปะอิน ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร วงเงิน 9 ล้านบาท

3. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด าเนินการตามแนวทางที่ได้ก าหนดในแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรต่อไป

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1. การขับเคลื่อนการด าเนินการฟ้ืนฟูและพัฒนาคลองเปรมประชากร

1) กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันด าเนินกิจกรรมการฟื้นฟูและพัฒนา

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : มท./กษ. (ชป.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคลองเปรมประชากร ได้ด าเนินการในส่วนที่รับผิดชอบตามแนวทางที่ได้ก าหนดในแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร ได้ตามแผนงานที่ก าหนด ซึ่งแผนมีระยะเวลาด าเนินการ 9 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 - 2570


-

4

คลองเปรมประชากรให้ใสสะอาด เพื่อดูแลรักษาคลองอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรมท าความสะอาด รณรงค์ส่งเสริม การดูแลรักษาคูคลอง ตัดแต่งต้นไม้กิ่งไม้ริมคลอง รณรงค์ส่งเสริมการลดและคัดแยกขยะ เป็นต้น

2) การจัดท าโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาพื้นที่คลองเปรมประชากร โดยคณะอนุกรรมการจัดท าแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรร่วมกันจัดท าแผนเพื่อก าหนด แนวทางการพัฒนามาใช้เป็นกรอบการด าเนินการ และในการประชุมเมื่อวันท่ี 28 กุมภาพันธ์ 2562 ได้มีมติรับรองแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร และเห็นชอบให้น าเสนอคณะกรรมการอ านวยการก าหนดนโยบายการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ าล าน้ าสาธารณะเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

3) กระทรวงมหาดไทยได้น าโครงการพัฒนาและปรับปรุงคลองเปรมประชากรเพื่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยด าเนินการก่อสร้างเขื่อนริมคลองเปรมประชากร ช่วงจากถนนเทศบาลสงเคราะห์ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร จากคลองบ้านใหม่ถึงหมู่บ้านแกรนด์คาแนล ความยาว 460 เมตร และก่อสร้างบ้านมั่นคง จ านวน 10 หลัง บรรจุเป็นส่วนหน่ึงของโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

2. แผนแม่บทโครงสร้างพ้ืนฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร สรุปดังนี้ 1) วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทั้งชุมชนและเมืองพัฒนาด้านการเพิ่ม

ประสิทธิภาพการระบายน้ า โดยการออกแบบวางผังพื้นที่ริมคลองให้องค์ประกอบต่างๆ มีความสอดคล้องกัน ได้แก่ การพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนาด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ า การจัดระบบสาธารณูปโภคและผังเมือง การพัฒนาพ้ืนท่ีเศรษฐกิจชุมชน แผนพัฒนาจุดเช่ือมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ – ราง – เรือ – ทางจักรยาน และแผนพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชน เป็นต้น

2) พื้นที่โครงการ คลองเปรมประชากร จากคลองผดุงกรุงเกษม ถึงแม่น้ าเจ้าพระยา ความยาว 50.8 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ความยาว 22.8 กิโลเมตร ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ความยาว 20 กิโลเมตร และในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความยาว 8 กิโลเมตร

3) แนวคิดหลัก 4 ด้าน (1) ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเมือง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ า

การบ าบัดน้ าเสีย การพัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่ง การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จ าเป็น และการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของเมือง

(2) ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชุมชนริมคลอง โดยการรื้อย้ายบ้านรุกล้ าเดิม และวางผังจัดระเบียบที่อยู่อาศัยใหม่ ด้วยการก่อสร้างบ้านมั่นคง แบบบ้าน 1 – 2 ช้ัน ขนาด 4 x 7 เมตร หรือขนาด 5 x 6 เมตร พร้อมระบบสาธารณูปโภคต่างๆ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต

(3) ด้านการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วม โดยการสร้างการรับรู้และเจรจาท าความเข้าใจกับประชาชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง และการเผยแพร่ หรือประชาสัมพันธ์โครงการต่อสาธารณะ

5

(4) ด้านกฎหมายและการขับเคลื่อนงาน โดยการปรับแก้กฎหมายหรือระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการด าเนินงาน การบังคับใช้กฎหมายและการด าเนินคดีต่อผู้กระท าความผิด และการขับเคลื่อนงานให้เป็นไปตามแผนแม่บทฯ

4) ระยะเวลาด าเนินการ 9 ปี (ปี พ.ศ. 2562 – 2570) 5) จากแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร ด้านที่เกี่ยวข้อง

กับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ า คือ ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อมของเมือง กรอบแผนที่ 1.1 การเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ า ป้องกันน้ าท่วม และบ าบัดน้ าเสีย มีโครงการที่ต้องด าเนินการรวม 34 โครงการ วงเงิน 32,652.78 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2562 – 2568 ประกอบด้วย แผนงานหลัก 4,448 ล้านบาท และแผนงานสนับสนุน 28,204.78 ล้านบาท

3. การจัดท าโครงสร้างพ้ืนฐานเพ่ือการพัฒนาพ้ืนที่คลองเปรมประชากรระยะเร่งด่วน 1) ภายในเดือนเมษายน 2562 กรุงเทพมหานครเริ่มกระบวนการก่อสร้างเขื่อนริมคลองเปรมประชากร

ช่วงจากถนนเทศบาลสงเคราะห์ ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร (จากทั้งหมด 4 ช่วง) ช่วงแรก จากคลองบ้านใหม่ถึงบ้าน แกรนด์คาแนล ความยาว 460 เมตร

2) ภายในเดือนพฤษภาคม 2562 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จะลงเสาเอกเพื่อก่อสร้างบ้านมั่นคง จ านวน 10 หลัง (ใช้เวลาประมาณ 4 – 6 เดือน)

4. ความเห็นหรือความเห็นชอบ/อนุมัติของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง 1) การประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ าแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562

ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบในหลักการ ดังนี้ (1) แผนงานการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ า ป้องกันน้ าท่วม และบ าบัดน้ าเสียคลองเปรมประชากร

ทั้งระบบ ตั้งแต่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา – กรุงเทพมหานคร (2) ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง/กรุงเทพมหานคร) และกระทรวงเกษตรและ

สหกรณ์ (กรมชลประทาน) ด าเนินการตามกรอบแผนงานหลักระยะแรก ปี 2562 – 2565 วงเงิน 4,466 ล้านบาท (3) ให้กรุงเทพมหานครเสนอโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากรจากถนนเทศบาลสงเคราะห์

ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร วงเงิน 3,443 ล้านบาท ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบโครงการ และด าเนินการ ตามระเบียบงบประมาณต่อไป

2) การประชุมคณะกรรมการอ านวยการก าหนดนโยบายการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ าล าน้ าสาธารณะ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2562 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน การประชุม ได้มีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงสรา้งพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากร และให้น าเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรต่อไป

6

มติ ครม. : อนุมัติตามความเห็นของส านักงบประมาณ (หนังสือส านักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร 0715/556 ลงวันที่ 2 เมษายน 2562 และหนังสือส านักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร 0715/569 ลงวันที่ 9 เมษายน 2562) ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการ ในส่วนท่ีเกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ส านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ความเห็นชอบแล้วให้ครบถ้วนรวมทั้งด าเนินการให้ถูกต้อง เป็ นไปตามขั้นตอน ของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย

7



เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : ขออนุมัติกรอบวงเงินการจ่ายค่าชดเชยเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล สารัตถะ : คกก.ฯ โครงการฝายราศีไศล เสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติกรอบวงเงินการจ่ายค่าชดเชยเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 599,974,400 บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบกลางปี 2562 รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น และเห็นควรให้มีคณะกรรมการก ากับดูแลการจ่ายเงินชดเชยเพื่อท าหน้าท่ีก ากับดูแลการจ่ายเงินและจ านวนเงินค่าชดเชยให้ถูกต้องครบถ้วนโดยถือความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้เป็นหลักฐานในการจ่ายเงินค่าชดเชย

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1. กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน สร้างฝายราษีไศล เมื่อปี พ.ศ. 2532 ซึ่งต่อมาได้มีการถ่ายโอนภารกิจ

มาอยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ตามพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอ านาจหน้าที่ของส่วนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545

2. คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๔๕ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ โดยใช้กลไกตามค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีก ากับการปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคเป็นประธานกรรมการ ซึ่งปัจจุบันเป็นค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗๔/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล และนายกรัฐมนตรีมีบัญชามอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ซึ่งก ากับและติดตามการปฏิบัติราชการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นประธานกรรมการ

3. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ได้พิจารณาก าหนดขั้นตอนการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิการครอบครองและท าประโยชน์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล 9 ขั้นตอน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล รวม 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด และเห็นชอบหลักเกณฑ์การก าหนดลักษณะพื้นที่ที่ถือว่าท าประโยชน์ตามสภาพท้องถิ่นในความหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543 ดังนี้ 1) พื้นที่รกร้าง 2) พื้นที่น้ าท่วมขัง และ 3) พื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่โล่งเตียน ป่าไมยราบ ไม้พุ่มเตี้ย ป่าธรรมชาติและอื่นๆ โดยให้จ่ายค่าชดเชยในอัตราราคาไร่ละ

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : คกก.ฯ โครงการฝายราษีไศล/กษ. (ชป.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจาก การก่อสร้างฝายราษีไศลที่มีมาอย่างยาวนาน


-

8

32,000 บาท ยกเว้น 1) พื้นที่ป่าสมบูรณ์ และ 2) พื้นที่น้ า (หนอง กุด บึง) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลแล้ว รวมทั้งหมด ๙ ครั้ง จ านวน ๑๐,๘๕๐ แปลง เนื้อท่ี ๔๗,๐๗๔-๓-๐๐.๖๒ ไร่ ในอัตราไร่ละ ๓๒,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๑,๕๐๖,๓๙๒,๐๔๙.๖๐ บาท

4. คณะกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ กรมชลประทานด าเนินการให้ผู้เช่ียวชาญอ่านแปลตีความภาพถ่ายโครงการฝายราษีไศล โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ. 2531 กับ พ.ศ. 2532 เพื่อวิเคราะห์สภาพพื้นที่ประกอบการตรวจสอบการครอบครองและท าประโยชน์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบและป้องกันราษฎรน าช้ีรังวัดแปลงท่ีดินที่ไม่สามารถท าประโยชน์ได้ ซึ่งได้ผลการอ่านแปล ดังนี้

เพราะฉะนั้น คงเหลือพื้นที่ที่จะต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล จ านวน 18,469 ไร่ วงเงินโดยประมาณ 599,974,400 บาท

5. พื้นที่ท่ีจะต้องจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล จ านวน 18,469 ไร่ วงเงินโดยประมาณ 599,974,400 บาท แบ่งเป็น

ล าดับ กิจกรรม จ านวน (บาท) 1 จ่ายเงินเพิ่มตามค าพิพากษาศาลปกครองนครราชสีมา พร้อมดอกเบี้ย 68,742,400 2 จ่ายเงินกรณีกลุ่มสมัชชาคนจนไม่ยอมรับเงินค่าชดเชยเนื่องจากได้รับค่าชดเชยไม่เต็ม

แปลง ตามแผนที่ ร.ว. 43 ก. 6,560,000

3 กรณีที่มีข้อเท็จจริงลักษณะเดียวกันกับที่ศาลมีค าพิพากษา 142,336,000 4 พื้นที่ท่ีคงเหลือท่ีจะจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ได้รับผลกระทบ 382,336,000

6. คณะกรรมการฯได้พิจารณาในการประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 มีมติเห็นชอบ ในหลักการดังนี้ (1) กรอบวงเงินชดเชยเพื่อแก้ไขปัญหาโครงการฝายราษีไศล เป็นจ านวนเงินทั้งสิ้น 600,000,000 บาท เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป และ (2) จัดท าแผนรายละเอียด ในการขออนุมัติเงินเป็นคราวๆ ไป ตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องน าเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติอีก และเร่งท าแผนการจ่ายเงินระยะที่ 1 ในปีงบประมาณ 2562

ล าดับ รายละเอียด พ้ืนที่ (ไร่) พื้นที่ท้ังหมดที่ถูกน้ าท่วมที่ระดับ +119 เมตร (รทก.) 92,344

1 พื้นที่ท่ีจ่ายเงินแล้ว 60,226 2 พื้นที่ท่ีไม่ต้องจ่ายเงิน 13,649 3 พื้นที่ท่ีจะต้องจ่ายเงิน 18,469

9

ความเห็นของ กษ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับหลักการขออนุมัติกรอบวงเงินค่าชดเชยเพื่อแก้ไข

ปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล จ านวน 599,974,400 บาท ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลเสนอ เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างฝายราษีไศลที่มีมาอย่างยาวนาน ประกอบกับเป็นการด าเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ครั้งท่ี 3/2561 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561

มติ ครม. : 1. อนุมัติตามความเห็นของส านักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของส านักงานทรัพยากรน้ าแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการต่อไปด้วย

2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการด าเนินการตรวจพิสูจน์สิทธิการครอบครองท าประโยชน์ในพ้ืนท่ีที่ได้รบัผลกระทบให้สามารถจ่ายค่าชดเชยได้โดยเร็ว และเป็นไปตามกรอบวงเงินและระยะเวลาด าเนินการที่ก าหนดไว้ โดยให้ด าเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งให้ก าหนดมาตรการในการจ่ายเงินให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการเรียกร้องค่าชดเชยเพิ่มเติมในภายหลังด้วย

10



เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : ขออนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล สารัตถะ : คกก.ฯ โครงการฝายราศีไศล เสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติให้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับ ผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล จ านวน ๖๗ แปลง เนื้อท่ี ๓0๒-๓-๗๓.๔๑ ไร่ รวมเป็นเงิน ๙,๖๙๓,๘๗๒.๘๐ บาท ในอัตราไร่ละ ๓๒,๐๐๐ บาท โดยขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น และเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการก ากับดูแลการจ่ายเงินค่าชดเชย ในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อท าหน้าที่ก ากับดูแลการจ่ายเงินและจ านวนเงินค่าชดเชยให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิและจ านวนเงินค่าชดเชย

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ได้พิจารณาก าหนดขั้นตอนการตรวจสอบ

พิสูจน์สิทธิการครอบครองและท าประโยชน์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล 9 ขั้นตอน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล รวม 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด และเห็นชอบหลักเกณฑ์การก าหนดลักษณะพื้นที่ที่ถือว่าท าประโยชน์ตามสภาพท้องถิ่นในความหมายตามมติ ครม. เมื่อวันท่ี 1 ก.พ. 43 ดังนี้ 1) พื้นที่รกร้าง 2) พื้นที่น้ าท่วมขัง และ 3) พื้นที่อื่นๆ เช่น พื้นที่โล่งเตียน ป่าไมยราบ ไม้พุ่มเตี้ย ป่าธรรมชาติและอื่นๆ โดยให้จ่ายค่าชดเชยในอัตราราคาไร่ละ 32,000 บาท ยกเว้น 1) พื้นที่ป่าสมบูรณ์ และ 2) พื้นที่น้ า (หนอง กุด บึง) ซึ่ง ครม. ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎร ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลแลว้ รวมทั้งหมด ๙ ครั้ง จ านวน ๑๐,๘๕๐ แปลง เนื้อท่ี ๔๗,๐๗๔-๓-๐๐.๖๒ ไร่ ในอัตราไร่ละ ๓๒,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๑,๕๐๖,๓๙๒,๐๔๙.๖๐ บาท

2. คณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบผลการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายราษีไศล ที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลทั้ง 3 จังหวัด คือ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดร้อยเอ็ด และเห็นควรให้จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายราษีไศลในท้องที่ท้ัง 3 จังหวัด ดังกล่าว โดยขอใช้เงินงบกลาง รายการเงินส ารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจ าเป็น ในอัตราไร่ละ 32,000 บาท จ านวน 67 แปลง เนื้อที่ 302-3-73.41 ไร่ รวมเป็นเงิน

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : คกก.ฯ โครงการฝายราษีไศล/กษ. (ชป.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายราษีไศล


-

11

9,693,872.80 บาท จากการประชุมทั้งหมด 4 ครั้ง ดังนี้ 1) มติที่ประชุมครั้งที่ 2/2560 เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 60 จ านวน 8 แปลง เนื้อที่ 44 -3-65 ไร่ เป็นเงิน

1,437,200 บาท 2) มติที่ประชุมครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 61 จ านวน 17 แปลง เนื้อที่ 11 -3-56 ไร่ เป็นเงิน

380,480 บาท 3) มติที่ประชุมครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 61 จ านวน 21 แปลง เนื้อที่ 44-0-94 ไร่ เป็นเงิน

1,415,520 บาท 4) มติที่ประชุมครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 61 จ านวน 21 แปลง เนื้อที่ 201 -3-58.41 ไร่ เป็น

เงิน 6,460,672.80 บาท

ความเห็นของ กษ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับหลักการในการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรที่ได้รับ

ผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ในท้องที่ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดศรีสะเกษ จ านวน 67 แปลง เนื้อท่ี 302-3-73.41 ไร่ รวมเป็นเงิน 9,693,872.80 บาท ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศลเสนอ เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินค่าชดเชยเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายราษีไศล ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราศีไศล ที่เห็นชอบให้จ่ายเงินค่าชดเชยดังกล่าวตามผลการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฝายราษีไศล

มติ ครม. : อนุมัติตามความเห็นของส านักงบประมาณ

12



เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : ขออนุมัติขยายระยะเวลาการด าเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดน

ภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 - 2566 สารัตถะ : มท. เสนอ ครม. พิจารณาขออนุมัติขยายระยะเวลาด าเนินโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนา อีสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยระยะที่ 10 (พ.ศ. 2562 - 2566) ต่อไป โดยมีสาระส าคัญดังต่อไปนี้

1. ให้คงจ านวนนักศึกษาปีละ 44 ทุน ให้เข้าศึกษาในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ จ านวน 27 ทุน สาขาวิชาสังคมศาสตร์ เป็น 17 ทุน (อัตราส่วน 60 : 40) และในการรับนักศึกษาตามจ านวนดังกล่าว ให้พิจารณารับนักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดละ 2 คน เพื่อเป็นการเยียวยาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

2. ให้คงจ านวนมหาวิทยาลัยที่จะรับนักศึกษาตามโครงการฯ ไว้จ านวน 9 แห่งเช่นเดิม เนื่องจาก 9 มหาวิทยาลัยของรัฐ มีความพร้อมที่จะรับนักศึกษาตามโครงการฯ

3. ให้สงวนอัตราเข้ารับราชการตามมตคิณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 และควรมีการสงวนอัตราที่ชัดเจนและเพียงพอกับนักศึกษาทุนทุกคน เพื่อเป็นกลยุทธ์ที่ท าให้การปฏิบัติการทางด้านจิตวิทยาบรรลุผลส าเร็จ นักศึกษาตามโครงการจะเป็นผู้เชื่อมความเข้าใจระหว่างหน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน กับประชาชนในพื้นที่ และกลับไปพัฒนาบ้านเกิด เป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน

4. ควรมีการเพิ่มจ านวนทุนให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และนอกจากจะจัดสรรเป็นเงินทุนอุดหนุนการศึกษาตามที่จ่ายจริงในแต่ละสาขาวิชา ควรพิจารณาการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพ ค่าอุปกรณ์การเรียน ทั้งนี้ ได้ประมาณการคา่ใช้จ่ายส าหรับเงินทุนอุดหนุนการศึกษาตั้งแต ่พ.ศ. 2562 – 2566 เป็นเงิน 41,700,000 บาท (สี่สิบเอ็ดล้านเจ็ดแสนบาทถ้วน)

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ให้กระทรวงมหาดไทย (โดยกรมการปกครอง)

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : มท./กษ. (ศอ.บต.สป.กษ.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

สามารถผลิตบุคลากรที่ส าเร็จการศึกษาและกลับไปท างาน ยังภูมิล าเนาเดิม สร้างงานสร้างอาชีพภายในชุมชน และมีส่วนร่วม ในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง นับว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การศึกษาเป็นกลยุทธ์เพื่อเป็นพื้นฐานในการสร้างความเข้าใจละพัฒนาด้านอื่นๆ


-

13

ด าเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2557 - 2561) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องด าเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 จนถึงปัจจุบัน รวม 9 ระยะ และจะสิ้นสุดระยะที่ 9 ในปี พ.ศ. 2561

2. โครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย ประกอบด้วยกิจกรรมแบบเบ็ดเสร็จ 3 ประการ คือ

1) การคัดเลือกนักศึกษา กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ร่วมกับมหาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ด าเนินการคัดเลือกนักศึกษาตามโครงการฯ เพื่อให้ได้นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ ของรัฐ รวม 9 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยจัดสรรจ านวนนักศึกษาออกเป็นรายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี 12 คน จังหวัดนราธิวาส 13 คน จังหวัดยะลา 8 คน จังหวัดสตูล 7 คน และจังหวัดสงขลา 4 คน

2) การจัดสรรเงินทุนอุดหนุนการศึกษา กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปี เพื่อมอบเงินเป็นทุนอุดหนุนการศึกษาให้แก่นักศึกษาตามโครงการฯ ปีละ 44 ทุน จ าแนกเป็นสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ 27 ทุน ๆ ละ 40,000 บาท และสาขาวิชาสังคมศาสตร์ 17 ทุน ๆ ละ 30,000 บาท ซึ่งจะต้องมีนักศึกษาที่เข้าศึกษาในวิชาชีพครูจ านวนร้อยละ 10 ของนักศึกษาที่เข้ารับการศึกษาในแต่ละปี โดยมีพื้นที่ด าเนินการโครงการฯ ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบัน (จังหวัดหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และอ าเภอจะนะ เทพา นาทวี และอ าเภอสะบ้าย้อยของจังหวัดสงขลา) โดยด าเนินการเบิกจ่ายตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินอุดหนุนการศึกษาแก่นักศึกษาชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2552

3) การสงวนอัตราเข้ารับราชการ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 ให้กระทรวง กรม ต่างๆ ทีม่ีหน่วยงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สงวนอัตราไว้ส าหรับนักศึกษาชาวไทยมุสลิมที่ส าเร็จการศึกษาตามโครงการฯ เข้ารับราชการเป็นกรณีพิเศษ โดยให้มีการสอบคัดเลือก 4 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สงวนอัตราไว้กระทรวงละ 1 อัตรา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยให้สอบแข่งขันคัดเลือกกันเองในการเข้ารับราชการในพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนภาคใต้

ความเห็นของ กษ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาแล้ว โครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัด

ชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยดังกล่าว สามารถผลิตบุคลากรที่ส าเร็จการศึกษาและกลับไปท างาน ยังภูมิล าเนาเดิม สร้างงานสร้างอาชีพภายในชุมชน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง นับว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้การศึกษาเป็น

14

กลยุทธ์เพื่อเป็นพ้ืนฐานในการสร้างความเข้าใจละพัฒนาด้านอื่นๆ จึงเห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

มติ ครม. : 1. อนุมัติในหลักการโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 – 2566 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ด าเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 (เรื่อง การจัดสรรทุนรัฐบาลให้แก่หน่วยงานของรัฐ) ที่ก าหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งที่มีความประสงค์จะขอรับการจัดสรรทุนการศึกษาจากรัฐบาลจัดส่งเรื่องพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้กับส านักงาน ก.พ. พิจารณาก่อนด าเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวเพื่อขอรับ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของส านักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ส านักงบประมาณ ส านักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ส านักงาน ก.พ. กองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และศูนย์อ านวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และข้อสังเกตของส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการต่อไปด้วย

2. ส าหรับการสงวนอัตราเข้ารับราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 [เรื่อง ขอขยายระยะเวลาด าเนินงานโครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่างๆ (พ.ศ. 2547 – 2551)] ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) หารือร่วมกับหน่วยงานหลักตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานอ่ืนท่ีเกี่ยวข้องเพื่อก าหนดแนวทางการสงวนอัตราเข้ารับราชการของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสาขาที่นักศึกษาเรียนจบ เพ่ือให้การจัดสรรก าลังคนของหน่วยงานเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด

3. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กองอ านวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาก าหนดแนวทางในการจัดสรรโควตาทุนสาขาแพทย์ให้กับนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อแก้ไขปัญหาบุคลากรด้านการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ก าลังขาดแคลนในปัจจุบัน

15


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องเพ่ือทราบ (หากไม่มีข้อทกัทว้งให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) (กษ. เสนอความเห็น/เกี่ยวข้อง)

เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462 เรื่อง : การขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพื้นที่

และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ป ี

สารัตถะ : ทส. เสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... ซ่ึงมีสาระส าคัญเป็นการขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ออกไปอีก 2 ปี

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 1. ทส. เสนอว่า ได้ด าเนินการประกาศเขตพื้นที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยอ านาจตามความ

ในมาตรา 44 และมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ออกเป็นประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ซ่ึงมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 เป็นระยะเวลา 5 ปี และจะสิ้นสุดอายุการใช้บังคับในวันที่ 30 พฤษภาคม 2562

2. เนื่องจากประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามข้อ 1. อยู่ระหว่างการด าเนินการแก้ไขปรับปรุงการก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ทส. จ าเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการด าเนินการอีกระยะหนึ่ง ท าให้ไม่สามารถด าเนินการให้มีผลใช้บังคับได้ทันภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ได้ ดังน้ัน จึงมีความ

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : ทส./กษ. (สกม.สป.กษ.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อเร่งรัดปรับปรุงการก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ


-

16

จ าเป็นที่จะต้องขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฉบับดังกล่าวออกไปอีก 2 ปี นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ หากไม่สามารถด าเนินการขยายระยะเวลาการใช้บังคับได้ทันตามก าหนดดังกล่าว จะท าให้การใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงฯ เกิดช่องว่างของการใช้บังคับกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นท่ีคุ้มครองสิ่งแวดล้อมดังกล่าว

3. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2562 ได้พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว ออกไปอีก 2 ปี นับแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2562 และให้น าเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป

ความเห็นของ กษ. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้พิจารณาแล้ว เห็นด้วยในหลักการการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศ

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2557 ออกไปอีก 2 ปี เนื่องจากประกาศฉบับนี้ มีผลใช้บังคับ 5 ปี นับตั้งแต่วันท่ี 31 พฤษภาคม 2557 และจะสิ้นสุดอายุการใช้บังคับในวันที่ 30 พฤษภาคม 2562 ดังนั้น จึงเห็นชอบด้วยกับการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าว

มติ ครม. : 1. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ก าหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ต าบลตลิ่งงาม ต าบลบ่อผุด ต าบลมะเร็ต ต าบลแม่น้ า ต าบลหน้าเมือง ต าบลอ่างทอง ต าบลลิปะน้อย อ าเภอเกาะสมุย และต าบลเกาะพะงัน ต าบลบ้านใต้ ต าบลเกาะเต่า อ าเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วด าเนินการต่อไปได้

2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการต่อไปด้วย

17


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องเพ่ือทราบ (หากไม่มีข้อทกัทว้งให้ถือเป็นเรื่องท่ี ครม. เห็นชอบ/อนุมัติ) (กษ. เสนอความเห็น/เกี่ยวข้อง)

เรื่อง/สารัตถะ/มติ/อื่นๆ หน่วยงานที่รับผิดชอบ/เจ้าของเรื่อง 090462

เรื่อง : ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. ....

สารัตถะ : มท. เสนอ ครม. พิจารณา อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการผังเมืองได้ให้ความเห็นชอบแล้ว

โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้ มท. เสนอว่า กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ด าเนินการวางและจัดท าผังเมืองรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี

ในท้องที่ต าบลโพชนไก่ ต าบลแม่ลา ต าบลเชิงกลัด ต าบลสิงห์ ต าบลไม้ดัด และต าบลบ้านจ่า อ าเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 ก าหนดไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจัดให้มีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในท้องที่ดังกล่าว และปิดประกาศให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตรวจดูและยื่นค าร้องเป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบก าหนดปิดประกาศปรากฏว่าไม่มีผู้ยื่นค าร้องและคณะกรรมการผังเมืองได้มีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าว มาเพื่อด าเนินการ

ความเห็นของ กษ. กษ. พิจารณาแล้ว เห็นด้วยในหลักการของร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทาง

ในการพัฒนาและการด ารงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการวางผังเมือง อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องให้ความส าคัญกับการควบคุมการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ ของกฎกระทรวงดังกล่าวเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด โดยค านึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการระบายน้ าในพ้ืนท่ี

มติ ครม. : 1. อนุมัติหลักการรา่งกฎกระทรวงใหใ้ช้บังคับผงัเมอืงรวมเมืองบางระจัน จังหวัดสิงห์บรุี พ.ศ. .... ตามทีก่ระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งส านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วด าเนินการต่อไปได้

2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และส านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาด าเนินการต่อไปด้วย

หน่วยงานที่รับผิดชอบ : มท./กษ. (สกม.สป.กษ.) ประโยชน์ที่ได้รับ :

เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการด ารงรักษาเมือง และบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม


-

('1..11.:j[l'llvn'f?lil (;.jeji.j.&ln. 2 3 l:ili,8....

Documents